Proponents argue that corporations

Proponents argue that corporations make more long term profits by operating with a perspective, while critics argue that CSR distracts from the economic role of businesses. McWilliams and Siegel's article (2000) published in Strategic Management Journal, cited by over 1000 academics, compared existing econometric studies of the relationship between social and financial performance. They concluded that the contradictory results of previous studies reporting positive, negative, and neutral financial impact, were due to flawed empirical analysis. McWilliams and Siegel demonstrated that when the model is properly specified; that is, when you control for investment in Research and Development, an important determinant of financial performance, CSR has a neutral impact on financial outcomes.[5]

In his widely cited book[6][7] entitled Misguided Virtue: False Notions of Corporate Social Responsibility (2001) David Henderson argued forcefully against the way in which CSR broke from traditional corporate value-setting. He questioned the "lofty" and sometimes "unrealistic expectations" in CSR.[8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Proponents โต้เถียงว่า บริษัททำกำไรระยะยาวมากขึ้น โดยการทำงานกับมุมมอง ในขณะที่นักวิจารณ์โต้แย้งว่า CSR distracts จากบทบาททางเศรษฐกิจของธุรกิจ บท McWilliams และของ Siegel (2000) ตีพิมพ์ในสมุดรายวันการจัดการเชิงกลยุทธ์ อ้างถึง โดยนักวิชาการกว่า 1000 เปรียบเทียบศึกษา econometric ที่มีอยู่ของความสัมพันธ์ระหว่างสังคม และทางการเงิน พวกเขาสรุปว่า ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ที่รายงานค่าบวก ลบ และเป็นกลางทางการเงินผลกระทบ ขัดแย้งได้เนื่องจากผลวิเคราะห์ flawed McWilliams และ Siegel สาธิตที่แบบมีการระบุอย่างถูกต้อง นั่นคือ เมื่อคุณควบคุมการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา ดีเทอร์มิแนนต์สำคัญของผล CSR มีผลกระทบต่อความเป็นกลางในผลลัพธ์ทางการเงิน[5]

ในเขาหนังสืออ้างอิงอย่างกว้างขวาง [6] [7] ได้รับคุณธรรม Misguided: เท็จความเข้าใจของสังคม (2001) David Henderson ประโต้เถียงกับแบบ CSR ยากจนจากองค์กรแบบตั้งค่า เขาสอบสวนการ "สูงส่ง" และบางครั้ง "ไม่คาดหวัง" ใน CSR[8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้เสนอยืนยันว่า บริษัท ทำกำไรในระยะยาวมากขึ้นโดยการดำเนินงานที่มีมุมมองในขณะที่นักวิจารณ์ยืนยันว่ารับผิดชอบต่อสังคมสมาธิจากบทบาททางเศรษฐกิจของธุรกิจ McWilliams และบทความของซีเกล (2000) ที่ตีพิมพ์ในวารสารการจัดการเชิงกลยุทธ์, อ้างโดยกว่า 1000 นักวิชาการเมื่อเทียบการศึกษาทางเศรษฐมิติที่มีอยู่ของความสัมพันธ์ระหว่างผลการดำเนินงานทางสังคมและทางการเงิน พวกเขาสรุปว่าผลการขัดแย้งของการศึกษาก่อนหน้าการรายงานผลกระทบทางการเงินบวกลบและเป็นกลางได้เนื่องจากการวิเคราะห์เชิงประจักษ์สมบูรณ์ McWilliams และซีเกลแสดงให้เห็นว่ารูปแบบเมื่อมีการระบุอย่างถูกต้อง นั่นคือเมื่อคุณควบคุมสำหรับการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาปัจจัยที่สำคัญของประสิทธิภาพทางการเงินความรับผิดชอบต่อสังคมที่มีผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่เป็นกลางทางการเงิน [5]. ในหนังสืออ้างอย่างกว้างขวางของเขา [6] [7] เรื่องเข้าใจผิดคุณธรรม: พัฒนาการเท็จของ ความรับผิดชอบต่อสังคม (2001) เดวิดเฮนเดอเป็นที่ถกเถียงกันอย่างแข็งขันกับวิธีการที่รับผิดชอบต่อสังคมยากจนจากค่าการตั้งค่าขององค์กรแบบดั้งเดิม เขาถาม "สูงส่ง" และบางครั้ง "ความคาดหวังที่ไม่สมจริง" ในความรับผิดชอบต่อสังคม. [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้เสนอโต้เถียงว่า บริษัททำกำไรในระยะยาวมากขึ้น โดยปฏิบัติ มีมุมมอง ในขณะที่นักวิจารณ์โต้แย้งว่า CSR distracts จากบทบาททางเศรษฐกิจของธุรกิจ McWilliams ซีเกล ( 2000 ) และบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารการจัดการเชิงกลยุทธ์ โดยอ้างมากกว่า 1000 นักวิชาการเปรียบเทียบที่มีอยู่ทางการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะทางสังคมและการเงินพวกเขาพบว่าผลของการศึกษาก่อนหน้านี้รายงานเชิงบวก ลบ และเป็นกลางทางการเงิน ผลกระทบ จากผลการศึกษาที่สมบูรณ์ และแสดงให้เห็นว่าเมื่อ McWilliams ซีรูปแบบได้อย่างถูกต้องระบุไว้ นั่นคือ เมื่อคุณสามารถควบคุมการลงทุนในการวิจัย และพัฒนา เป็นปัจจัยที่สำคัญของประสิทธิภาพทางการเงินCSR ได้ผลกระทบที่เป็นกลางต่อผลลัพธ์ทางการเงิน . [ 5 ]

ในหนังสือของเขาอย่างกว้างขวางอ้าง [ 6 ] [ 7 ] สิทธิที่ผิดธรรม ตนเท็จของความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ ( 2001 ) เดวิด เฮนเดอร์สัน ทะเลาะกันแรง กับวิธีที่บริษัทหักจากแบบดั้งเดิมของ บริษัท ค่าการตั้งค่า เขาถาม " สูงส่ง " และบางครั้ง " สมจริงหวัง " CSR [ 8 ]