As seen in Table 2, Step 2 is estab

As seen in Table 2, Step 2 is established by adding current working conditions of the
academicians (academic title, monthly salary, years in organization, years in current position,
cadre, work style and overtime) as well as demographics and perceived organizational
protectiveness to Step 1 (quality of work life). The results from Step 2 show that the quality of
work-life in state universities explains 39% of the change in affective commitment; it explains
42% of the change in affective commitment when accompanied by working conditions,
demographics and perceived organizational protectiveness. This change (R
2
change = 0.029,
p>0.05) is not statistically significant. Considering all variables together at the same time in
state universities, it is seen that the most influential variable on affective commitment is the
quality of work life, and the only other variable influential on affective commitment is
perceived organizational protectiveness; current working conditions and demographics do not
have a meaningful impact on affective commitment.
As review of the data regarding foundation universities in Table 2, the results obtained from
Step 2, by adding Step 1 (quality of work life) the working conditions, demographics and
perceived organizational protectiveness, shows a significant change in R
2 (R
2 change = 0.61,
p

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เท่าที่เห็นในตารางที่ 2 ขั้นตอนที่ 2 ก่อตั้งขึ้น โดยการเพิ่มสภาพการทำงานของการเศรษฐศาสตร์ (ตำแหน่งทางวิชาการ เดือน ปีในองค์กร ปีในตำแหน่งปัจจุบันคาเดร ลักษณะการทำงาน และทำงานล่วงเวลา) เป็นเดียวกันกับประชากร และรับรู้ขององค์กรปกขั้นตอนที่ 1 (คุณภาพชีวิตการทำงาน) ผลได้จากขั้นตอนที่ 2 แสดงว่าคุณภาพของชีวิตการทำงานในมหาวิทยาลัยรัฐอธิบาย 39% ของการเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นตลอด จะอธิบาย42% ของการเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นตลอดเมื่อมาพร้อมกับสภาพการทำงานประชากรและการรับรู้องค์กรปก การเปลี่ยนแปลงนี้ (R2เปลี่ยน = 0.029p > 0.05) ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ พิจารณาตัวแปรทั้งหมดพร้อมกันในเวลาเดียวกันรัฐมหาวิทยาลัย เห็นว่าตัวแปรที่มีอิทธิพลมากในความมุ่งมั่นตลอดการคุณภาพชีวิตการทำงาน และการเฉพาะอื่น ๆ ตัวแปรอิทธิพลมาจากรูปบนความมุ่งมั่นตลอดมองเห็นองค์กรปก สภาพการทำงานปัจจุบันและประชากรมีความหมายต่อการมุ่งมั่นตลอดเป็นรีวิวของข้อมูลเกี่ยวกับมูลนิธิมหาวิทยาลัยในตาราง 2 ผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอน 2 โดยการเพิ่มขั้นตอนที่ 1 (คุณภาพชีวิตการทำงาน) สภาพการทำงาน ประชากร และมองเห็นองค์กรปก แสดงการเปลี่ยนแปลงสำคัญใน R2 (Rเปลี่ยนแปลงที่ 2 = 0.61p < 0.01) หมายความ ว่า คุณภาพชีวิตการทำงานในมูลนิธิมหาวิทยาลัยอธิบายถึง 44% ของการเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นตลอด จะอธิบายถึงประมาณ 50% ของการเปลี่ยนแปลงตลอดความมุ่งมั่นเมื่อพร้อมทำงาน ข้อมูลประชากร และการรับรู้องค์กรปก พิจารณาตัวแปรทั้งหมดพร้อมกันในเวลาเดียวกันมูลนิธิมหาวิทยาลัย องค์กรปกและอายุในการรับรู้ที่ดูเหมือนจะ มีการสำคัญทางสถิติผลกระทบต่อความมุ่งมั่นตลอด แต่ตัวแปรที่มีอิทธิพลมากในสิ่งที่เราน่าจะ เป็นคุณภาพของชีวิตการทำงาน ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่าการคุณภาพชีวิตการทำงานของเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานในมหาวิทยาลัยทั้งรัฐและมูลนิธิมีผลกระทบเชิงบวกในระดับของความมุ่งมั่นที่ผล ซึ่งสูงกว่าการทำงานเงื่อนไข การรับรู้องค์กรปก และข้อมูลประชากร และที่ที่เรามุ่งเพิ่มเศรษฐศาสตร์เป็นคุณภาพของชีวิตการทำงานดีขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เท่าที่เห็นในตารางที่ 2 ขั้นตอนที่ 2 จะจัดตั้งขึ้นโดยการเพิ่มสภาพปัจจุบันการทำงานของ
นักวิชาการ (ชื่อเรื่องวิชาการเงินเดือนปีในองค์กรปีในตำแหน่งปัจจุบัน
นายทหารฝ่ายเสนาธิการสไตล์การทำงานและการทำงานล่วงเวลา) เช่นเดียวกับประชากรและการรับรู้ขององค์กร
ปกป้องการ ขั้นตอนที่ 1 (คุณภาพชีวิตการทำงาน) ผลที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของ
การทำงานในชีวิตในมหาวิทยาลัยของรัฐอธิบาย 39% ของการเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นของอารมณ์นั้น มันอธิบายถึง
42% ของการเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นอารมณ์เมื่อมาพร้อมกับสภาพการทำงาน
ประชากรและการรับรู้ขององค์กรปกป้อง การเปลี่ยนแปลงนี้ (R
2
การเปลี่ยนแปลง = 0.029,
p> 0.05) ไม่ได้เป็นนัยสำคัญทางสถิติ พิจารณาตัวแปรทั้งหมดเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกันใน
มหาวิทยาลัยของรัฐก็จะเห็นว่าตัวแปรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในความมุ่งมั่นของอารมณ์เป็น
คุณภาพชีวิตการทำงานและมีเพียงตัวแปรที่มีอิทธิพลกับความมุ่งมั่นของอารมณ์คืออื่น ๆ
รับรู้ปกป้ององค์กร สภาพการทำงานในปัจจุบันและกลุ่มผู้เข้าชมไม่ได้
มีผลกระทบที่มีความหมายกับความมุ่งมั่นอารมณ์.
ในฐานะที่เป็นความคิดเห็นของข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยรากฐานในตารางที่ 2 ผลที่ได้จาก
ขั้นตอนที่ 2 โดยการเพิ่มขั้นตอนที่ 1 (คุณภาพชีวิตการทำงาน) สภาพการทำงานของประชากรและ
การรับรู้ขององค์กรปกป้องแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน R
2 (R
2 การเปลี่ยนแปลง = 0.61,
p <0.01) ซึ่งหมายความว่าคุณภาพของการทำงานในชีวิตในมหาวิทยาลัยรากฐานอธิบาย 44% ของ
การเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นของอารมณ์นั้น มันอธิบายถึงประมาณ 50% ของการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์
ความมุ่งมั่นเมื่อมาพร้อมกับสภาพการทำงานของประชากรและการรับรู้
ปกป้ององค์กร พิจารณาตัวแปรทั้งหมดเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกันใน
มหาวิทยาลัยมูลนิธิการรับรู้ขององค์กรปกป้องและอายุดูเหมือนจะมี
ผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับความมุ่งมั่นอารมณ์ แต่ตัวแปรที่มีอิทธิพลมากที่สุดใน
ความมุ่งมั่นอารมณ์ดูเหมือนว่าจะมีคุณภาพชีวิตการทำงาน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะบอกว่า
คุณภาพของชีวิตการทำงานของนักวิชาการที่ทำงานให้กับทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและมูลนิธิ
ที่มีผลกระทบในเชิงบวกต่อระดับของความมุ่งมั่นอารมณ์ซึ่งสูงกว่าของการทำงาน
เงื่อนไขการรับรู้ปกป้ององค์กรและประชากรและ ว่าอารมณ์
ความมุ่งมั่นของนักวิชาการเพิ่มคุณภาพของการทำงานในชีวิตช่วยเพิ่ม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เท่าที่เห็นในตารางที่ 2 ขั้นตอนที่ 2 ขึ้น โดยการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานในปัจจุบันของนักวิชาการ ( งานวิชาการชื่อ เงินเดือน เดือน ปี ในองค์กร ปีในตำแหน่งปัจจุบันโครงงาน ลักษณะงานและทำงานล่วงเวลา ) รวมทั้งประชากรและการรับรู้ขององค์กรprotectiveness ขั้นตอนที่ 1 ( คุณภาพชีวิตการทำงาน ) ผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 พบว่า คุณภาพของชีวิตการทำงานในมหาวิทยาลัย ของรัฐอธิบายถึง 39% ของการเปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นทางอารมณ์ มันอธิบาย42 % ของการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความผูกพันเมื่อตามสภาพการทำงานประชากรและการรับรู้ protectiveness . การเปลี่ยนแปลงนี้ ( r2เปลี่ยนแปลง = 0.029 ,p > 0.05 ) นั้นไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ พิจารณาตัวแปรทั้งหมดเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน ในมหาวิทยาลัยของรัฐ จะเห็นได้ว่าตัวแปรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในความมุ่งมั่นทางอารมณ์ คือคุณภาพชีวิตการทำงานและตัวแปรเฉพาะอื่น ๆมีอิทธิพลต่อความมุ่งมั่นทางอารมณ์ คือการรับรู้ protectiveness สภาพการทำงานปัจจุบัน ประชากรไม่มีผลกระทบสำคัญในความมุ่งมั่นจิตพิสัยเป็นการทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมูลนิธิใน ตารางที่ 2 ผลที่ได้รับจากขั้นตอนที่ 2 โดยเพิ่มขั้นตอนที่ 1 ( คุณภาพชีวิตการทำงาน ) สภาพ ประชากรและการรับรู้ protectiveness แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน อาร์2 ( อาร์2 เปลี่ยน = 0.61 ,P < 0.01 ) นี้หมายถึงคุณภาพของชีวิตการทำงานในมหาวิทยาลัยอธิบายถึงร้อยละ 44 ของมูลนิธิการเปลี่ยนแปลงในความมุ่งมั่นทางอารมณ์ มันอธิบายได้ประมาณ 50% ของการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ความมุ่งมั่นเมื่อตามสภาพการทำงาน ประชากร และการรับรู้องค์การ protectiveness . พิจารณาตัวแปรทั้งหมดเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน ในมหาวิทยาลัยฯ ในการรับรู้และ protectiveness อายุเหมือนจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความมุ่งมั่นทางอารมณ์ แต่ตัวแปรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในความผูกพันทางอารมณ์จะมีคุณภาพชีวิตการทำงาน ดังนั้น มันเป็นไปได้ที่จะบอกว่าคุณภาพชีวิตการทำงานของนักวิชาการที่ทำงานในมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและมูลนิธิมีผลกระทบเชิงบวกเกี่ยวกับระดับของความมุ่งมั่นทางอารมณ์ ซึ่งสูงกว่าของการทํางานเงื่อนไข การรับรู้ protectiveness องค์กรและประชากร และว่า อารมณ์ความมุ่งมั่นของนักวิชาการ เพิ่มคุณภาพของชีวิตการทำงานดีขึ้น