การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษากระจุกดาวเปิดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก 15 กระจุกดาว คือ M7,M18,M21,M25,M36,M37,M41,M67,M103,NGC188,NGC225,NGC869,NGC114,NGC5460, NGC6633 โดยทำการศึกษา Initial mass Function ของกระจุกดาวเปิดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก โดยการสร้าง H-R Diagram ของแต่ละกระจุกดาวเปิด แล้วนำกราฟของแต่ละกระจุกดาวเปิดเพื่อไปใช้วิเคราะห์หาฟังก์ชั่นที่จะใช้อธิบายการกระจายตัวของดาวมวลต่างกันในแต่ละกระจุกดาวเปิดได้ โดยมีขอบเขตสำหรับการศึกษาคือฐานข้อมูลจากโปรแกรม DS9 มีวิธีการศึกษาคือ นำค่า Flux B และ Flux V มาใช้สร้าง H-R Diagram และเลือกเอาเฉพาะดาวในลำดับหลักของแต่ละกระจุกดาวในกราฟ มาทำการวิเคราะห์ Initial mass Function โดยการสร้างกราฟกระจายความถี่ โดยใช้ช่วงมวลของดาวในการแบ่งจำนวนดาวในแต่ละกระจุกดาวเปิด แล้วทำการสร้างเส้นแนวโน้มการกระจายตัวของดาวในรูปของสมการเส้นตรง แล้วเปลี่ยนให้สมการเส้นตรงให้อยู่ในรูปของสมการ Power Law เพื่อดูค่าความสัมพันธ์ระหว่าวงมวลดาวและจำนวนของดาวในแต่ละกระจุกดาวเปิด
จากผลการศึกษาพบว่า กราฟ H-R Diagram ของทุกกระจุกดาวมีการกระจายตัวที่แตกต่างกันออกไปตามค่า Flux ที่เปลี่ยนไปของดาวแต่ละดวงในกระจุกดาวเปิด แต่ในทุกกระจุกดาวเปิดจะพบว่ามีดาวเกาะกลุ่มกันอยู่ใน Main sequence เป็นจำนวนมาก และจากการศึกษา Initial mass function พบว่า เมื่อเราสร้างกราฟกระจายความถี่ โดยแบ่งจำนวนของดาว ตามช่วงของมวลแล้ว ดาวที่มีมวลน้อยจะมีจำนวนมากกว่าดาวที่มีมวลมาก แต่จากการทำการศึกษา ช่วงมวลที่น้อยมากๆ จะเกิดการผิดพลาดของข้อมูลคือ ดาวที่มวลน้อยมากๆจะมีจำนวนของดาวที่น้อยอยู่ในช่วงหนึ่งของกราฟ จากการวิเคราะห์จึงพบว่า อาจจะเกิดจากภาพถ่ายที่เราใช้จากฐานข้อมูล อาจมีความผิดพลาด เนื่องจาก ตอนถ่ายภาพดาวแล้วดาวที่มีมวลน้อย มีความสว่างน้อยทำให้ไม่ติดมาในภาพถ่าย แต่ในที่นี้จะนำเฉพาะค่าดาวที่เป็นไปตามแนวโน้มมาใช้ในการหาสมการเท่านั้น
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษากระจุกดาวเปิดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก 15 กระจุกดาวคือ M7, M18, M21, M25, M36, M37, M41, M67, M103, NGC188, NGC225, NGC869, NGC114, NGC5460, NGC6633 โดยทำการศึกษาเริ่มต้นมวลฟังก์ชันของกระจุกดาวเปิดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกโดยการสร้างแผนภาพ H-R ของแต่ละกระจุกดาวเปิดแล้วนำกราฟของแต่ละกระจุกดาวเปิดเพื่อไปใช้วิเคราะห์หาฟังก์ชั่นที่จะใช้อธิบายการกระจายตัวของดาวมวลต่างกันในแต่ละกระจุกดาวเปิดได้โดยมีขอบเขตสำหรับการศึกษาคือฐานข้อมูลจากโปรแกรม DS9 มีวิธีการศึกษาคือนำค่า B ฟลักซ์และฟลักซ์ V มาใช้สร้างแผนภาพ H-R และเลือกเอาเฉพาะดาวในลำดับหลักของแต่ละกระจุกดาวในกราฟมาทำการวิเคราะห์เริ่มต้นมวลฟังก์ชันโดยการสร้างกราฟกระจายความถี่โดยใช้ช่วงมวลของดาวในการแบ่งจำนวนดาวในแต่ละกระจุกดาวเปิดแล้วทำการสร้างเส้นแนวโน้มการกระจายตัวของดาวในรูปของสมการเส้นตรงแล้วเปลี่ยนให้สมการเส้นตรงให้อยู่ในรูปของสมการกฎหมายพลังงานเพื่อดูค่าความสัมพันธ์ระหว่าวงมวลดาวและจำนวนของดาวในแต่ละกระจุกดาวเปิด จากผลการศึกษาพบว่า กราฟ H-R Diagram ของทุกกระจุกดาวมีการกระจายตัวที่แตกต่างกันออกไปตามค่า Flux ที่เปลี่ยนไปของดาวแต่ละดวงในกระจุกดาวเปิด แต่ในทุกกระจุกดาวเปิดจะพบว่ามีดาวเกาะกลุ่มกันอยู่ใน Main sequence เป็นจำนวนมาก และจากการศึกษา Initial mass function พบว่า เมื่อเราสร้างกราฟกระจายความถี่ โดยแบ่งจำนวนของดาว ตามช่วงของมวลแล้ว ดาวที่มีมวลน้อยจะมีจำนวนมากกว่าดาวที่มีมวลมาก แต่จากการทำการศึกษา ช่วงมวลที่น้อยมากๆ จะเกิดการผิดพลาดของข้อมูลคือ ดาวที่มวลน้อยมากๆจะมีจำนวนของดาวที่น้อยอยู่ในช่วงหนึ่งของกราฟ จากการวิเคราะห์จึงพบว่า อาจจะเกิดจากภาพถ่ายที่เราใช้จากฐานข้อมูล อาจมีความผิดพลาด เนื่องจาก ตอนถ่ายภาพดาวแล้วดาวที่มีมวลน้อย มีความสว่างน้อยทำให้ไม่ติดมาในภาพถ่าย แต่ในที่นี้จะนำเฉพาะค่าดาวที่เป็นไปตามแนวโน้มมาใช้ในการหาสมการเท่านั้น
การแปล กรุณารอสักครู่..

15 กระจุกดาวคือ M7, M18, M21, M25, M36, M37, M41, M67, M103, NGC188, NGC225, NGC869, NGC114, NGC5460, NGC6633 โดยทำการศึกษาฟังก์ชั่นมวลเริ่มต้น โดยการสร้างทรัพยากรบุคคลแผนภาพของแต่ละกระจุกดาวเปิด DS9 มีวิธีการศึกษาคือนำค่าฟลักซ์ B และฟลักซ์วีมาใช้สร้างทรัพยากรบุคคลแผนภาพ มาทำการวิเคราะห์เบื้องต้นฟังก์ชั่นมวลโดยการสร้างกราฟกระจายความถี่ อำนาจกฎหมาย
กราฟแผนภาพทรัพยากรบุคคล ฟลักซ์ ลำดับหลักเป็นจำนวนมากและจากการศึกษาการทำงานของมวลเริ่มต้นพบว่าเมื่อเราสร้างกราฟกระจายความถี่ โดยแบ่งจำนวนของดาวตามช่วงของมวลแล้ว แต่จากการทำการศึกษาช่วงมวลที่ น้อยมาก ๆ จะเกิดการผิดพลาดของข้อมูลคือ จากการวิเคราะห์จึงพบว่า อาจมีความผิดพลาดเนื่องจากตอนถ่าย ภาพดาวแล้วดาวที่มีมวลน้อย
การแปล กรุณารอสักครู่..
