Once a socket has been created as t

Once a socket has been created as type
SOCK SEEK STREAM, the normal recv() and
recvmsg() functions can be used as usual. A new
function, seek recv(), is implemented as a syscall and
takes the following arguments:
ssize t seek recv(int s, void
*buf, size t len, int flags,
size t offset);
The arguments are identical to the recv() function, with
the offset variable added to specify the number of bytes to
offset into the stream. This offset is always relative to the
first byte which would be received through a recv() call.
Since seek recv() modifies the msghdr structure
and then calls the generic sock recvmsg function, it is
also possible to use the standard recvmsg() library function
for seeking receives. The msg seek variable has been
added to the msghdr to specify the seek offset; by modifying
the msghdr structure passed into recvmsg(), it is
possible to do a seeking receive without invoking the new
function.
To be able to seek past large messages, the maximum receive
buffer size must be increased. This is controlled by the
net.core.rmem max system variable (sysctl). This
will set the maximum receive buffer that can be specified using
the setsockopt() function. Therefore, the sysctl
should be set to a reasonably large number of bytes, and the
receive buffer should be increased as necessary within the
user-space program. When the receive buffer becomes full,
normal TCP actions are performed, and the seeking receive
call returns an error. If new packets are received while the
socket buffer is full, they will be dropped and retransmitted
by the sender according to normal TCP flow control [1].
The program must respond to the socket buffer full error by
removing some of the data left in the buffer to free up more
space in the kernel.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อมีการสร้างซ็อกเก็ตเป็นชนิดสตรีมหาถุงเท้า recv() ปกติ และสามารถใช้ฟังก์ชัน recvmsg() ตามปกติ ใหม่ใช้เป็นแบบ syscall ทำงาน หา recv() และใช้อาร์กิวเมนต์ต่อไปนี้:ssize t ขอรับ (int s โมฆะ* buf, len t ขนาด ธง intออฟเซตของ t ขนาด);อาร์กิวเมนต์จะเหมือนกับฟังก์ชัน recv() ด้วยตัวแปรตรงข้ามเพิ่มเพื่อระบุจำนวนของไบต์ออฟเซตลงในกระแสข้อมูล ออฟเซตนี้จะสัมพันธ์กับการไบต์แรกที่จะได้รับผ่านสาย recv()ตั้งแต่หา recv() ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง msghdrและเรียกฟังก์ชัน recvmsg ถุงเท้าทั่วไป แล้ว ก็นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟังก์ชันไลบรารีมาตรฐาน recvmsg()หาได้รับการ ข่าวสารเกี่ยวกับการหาตัวแปรที่ได้รับเพิ่ม msghdr ระบุออฟเซ็ตการค้นหา โดยการปรับเปลี่ยนเป็นโครงสร้าง msghdr ที่ผ่านเข้ามาใน recvmsg()ได้ทำการค้นหาที่ได้รับ โดยไม่มีการเรียกใหม่ฟังก์ชันเพื่อให้สามารถค้นหาข้อความขนาดใหญ่ ได้รับสูงสุดที่ผ่านมาต้องเพิ่มขนาดของบัฟเฟอร์ นี้จะถูกควบคุมโดยการnet.core.rmem สูงสุดระบบแปร (sysctl) นี้จะตั้งค่าบัฟเฟอร์ที่ได้รับสูงสุดที่สามารถระบุได้ด้วยการใช้ฟังก์ชัน setsockopt () ดังนั้น sysctlควรตั้งค่าจำนวนไบต์ ขนาดใหญ่พอสมควรและได้รับบัฟเฟอร์ควรจะเพิ่มขึ้นตามความจำเป็นในการพื้นที่ผู้ใช้โปรแกรม เมื่อกลายเป็นเต็ม บัฟเฟอร์รับปกติ TCP ดำเนินการ และกำลังมองหารับเรียกส่งกลับข้อผิดพลาด ถ้าได้รับแพคเก็ตใหม่ในขณะซ็อกเก็ตบัฟเฟอร์ไม่เต็ม พวกเขาจะถูกลบ และส่งต่อโดยผู้ส่งตามการควบคุมการไหลของ TCP ปกติ [1]โปรแกรมต้องตอบพลาดเต็มบัฟเฟอร์ซ็อกเก็ตโดยเอาข้อมูลบางอย่างที่อยู่ในบัฟเฟอร์ที่เพิ่มเติมพื้นที่ในเคอร์เนล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อซ็อกเก็ตได้รับการสร้างเป็นประเภท
ถุงเท้า SEEK STREAM ที่ recv ปกติ () และ
recvmsg () ฟังก์ชั่นที่สามารถใช้เป็นปกติ ใหม่
ฟังก์ชั่นแสวงหา recv () จะดำเนินการเป็น syscall และ
ใช้อาร์กิวเมนต์ต่อไปนี้:
ssize T แสวงหา recv (int S, โมฆะ
* buf ขนาด T เลน int ธง
ขนาดเสื้อ offset);
อาร์กิวเมนต์จะเหมือนกับ recv () ฟังก์ชันที่มี
ตัวแปรชดเชยเพิ่มเพื่อระบุจำนวนไบต์เพื่อ
ชดเชยเข้าไปในกระแส ชดเชยนี้อยู่เสมอเมื่อเทียบกับ
ไบต์แรกที่จะได้รับผ่าน recv () โทร.
ตั้งแต่แสวงหา recv () ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง msghdr
แล้วเรียกฟังก์ชันถุงเท้า recvmsg ทั่วไปก็เป็น
ไปได้ที่จะใช้ recvmsg มาตรฐาน () ห้องสมุด ฟังก์ชั่น
สำหรับการแสวงหาได้รับ ผงชูรสตัวแปรแสวงหาได้รับ
การเพิ่มใน msghdr เพื่อระบุขอชดเชย; โดยการปรับเปลี่ยน
โครงสร้าง msghdr ที่ผ่านเข้ามาใน recvmsg () มันเป็น
ไปได้ที่จะทำโดยไม่ได้รับการแสวงหาอัญเชิญใหม่
ฟังก์ชั่น.
เพื่อให้สามารถที่จะแสวงหาข้อความขนาดใหญ่ที่ผ่านมาสูงสุดที่ได้รับ
ขนาดบัฟเฟอร์จะต้องเพิ่มขึ้น นี้จะถูกควบคุมโดย
ตัวแปรระบบสูงสุด net.core.rmem (sysctl) นี้
จะตั้งค่าสูงสุดได้รับบัฟเฟอร์ที่สามารถจะระบุโดยใช้
setsockopt () ฟังก์ชัน ดังนั้น sysctl
ควรจะกำหนดให้มีจำนวนมากพอสมควรไบต์และ
บัฟเฟอร์รับควรจะเพิ่มขึ้นตามความจำเป็นภายใน
โปรแกรมผู้ใช้พื้นที่ เมื่อได้รับบัฟเฟอร์เต็ม
การกระทำปกติ TCP จะดำเนินการและการแสวงหาได้รับ
การโทรกลับข้อผิดพลาด ถ้าแพ็คเก็ตใหม่จะได้รับในขณะที่
บัฟเฟอร์ซ็อกเก็ตที่เต็มไปด้วยพวกเขาจะลดลงและส่งใหม่
โดยผู้ส่งตามการควบคุมการไหลของ TCP ปกติ [1].
โปรแกรมจะต้องตอบสนองต่อข้อผิดพลาดเต็มรูปแบบซ็อกเก็ตบัฟเฟอร์โดย
การลบข้อมูลบางส่วนที่เหลืออยู่ใน บัฟเฟอร์ที่จะเป็นอิสระมากขึ้น
พื้นที่ใน kernel