The present study aimed to assess t

The present study aimed to assess the knowledge and attitudes of three different groups of healthcare providers (obstetricians, general practitioners, and midwives) about the relationship between periodontal disease and PLBW.

In general, the knowledge of the obstetricians participating in our study was more accurate compared to the other two groups, which may show that the obstetricians’ medical education emphasizes the importance of oral health more than the other two groups. The results of this study showed that recommendation for dental examination during pregnancy was almost the same as the other recommendations, such as genetic consultation or breast feeding. Sixty two percent of the participants conduct oral and dental examinations for their patients in the initial visit or periodically.

Based on the findings of the present study, the knowledge of the mid-wives about oral health and its influence on systemic health was not sufficient; while, they can have an important role in improving the community’s health by detecting oral diseases and referring the patients for appropriate treatment. Therefore, their medical education should emphasize on oral health and its impact on systemic health.

Previously, two studies evaluated the knowledge of obstetricians and one study focused on Nurse Practitioners’ (NPs) and Certified Nurse Midwives’ (CNMs) knowledge regarding periodontal disease as a possible risk factor for PLBW. 12-14 According to their results, both NPs and CNMs had limited knowledge of oral health. 14 For example, only 67% of them knew the description of periodontitis and when they were asked about the causes of periodontal disease, 73% answered tooth decay,69% mentioned aging, and 51% answered excessive dietary sugar. In our study, the results were almost the same and the midwives’ knowledge was less than the obstetricians’ and general practitioners’ knowledge. Nonetheless, both studies evaluating the obstetricians demonstrated that although there was some knowledge about the periodontal disease and its association with adverse obstetric outcomes, the attitudes of the obstetricians was not completely consistent with their apparent knowledge.12, 13 In the study conducted in North Carolina, 12 although a high percentage of the obstetricians believed that periodontal disease could be a possible risk factor for adverse pregnancy outcomes, recommendations for dental examinations as a part of prenatal care and also visual dental exams during the initial visit or periodically were not routine. However, in a Brazilian study,13 more than 90% of the obstetricians recommended dental examinations during pregnancy, which is consistent with the findings of the present study. Our study showed a negative relationship between general practitioners’ and obstetricians’ experience and doing dental examinations during the initial visit or periodically, while this relationship was positive in the study conducted in North Carolina.12 Our study also showed a negative relationship between the working experience and the frequency of the recommendations for dental examination during pregnancy in obstetricians groups. On the other hand, the Brazilian study showed that more experienced participants more frequently recommended dental examinations to their patients.13 The results of our study might indicate the need for proper training regarding oral health during continuing professional development of those health care providers that deal with pregnant women.

The Brazilian study showed that the obstetricians who underwent a dental visit in the last year referred their patients to dentists more than others. 13 However, this relationship was not significant for the participants of this study. Although the low number of participants can be regarded as a limitation for the present study; the high response rate(75%) compared to other similar studies (40% in North Carolina’s study and 55% in Brazilian one) is of its important strengths. The difference of the response rate between the present study and the other two is very important as those who did not respond might be those who had less knowledge or less interest in oral health. Although the study participants had some knowledge about periodontal disease and its association with adverse pregnancy outcomes, there is much space for improvements. More dental information and association between oral health and systemic health should be incorporated into the medical curriculato change the physicians’ attitude towards periodontal dis-ease, especially in pregnant women

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความรู้และทัศนคติที่กลุ่มสามสาธารณ (สูติแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานทั่วไป และ midwives) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโรคปริทันต์และ PLBW ทั่วไป ความรู้ของสูติแพทย์ที่เข้าร่วมในการศึกษาของเราไม่ถูกต้องมากขึ้นเมื่อเทียบกับสองกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งอาจแสดงว่า การศึกษาทางการแพทย์ของสูติแพทย์เน้นความสำคัญของสุขภาพช่องปากมากกว่าสองกลุ่ม ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า คำแนะนำสำหรับการตรวจสุขภาพฟันในระหว่างตั้งครรภ์ถูกเกือบเท่าที่แนะนำอื่น ๆ เช่นให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมหรือนม สองหกสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมดำเนินการตรวจช่องปาก และฟันสำหรับผู้ป่วย ในการเยี่ยมชมครั้งแรก หรือเป็นระยะ ๆ จากผลการศึกษา ความรู้กลางภรรยาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและสุขภาพอิทธิพลของไม่เพียงพอ ในขณะที่ พวกเขาสามารถมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงสุขภาพของชุมชนโดยการตรวจหาโรคทางปาก และส่งตัวผู้ป่วยในการรักษาที่เหมาะสม ดังนั้น การศึกษาทางการแพทย์ควรเน้นสุขภาพช่องปากและผลกระทบต่อสุขภาพ ก่อนหน้านี้ สองการศึกษาประเมินความรู้ของสูติแพทย์และหนึ่งการศึกษาเน้นพยาบาลผู้ฝึกปฏิบัติ (NPs) และได้รับการรับรองพยาบาล Midwives' (CNMs) ความรู้เกี่ยวกับโรคปริทันต์เป็นปัจจัยเสี่ยงสุดสำหรับ PLBW 12-14 ตามผล NPs และ CNMs ได้จำกัดความรู้สุขภาพช่องปาก 14 ตัวอย่างเช่น เพียง 67% ของพวกเขารู้ว่าคำอธิบายของโรคปริทันต์ และเมื่อพวกเขาถูกถามเกี่ยวกับสาเหตุของโรคปริทันต์ 73% ตอบฟันผุ 69% กล่าวถึงอายุ และ 51% ตอบน้ำตาลอาหารที่มากเกินไป ในเรื่องการเรียน ผลลัพธ์เกือบเดียวกัน และความรู้ของ midwives น้อยกว่าความรู้ของสูติแพทย์และผู้ฝึกปฏิบัติทั่วไป กระนั้น ทั้งสูติแพทย์การประเมินผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า แม้มีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับโรคปริทันต์และเชื่อมโยงกับผลสูติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ทัศนคติของสูติแพทย์ที่ไม่สอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับ knowledge.12 ของพวกเขาชัดเจน 13 ในการศึกษาที่ดำเนินการในนอร์ทแคโรไลนา 12 แม้ว่าของสูติแพทย์ที่เชื่อกันว่า โรคปริทันต์อาจเสี่ยงได้ผลตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ คำแนะนำสำหรับการตรวจฟันเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลก่อนคลอด และภาพฟันสอบใน ระหว่างการเยือนครั้งแรก หรือเป็นระยะ ๆ ไม่ได้ประจำการ อย่างไรก็ตาม ในศึกษาบราซิล 13 มากกว่า 90% ของสูติแพทย์แนะนำการตรวจฟันในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะสอดคล้องกับผลการศึกษา การศึกษาของเราพบความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างทั่วไปผู้ฝึกปฏิบัติ และประสบการณ์ของสูติแพทย์และทำการตรวจฟันใน ระหว่างการเยือนครั้งแรก หรือเป็นระยะ ๆ ใน ขณะที่ความสัมพันธ์นี้เป็นบวกในการศึกษาที่ดำเนินการใน Carolina.12 เหนือของเราการศึกษายัง แสดงให้เห็นความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างประสบการณ์การทำงานและความถี่ของคำแนะนำสำหรับการตรวจสุขภาพฟันในระหว่างตั้งครรภ์ในกลุ่มสูติแพทย์ บนมืออื่น ๆ การศึกษาบราซิลพบว่า ผู้มีประสบการณ์มากกว่าบ่อยแนะนำตรวจสุขภาพโดยทันตแพทย์เพื่อ patients.13 ของผลการศึกษาของเราอาจระบุความต้องการฝึกอบรมที่เหมาะสมเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในระหว่างการดำเนินการพัฒนาอาชีพของเหล่าผู้ที่จัดการกับหญิงตั้งครรภ์ ศึกษาในบราซิลพบว่า สูติแพทย์ที่ได้รับทันตแพทย์ในปีเรียกผู้ป่วยทันตแพทย์มากกว่าคนอื่น ๆ 13 อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้ไม่สำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมการศึกษานี้ แม้ว่าจำนวนผู้เรียนต่ำสามารถถือเป็นข้อจำกัดสำหรับการศึกษา rate(75%) การตอบสนองสูงเมื่อเทียบกับการศึกษาอื่น ๆ ที่คล้ายกัน (40% ในนอร์ทแคโรไลนาและ 55% ในบราซิล) เป็นจุดแข็งสำคัญของ ความแตกต่างของอัตราการตอบสนองระหว่างการศึกษาและอีกสองเป็นสิ่งสำคัญมากเป็นผู้ที่ไม่ตอบสนองอาจเป็นผู้ที่มีความรู้น้อยหรือไม่สนใจในสุขภาพช่องปาก แม้ว่าผู้เข้าร่วมศึกษามีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับโรคปริทันต์และเชื่อมโยงกับผลการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ มีพื้นที่สำหรับการปรับปรุง ข้อมูลทันตกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพช่องปากและสุขภาพเพิ่มเติมควรรวมในทางการแพทย์ curriculato เปลี่ยนทัศนคติของแพทย์ต่อปริทันต์ลดง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความรู้และทัศนคติของสามกลุ่มที่แตกต่างกันของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ (สูตินรีแพทย์, ผู้ปฏิบัติงานทั่วไปและผดุงครรภ์) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโรคปริทันต์และ PLBW ได้. โดยทั่วไปความรู้เกี่ยวกับสูตินรีแพทย์ที่มีส่วนร่วมในการศึกษาของเราได้ถูกต้องมากขึ้น เมื่อเทียบกับอีกสองกลุ่มซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าการศึกษาทางการแพทย์สูตินรีแพทย์ 'เน้นความสำคัญของสุขภาพช่องปากมากขึ้นกว่าที่อื่น ๆ ทั้งสองกลุ่ม ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าข้อเสนอแนะสำหรับการตรวจสอบทางทันตกรรมในระหว่างตั้งครรภ์ก็เกือบจะเป็นเช่นเดียวกับข้อเสนอแนะอื่น ๆ เช่นการให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมหรือการให้นมบุตร . หกสิบสองเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมดำเนินการตรวจสอบในช่องปากและทันตกรรมสำหรับผู้ป่วยของพวกเขาในการเยี่ยมชมครั้งแรกหรือระยะจากผลการวิจัยของการศึกษาความรู้ของกลางภรรยาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและอิทธิพลที่มีต่อสุขภาพของระบบก็ไม่เพียงพอ ในขณะที่พวกเขาสามารถมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสุขภาพของชุมชนโดยการตรวจสอบโรคในช่องปากและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ดังนั้นการศึกษาทางการแพทย์ของพวกเขาควรให้ความสำคัญกับสุขภาพช่องปากและผลกระทบต่อสุขภาพของระบบ. ก่อนหน้านี้สองการศึกษาการประเมินความรู้ของสูตินรีแพทย์และเป็นหนึ่งในการศึกษาที่มุ่งเน้นการพยาบาล (NPS) และได้รับการรับรองตำแยพยาบาล (CNMs) ความรู้เกี่ยวกับโรคปริทันต์เป็น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เป็นไปได้สำหรับ PLBW 12-14 ตามผลของพวกเขาทั้งกรมอุทยานฯ และ CNMs มีความรู้ จำกัด ของสุขภาพช่องปาก 14 ตัวอย่างเช่นเพียง 67% ของพวกเขารู้ว่าคำอธิบายของโรคปริทันต์และเมื่อพวกเขาถูกถามเกี่ยวกับสาเหตุของโรคปริทันต์ที่ 73% ตอบฟันผุ 69% ที่กล่าวถึงริ้วรอยและ 51% ตอบน้ำตาลอาหารมากเกินไป ในการศึกษาของเราผลที่ได้ก็เกือบจะเหมือนกันและผดุงครรภ์ความรู้น้อยกว่าสูตินรีแพทย์และความรู้ทั่วไปปฏิบัติงาน ' อย่างไรก็ตามการศึกษาทั้งการประเมินสูตินรีแพทย์แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความรู้เกี่ยวกับโรคปริทันต์และการเชื่อมโยงกับผลการคลอดบุตรไม่พึงประสงค์ทัศนคติของสูตินรีแพทย์ที่ไม่สมบูรณ์สอดคล้องกับ knowledge.12 ชัดเจนของพวกเขา 13 ในการศึกษาดำเนินการในอร์ทแคโรไลนา 12 แม้จะมีเปอร์เซ็นต์สูงของสูตินรีแพทย์เชื่อว่าโรคปริทันต์อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เป็นไปได้สำหรับผลการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์คำแนะนำสำหรับการตรวจสอบทางทันตกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลก่อนคลอดและการสอบทางทันตกรรมภาพในระหว่างการเยี่ยมชมครั้งแรกหรือระยะไม่ประจำ อย่างไรก็ตามในการศึกษาบราซิล 13 มากกว่า 90% ของสูตินรีแพทย์แนะนำการสอบทางทันตกรรมในระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาในปัจจุบัน การศึกษาของเราแสดงให้เห็นความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างผู้ปฏิบัติงานทั่วไปและสูตินรีแพทย์ประสบการณ์และการทำทันตกรรมการตรวจสอบในระหว่างการเยี่ยมชมครั้งแรกหรือระยะ ๆ ในขณะที่ความสัมพันธ์นี้เป็นบวกในการศึกษาดำเนินการในการศึกษานอร์ท Carolina.12 ของเรายังมีความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างประสบการณ์การทำงาน และความถี่ของคำแนะนำสำหรับการตรวจสอบทางทันตกรรมในระหว่างตั้งครรภ์ในกลุ่มสูติ ในทางตรงกันข้ามการศึกษาบราซิลแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมมีประสบการณ์มากขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นแนะนำการสอบทันตกรรมของพวกเขา patients.13 ผลการศึกษาของเราอาจบ่งบอกถึงความจำเป็นในการฝึกอบรมที่เหมาะสมเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่องในช่วงการพัฒนาอาชีพของผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่จัดการกับ หญิงตั้งครรภ์. การศึกษาแสดงให้เห็นว่าบราซิลสูตินรีแพทย์ที่เปลี่ยนไปเยี่ยมชมทันตกรรมในปีที่ผ่านมาเรียกว่าป่วยของพวกเขาให้กับทันตแพทย์มากกว่าคนอื่น ๆ 13 อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ไม่ได้มีนัยสำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมการศึกษาครั้งนี้ แม้ว่าจำนวนต่ำของผู้เข้าร่วมสามารถถือเป็นข้อ จำกัด สำหรับการศึกษาในปัจจุบัน; อัตราการตอบสนองสูง (75%) เมื่อเทียบกับการศึกษาอื่นที่คล้ายคลึงกัน (40% ในการศึกษาอร์ทแคโรไลนาและ 55% ในบราซิลอย่างใดอย่างหนึ่ง) เป็นจุดแข็งที่สำคัญ ความแตกต่างของอัตราการตอบสนองระหว่างการศึกษาในปัจจุบันและอีกสองคนเป็นสิ่งสำคัญมากกับผู้ที่ไม่ตอบสนองอาจจะมีผู้ที่มีความรู้น้อยหรือความสนใจน้อยลงในการดูแลสุขภาพช่องปาก แม้ว่าจะเข้าร่วมการศึกษามีความรู้เกี่ยวกับโรคปริทันต์และการเชื่อมโยงกับการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ผลลัพธ์ที่มีพื้นที่มากสำหรับการปรับปรุง ข้อมูลทันตกรรมมากขึ้นและความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพช่องปากและสุขภาพระบบควรจะรวมอยู่ใน curriculato ทางการแพทย์เปลี่ยนทัศนคติของแพทย์ต่อปริทันต์โรคความสะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความรู้และทัศนคติของกลุ่มที่แตกต่างกันของผู้ให้บริการการดูแลสุขภาพ ( สูตินรีแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานทั่วไป และผดุงครรภ์ ) เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโรคปริทันต์และ plbw .ในทั่วไป , ความรู้ของสูตินรีแพทย์ที่เข้าร่วมในการศึกษาของเราได้ถูกต้อง มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่า สูตินรีแพทย์ การศึกษาของแพทย์ เน้นความสำคัญของสุขภาพช่องปาก มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ผลการศึกษาพบว่า แนวทางการตรวจฟันในระหว่างตั้งครรภ์เป็นเกือบเช่นเดียวกับข้อเสนอแนะอื่น ๆ เช่น การให้คำปรึกษาทางพันธุกรรม หรือ นม ร้อยละหกสิบสองของผู้เข้าร่วมดำเนินการในช่องปากและทันตกรรมสำหรับผู้ป่วยของพวกเขาในการเข้าชมครั้งแรกหรือเป็นระยะ ๆผลของการศึกษา ความรู้ของกลางภรรยาเกี่ยวกับสุขภาพปากและอิทธิพลที่มีต่อสุขภาพของระบบไม่เพียงพอ ในขณะที่พวกเขาสามารถมีบทบาทในการพัฒนาสุขภาพของชุมชน โดยการตรวจหาโรคในช่องปาก และหมายถึงผู้ป่วยสำหรับการรักษาที่เหมาะสม ดังนั้น การศึกษาทางการแพทย์ของพวกเขาควรเน้นสุขภาพช่องปากและผลกระทบต่อสุขภาพระบบก่อนหน้านี้สองการศึกษาประเมินความรู้ของสูตินรีแพทย์และการศึกษา ผู้ปฏิบัติงานพยาบาล ( NPS ) และได้รับการรับรองพยาบาลผดุงครรภ์ ( cnms ) ความรู้เกี่ยวกับโรคปริทันต์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เป็นไปได้สำหรับ plbw . 12-14 ตามผลลัพธ์ของพวกเขาทั้งโดย cnms และมีความรู้ จำกัด ของสุขภาพช่องปาก 14 ตัวอย่าง เพียง 67% ของพวกเขารู้รายละเอียดของโรคปริทันต์อักเสบ และเมื่อพวกเขาถูกถามเกี่ยวกับสาเหตุของโรค periodontal 73 % ตอบฟันผุ , 69 % บอกอายุ และ 51% ตอบมากเกินไปอาหารน้ำตาล ในการศึกษาของเรา ผลลัพธ์ที่ได้จะเหมือนกันและผดุงครรภ์ความรู้น้อยกว่าสูตินรีแพทย์และผู้ปฏิบัติงาน ' ความรู้ทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทั้งเรียน การประเมินสูตินรีแพทย์แสดงให้เห็นว่าแม้มีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับโรคปริทันต์และความสัมพันธ์กับทวนสูติศาสตร์ทางทัศนคติของสูตินรีแพทย์ไม่สอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับ knowledge.12 ชัดเจนของพวกเขา , 13 ในการทดลองใน North Carolina , ถึงแม้ว่าเปอร์เซ็นต์สูงของสูตินรีแพทย์เชื่อว่าโรค periodontal อาจเป็น ปัจจัยความเสี่ยงที่เป็นไปได้สำหรับผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ข้อเสนอแนะสำหรับการตรวจสอบฟันเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลก่อนคลอด และการสอบภาพในช่วงเริ่มต้นเยี่ยมชมทันตกรรมหรือเป็นระยะ ๆได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาของบราซิล , 13 มากกว่า 90% ของสูตินรีแพทย์แนะนำให้ตรวจฟันในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาปัจจุบัน การศึกษาพบความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างผู้ปฏิบัติงานทั่วไป และสูตินรีแพทย์ ประสบการณ์ และทำการตรวจสอบฟันในระหว่างการเยี่ยมชมครั้งแรกหรือเป็นระยะๆ ในขณะที่ความสัมพันธ์นี้เป็นบวกในการศึกษาใน carolina.12 เหนือการศึกษาของเรายังพบความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างประสบการณ์การทำงานและความถี่ของข้อเสนอแนะสำหรับการสอบทันตกรรมในระหว่างการตั้งครรภ์ในกลุ่มสูตินรีแพทย์ . บนมืออื่น ๆ , การศึกษาของบราซิลพบว่าผู้เข้าร่วมมีประสบการณ์มากขึ้นบ่อย แนะนำการตรวจสอบฟันของพวกเขาเพื่อ patients.13 ผลการศึกษาของเราอาจจะระบุความต้องการการฝึกอบรมเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากที่เหมาะสมในการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องของผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับหญิงตั้งครรภ์การศึกษาของบราซิลพบว่า สูตินรีแพทย์ที่ได้รับการเข้าชมทันตกรรมในปีที่ผ่านมาเรียกว่าผู้ป่วยกับทันตแพทย์มากขึ้นกว่าคนอื่น ๆ 13 แต่ความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมในการศึกษานี้ แม้ว่าจำนวนน้อยของผู้เข้าร่วมสามารถถือเป็นข้อจำกัดในการศึกษาปัจจุบัน อัตราการตอบสนองสูง ( 75% ) เมื่อเทียบกับการศึกษาที่คล้ายกันอื่น ๆร้อยละ 40 ใน North Carolina ศึกษาและ 55% ในบราซิล ) เป็นจุดแข็งที่สำคัญของ ความแตกต่างของอัตราการตอบสนองระหว่างการศึกษาปัจจุบัน และอีกสองคนเป็นสิ่งสำคัญมากเป็นผู้ที่ไม่ตอบ อาจเป็นผู้ที่มีความรู้หรือความสนใจน้อยลงน้อยลง สุขภาพช่องปาก แม้ว่าผู้เข้าร่วมการศึกษามีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับโรคปริทันต์และความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ มีพื้นที่มากสำหรับการปรับปรุง สมาคมสารสนเทศและทันตกรรมเพิ่มเติมระหว่างสุขภาพช่องปาก และสุขภาพของระบบควรจะรวมอยู่ใน curriculato แพทย์เปลี่ยนทัศนคติต่อโรคปริทันต์แพทย์ได้ง่าย โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์