In Regentcrest Plc (In Liquidation)

In Regentcrest Plc (In Liquidation) v Cohen 16 Jonathan Parker J., when dealing with the duty to act bona fide in the best interests of the company, said that if the directors give unequivocal evidence that they had honestly believed that they had acted in the best interests of the company,17 and if that evidence was accepted, then there had been no breach.18 However, directors still have to give evidence and be cross-examined, and after all of that, and in light of the circumstances surrounding the alleged breach, it is permissible for a judge not to believe directors when they state that they believed they were acting in good faith for the benefit of the company. For instance, in Extrasure Travel Insurance Ltd v Scattergood 19 Jonathan Crow (sitting as a deputy High Court judge) did not believe the directors when they said that they believed that they were acting in the best interests of the company.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน Regentcrest จำกัด(มหาชน) (ในชำระ) วีโคเฮน 16 Jonathan คเกอร์ J. เมื่อจัดการกับภาษีทำผู้จด fide ผลประโยชน์บริษัท กล่าวว่า ถ้าหลักฐาน unequivocal ที่มีสุจริตอย่างเชื่อกันว่า พวกเขาได้ดำเนินผลประโยชน์บริษัท 17 และถ้าหลักฐานที่ยอมรับ แล้วก็มี breach.18 ไม่มีไร ให้กรรมการกรรมการยังได้ให้หลักฐาน และ cross-examined และหลังจาก ที่ และ เมื่อสถานการณ์รอบละเมิดถูกกล่าวหา เป็นสารพัดผู้พิพากษาไม่ให้เชื่อกรรมการเมื่อพวกเขาระบุว่า พวกเขาเชื่อว่า พวกเขาถูกห้ามในสุจริตเพื่อประโยชน์ของบริษัท ตัวอย่าง ใน v Extrasure เดินทางประกันภัย จำกัด ขัน Jonathan 19 Scattergood (นั่งเป็นผู้พิพากษาศาลสูงเป็นรอง) ไม่เชื่อกรรมการเมื่อพวกเขากล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่า พวกเขาได้ทำหน้าที่ในของบริษัท

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใน Regentcrest จำกัด (ในการชำระบัญชี) v 16 โจนาธานโคเฮนปาร์กเกอร์เจเมื่อต้องรับมือกับหน้าที่ที่จะต้องทำหน้าที่โดยสุจริตในความสนใจที่ดีที่สุดของ บริษัท ฯ กล่าวว่าหากกรรมการให้หลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขามีความเชื่อโดยสุจริตว่าพวกเขาได้ทำหน้าที่ใน ประโยชน์ที่ดีที่สุดของ บริษัท ฯ , 17 และถ้าหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการยอมรับแล้วไม่มีการ breach.18 อย่างไรก็ตามคณะกรรมการยังคงต้องให้หลักฐานและจะข้ามการตรวจสอบและหลังจากทุกที่และในแง่ของสภาพแวดล้อม ผิดตามข้อกล่าวหาก็เป็นที่อนุญาตสำหรับผู้พิพากษาที่จะไม่เชื่อกรรมการเมื่อพวกเขากล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาได้กระทำการโดยสุจริตเพื่อประโยชน์ของ บริษัท ยกตัวอย่างเช่นใน Extrasure ประกันภัยการเดินทาง จำกัด วี Scattergood 19 โจนาธานโคร (นั่งเป็นรองผู้พิพากษาศาลสูง) ไม่เชื่อว่ากรรมการเมื่อพวกเขากล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าพวกเขากำลังทำหน้าที่อยู่ในความสนใจที่ดีที่สุดของ บริษัท

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน regentcrest PLC ( Liquidation ) v โคเฮน 16 โจนาธานปาร์กเกอร์เจ เมื่อจัดการกับหน้าที่ที่จะต้องกระทำโดยสุจริตในความสนใจที่ดีที่สุดของ บริษัท กล่าวว่า หากคณะกรรมการให้ชัดเจน หลักฐานที่พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาได้ทำหน้าที่ในความสนใจที่ดีที่สุดของ บริษัท ที่ 17 และถ้าหลักฐานที่ได้รับการยอมรับ จากนั้นได้มีการ breach.18 อย่างไรก็ตามบริษัทยังต้องให้หลักฐานและตรวจสอบ และหลังจากที่ทั้งหมด และในแง่ของสถานการณ์โดยรอบถูกกล่าวหาว่าละเมิด ก็อนุญาตให้ผู้พิพากษาที่จะไม่เชื่อกรรมการเมื่อพวกเขาระบุว่าพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาทำในความเชื่อที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท สำหรับอินสแตนซ์ในการประกันภัยการเดินทาง extrasure จำกัดวีคนฟุ่มเฟือย 19 โจนาธานกา ( นั่งเป็นผู้พิพากษารองหัวหน้าศาล ไม่ เชื่อว่าคณะกรรมการเมื่อพวกเขากล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาแสดงในผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของบริษัท