1.การวางแผนการขายล่วงหน้า
สิ่งที่นักขายที่จะต้องมีการปฏิบัติหรือมีการฝึกทำจนให้เกิดความชำนาญใน เบื้องต้นคือ การวางแผนการขาย ซึ่งก่อนที่จะเปิดการสนทนากับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโทรศัพท์ เราจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าเบื้องต้น 2 อย่างคือ เกี่ยวกับสินค้าและเกี่ยวกับลูกค้า
เกี่ยวกับสินค้า เราต้องรู้ถึงรายละเอียดในคุณสมบัติของสินค้าว่ามีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง แต่ละส่วนมีความสำคัญอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องหาให้เจอ จุดแข็งหรือจุดเด่นของสินค้า ของเราให้ได้ ถ้าหากวิเคราะห์ไม่ได้ก็ควรจะถามหัวหน้าหรือผู้ที่มีความรู้มากกว่าเรา ถ้ามีหลายอย่างก็พยายามเลือกมาให้น้อยที่สุดแล้วก็เจาะให้ลึกที่สุด
เกี่ยวกับลูกค้า นักขายควรจะรู้ว่า ลูกค้าของเราเป็นใคร มีความรู้อะไร เขาทำงานสาขาวิชาชีพอย่างไร ถ้าไม่รู้ล่วงหน้าก็ลองเปิดคำถามสักคำสองคำก่อน เพื่อหาข้อมูลของลูกค้าก่อนเบื้องต้น ก่อนที่จะพูดเรื่องสินค้า เพราะถ้าไม่รู้ข้อมูลของลูกค้าก่อนโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้ยาก
สร้างความเกี่ยวข้องกันระหว่างสินค้ากับตัวลูกค้
การนำเสนอสินค้าจะประสบความสำเร็จเบื้องต้นได้ก็คือ การผสมผสานสินค้ากับลูกค้าให้มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน (แม้ว่ามันจะยากแต่ก็ต้องพยายามทำให้ได้) เช่นเราขายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่ลูกค้าเราเป็นผู้ชาย เขาคงไม่ใช้สินค้าเราอย่างแน่นอน แต่เราก็ต้องพูดให้เกี่ยวข้องกันให้ได้ เช่น “สินค้านี้แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง แต่ผมเชื่อว่าถ้าคนใกล้ชิดของคุณได้รับสินค้าชิ้นนี้ในโอกาสเป็นของขวัญของ ฝาก และเชื่อว่าคุณจะได้รับรอยยิ้มหวาน ๆ เป็นรางวัลตอบกลับอย่างแน่นอน” เป็นต้นในยุคปัจจุบันการบริการลูกค้ามีความสำคัญมาก หากลูกค้าประทับใจในการบริการ ลูกค้ามักจะซื้อสินค้าและบริการซ้ำ หรือ ลูกค้าบางรายอาจบอกเพื่อนฝูง คนสนิทให้มาซื้อสินค้าและบริการต่อ การบริการ
ลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญในยุคของการแข่งขันในปัจจุบัน ซึ่งเทคนิคในการบริการลูกค้ามีหลากหลาย แต่สิ่งที่บริษัท ห้างร้าน สามารถทำได้ง่าย อีกทั้งไม่จำเป็นต้องลงทุน หรือลงทุนน้อยที่สุด ก็คือ
การฝึก พนักงาน ลูกน้อง ให้รู้จักพูดในการต้อนรับ หรือ บริการ ลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจนั้นเองการพูดในงานบริการหรือการพูดในการทำงานขาย จึงต้องควรมีการอบรม ฝึกฝน และพัฒนา เพื่อให้พนักงานหรือลูกน้อง เกิดความมั่นใจในการพูด ในการสื่อสารกับลูกค้า เช่น การพูดเพื่อเพิ่มยอดขาย
ในระหว่างบริการลูกค้า “ คุณลูกค้าจะรับทานเครื่องดื่มเป็นน้ำส้มหรือน้ำอัดลม ดีค่ะ กล่าวคือ การพูดเพื่อให้ลูกค้าเลือกไม่ว่าจะเลือกอะไร เราก็สามารถเพิ่มยอดขายได้จากสิ่งที่ลูกค้าเลือกในสินค้านั้นการพูดในงานบริการ หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนที่พูดเก่งมักจะใช้คำพูดในการทำงานบริการที่เก่งไปด้วย แต่ความจริงไม่ใช่ครับ การสื่อสารหรือการพูดในงานบริการ ผู้ให้บริการควรเป็นฝ่ายรับฟังให้มากกว่าพูด ฟังเพื่อหาความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง และเมื่อลูกค้าต้องการแต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ควร พูดด้วยเหตุผล อีกทั้งควรใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำ
การพูดในงานบริการที่ดี หลีกเลี่ยงการพูดจาไม่สุภาพ การพูดจาไม่สุภาพเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ารับไม่ได้ หากมีพนักงานพูดจาไม่สุภาพก็ไม่ควรให้ทำงานด้านฝ่ายต้อนรับหรือให้ทำงานในฝ่ายบริการลูกค้า
การพูดในงานบริการที่ดี ควรหลีกเลี่ยงคำพูดในเชิงกล่าวตำหนิลูกค้า ถึงแม้ลูกค้าจะเป็นฝ่ายผิดก็จริง พนักงานหรือคนที่ทำงานด้านบริการก็ไม่ควรพูดในเชิงกล่าวตำหนิ อีกทั้งควรระลึกเสมอว่า หากไม่มีลูกค้าก็ไม่มีเรา
การพูดในงานบริการที่ดี ควรพูดให้มี ปิยวาจา ซึ่งเป็นข้อหนึ่งในสี่ของสังคหวัตถุ 4 กล่าวคือ การพูดด้วยคำพูดที่อ่อนหวานไพเราะ จริงใจ ไม่พูดจาก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งควรพูดให้ถูกกาลเทศะ การพูดที่ดีจึงเป็นประตูด่านแรกของการสร้างมนุษย์สัมพันธ์และสำคัญต่อการทำงานด้านการบริการการพูดในงานบริการที่ควรพูดจนติดปาก คือ “ สวัสดีค่ะ ” “ ขอบคุณค่ะ” “ ขอโทษค่ะ”มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” อีกทั้งควรจำชื่อลูกค้าให้ได้ด้วย การจำชื่อลูกค้าและเรียกชื่อลูกค้าได้อย่างถูกต้องจะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจได้เช่นกันผู้ทำงานด้านบริการที่ดี ควรพูดอย่างมีสติ เนื่องจาก การทำงานด้านบริการอาจถูกคำพูดหรือถูกกระทำด้วยพฤติกรรมของลูกค้าในแบบต่างๆ ผู้ให้บริการจึงควรอดทน อีกทั้งต้องระวังคำพูด เพราะลูกค้าบางคนไม่พอใจสินค้า หรือลูกค้าบางรายต้องการใช้สินค้าด่วน แต่บริษัท ห้างร้าน เราส่งให้ไม่ได้ จึงทำให้ลูกค้าโกรธ พูดจาไม่ดี กล่าวว่าต่างๆ ดังนั้น พนักงานหรือผู้ให้บริการ ควรมีสติในการควบคุมอารมณ์