Epidemiologic evidence on the relat

Epidemiologic evidence on the relationship between polycyclic aromatic hydrocarbons (PAH) and cancer is reviewed. High occupational exposure to PAHs occurs in several industries and occupations. Covered here are aluminum production, coal gasification, coke production, iron and steel foundries, tar distillation, shale oil extraction, wood impregnation, roofing, road paving, carbon black production, carbon electrode production, chimney sweeping, and calcium carbide production. In addition, workers exposed to diesel engine exhaust in the transport industry and in related occupations are exposed to PAHs and nitro-PAHs. Heavy exposure to PAHs entails a substantial risk of lung, skin, and bladder cancer, which is not likely to be due to other carcinogenic exposures present in the same industries. The lung seems to be the major target organ of PAH carcinogenicity and increased risk is present in most of the industries and occupations listed above. An increased risk of skin cancer follows high dermal exposure. An increase in bladder cancer risk is found mainly in industries with high exposure to PAHs from coal tars and pitches. Increased risks have been reported for other organs, namely the larynx and the kidney; the available evidence, however, is inconclusive. The results of studies addressing environmental PAH exposure are consistent with these conclusions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีทบทวนหลักฐาน epidemiologic ความสัมพันธ์ระหว่างคีนนสูง (ผา) และมะเร็ง อุบัติเหตุสูงถึงพีเอเอชที่เกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมและอาชีพ ครอบคลุมที่นี่มีเนียม แปรสภาพเป็นแก๊สถ่านหิน ผลิตโค้ก เหล็ก และแหล่งผลิตเหล็ก tar กลั่น สกัดน้ำมันดินดาน ไม้ทำให้มีขึ้น หลังคา ถนนปู การผลิตคาร์บอนแบล็ค คาร์บอนอิเล็กโทรดผลิต กวาดปล่องไฟ และการผลิตแคลเซียมคาร์ไบด์ นอกจากนี้ คนงานสัมผัสกับไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลในอุตสาหกรรมขนส่ง และในการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องมีสัมผัสกับสาร PAHs และสาร PAHs ไนโตร หนักสัมผัสสาร PAHs จะมีความเสี่ยงที่สำคัญของปอด ผิวหนัง และ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งไม่น่าจะเป็น เพราะแสงอื่น ๆ ก่อมะเร็งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ปอดน่าจะ เป็นอวัยวะเป้าหมายที่สำคัญของผาก่อมะเร็ง และเพิ่มความเสี่ยงที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมการประกอบอาชีพดังกล่าวข้างต้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังไปสัมผัสผิวหนังที่สูง การเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่พบส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมด้วยแสงสูงสาร PAHs tars ถ่านหินและโหมโรง มีการรายงานความเสี่ยงสำหรับอวัยวะอื่น ๆ คือกล่องเสียงและไต หลักฐานมี อย่างไรก็ตาม คือสรุปไม่ได้ ผลจากการศึกษาการจัดการสิ่งแวดล้อมผาแสงสอดคล้องกับข้อสรุปเหล่านี้ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักฐานทางระบาดวิทยากับความสัมพันธ์ระหว่างไฮโดรคาร์บอน polycyclic หอม (PAH) และโรคมะเร็งได้รับการทบทวน การสัมผัสสารพีเอเอชสูงที่จะเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมและการประกอบอาชีพ ครอบคลุมที่นี่กำลังการผลิตอลูมิเนียมถ่านหินผลิตโค้กเหล็กและเหล็กกล้าหล่อ tar กลั่นจากชั้นหินสกัดน้ำมันเคลือบไม้มุงหลังคา, ปูถนนคาร์บอนสีดำผลิตการผลิตขั้วไฟฟ้าคาร์บอนปล่องไฟกวาดและการผลิตแคลเซียมคาร์ไบด์ นอกจากนี้คนงานที่สัมผัสกับไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลในอุตสาหกรรมการขนส่งและในการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องมีการสัมผัสกับสาร PAHs และไนโตร PAHs การได้รับสารพีเอเอชตกหนักถึงรายละเอียดความเสี่ยงที่สำคัญของปอดผิวหนังและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะซึ่งไม่น่าจะเกิดจากการรับสัมผัสสารก่อมะเร็งอื่น ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ปอดน่าจะเป็นอวัยวะเป้าหมายสำคัญของ PAH สารก่อมะเร็งและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจุบันในส่วนของอุตสาหกรรมและการประกอบอาชีพดังกล่าวข้างต้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังดังต่อไปนี้การสัมผัสทางผิวหนังสูง การเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในการ PAHs จาก Tars ถ่านหินและโหมโรง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้รับการรายงานสำหรับอวัยวะอื่น ๆ ได้แก่ กล่องเสียงและไต; หลักฐานที่มีอยู่ แต่เป็นที่ค้างคา ผลจากการศึกษาที่อยู่ได้รับสาร PAH สิ่งแวดล้อมมีความสอดคล้องกับข้อสรุปเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานทางระบาดวิทยาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ( PAH ) และโรคมะเร็งจะตรวจทาน สูงการสัมผัสสารเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมและอาชีพ ครอบคลุมที่นี่มีการผลิตถ่านหิน , ก๊าซ , ผลิตโค้กอลูมิเนียม , โรงหล่อเหล็ก การกลั่น TAR , หินน้ำมัน , ไม้เคลือบ , หลังคา , ถนนปู , คาร์บอนสีดำคาร์บอน ) การผลิต , การผลิต , ปล่องไฟกวาดและการผลิตแคลเซียมคาร์ไบด์ นอกจากนี้ คนงานสัมผัสกับเครื่องยนต์ดีเซลไอเสียในอุตสาหกรรมการขนส่งและเกี่ยวข้องกับอาชีพมีการเปิดรับสารไนโตร และพลาสเตอร์ยา การเปิดรับสารหนัก ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อปอด ผิวหนัง และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากการก่อมะเร็งอื่น ๆ อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ปอด น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของอวัยวะของ PAH สารก่อมะเร็งและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจุบันในส่วนของอุตสาหกรรมและอาชีพที่ระบุข้างต้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง คือสูงจากการสัมผัส การเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่พบส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมสูงเปิดรับสารจากน้ำมันดินถ่านหินและลูกค่ะ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นถูกรายงานว่ามีอวัยวะอื่น ได้แก่ กล่องเสียง และไต ; หลักฐานที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุป ผลการศึกษาการเปิดรับป่าสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับข้อสรุปนี้