What is polymorphism in programming

What is polymorphism in programming?

Polymorphism is the capability of a method to do different things based on the object that it is acting upon. In other words, polymorphism allows you define one interface and have multiple implementations. I know it sounds confusing. Don’t worry we will discuss this in detail.

It is a feature that allows one interface to be used for a general class of actions.
An operation may exhibit different behavior in different instances.
The behavior depends on the types of data used in the operation.
It plays an important role in allowing objects having different internal structures to share the same external interface.
Polymorphism is extensively used in implementing inheritance.
Following concepts demonstrate different types of polymorphism in java.
1) Method Overloading
2) Method Overriding

Method Definition:
A method is a set of code which is referred to by name and can be called (invoked) at any point in a program simply by utilizing the method’s name.

1)Method Overloading:
In Java, it is possible to define two or more methods of same name in a class, provided that there argument list or parameters are different. This concept is known as Method Overloading.

I have covered method overloading and Overriding below. To know more about polymorphism types refer my post Types of polymorphism in java: Static, Dynamic, Runtime and Compile time Polymorphism.

1) Method Overloading

To call an overloaded method in Java, it is must to use the type and/or number of arguments to determine which version of the overloaded method to actually call.
Overloaded methods may have different return types; the return type alone is insufficient to distinguish two versions of a method. .
When Java encounters a call to an overloaded method, it simply executes the version of the method whose parameters match the arguments used in the call.
It allows the user to achieve compile time polymorphism.
An overloaded method can throw different exceptions.
It can have different access modifiers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความแตกต่างในการเขียนโปรแกรมคืออะไรความแตกต่างคือ ความสามารถของวิธีการทำแตกต่างกันตามวัตถุที่ทำหน้าที่ตาม ในคำอื่น ๆ ความแตกต่างช่วยให้คุณกำหนดอินเทอร์เฟซหนึ่ง และมีใช้งานหลาย ฉันรู้ว่า มันเสียงสับสน ไม่ต้องกังวลเราจะปรึกษาเรื่องนี้ในรายละเอียดคุณลักษณะที่ช่วยให้อินเทอร์เฟซหนึ่งจะใช้สำหรับระดับทั่วไปของการดำเนินการ ได้การดำเนินการอาจมีลักษณะแตกต่างกันในกรณีต่าง ๆลักษณะการทำงานขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินการมันมีบทบาทสำคัญในการอนุญาตให้วัตถุที่มีโครงสร้างภายในแตกต่างแบ่งปันอินเทอร์เฟซภายนอกที่เดียวกันความแตกต่างมีใช้อย่างกว้างขวางในการสืบทอดแนวคิดต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างใน java ที่แตก1) วิธีที่มากเกินไป2) วิธีที่แทนวิธีนิยาม:วิธีการคือ ชุดของรหัสที่จะเรียกตามชื่อ และสามารถเรียก (เรียกใช้) ที่จุดใด ๆ ในโปรแกรมง่าย ๆ โดยใช้ชื่อของวิธีการ1) วิธีการบรรทุกเกินพิกัด:ใน Java จำเป็นต้องกำหนดวิธีที่ สองมีชื่อเดียวกันในชั้นเรียน ให้บริการที่มีอาร์กิวเมนต์รายการ หรือพารามิเตอร์จะแตกต่างกัน แนวคิดนี้เป็นวิธีที่มากเกินไปผมได้ครอบคลุมวิธีการบรรทุกเกินพิกัดและ Overriding ด้านล่าง รู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่าง ชนิดดูโพสต์ของฉันชนิดความแตกต่างในชวา: สถิต ไดนามิก รันไทม์ และคอมไพล์เวลาแตกต่างกัน1) วิธีที่มากเกินไปเรียกวิธีการโอเวอร์โหลดใน Java จะต้องใช้ชนิดหรือหมายเลขของอาร์กิวเมนต์เพื่อตรวจสอบเวอร์ชันของวิธี overloaded จริง โทรOverloaded วิธีอาจแตกต่างคืน ชนิดการส่งคืนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอเพื่อแยกรุ่นที่สองของวิธีการ .เมื่อ Java พบการเรียกวิธีการโอเวอร์โหลด มันเพียงแค่ดำเนินรุ่นของวิธีการที่มีพารามิเตอร์ที่ตรงกับอาร์กิวเมนต์ที่ใช้ในการเรียกจะช่วยให้ผู้ใช้เพื่อให้เกิดความแตกต่างของเวลาคอมไพล์วิธีการโอเวอร์โหลดสามารถโยนข้อยกเว้นที่แตกต่างกันมันจะมีคำวิเศษณ์เข้าแตกต่างกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความแตกต่างในการเขียนโปรแกรมคืออะไร

ความแตกต่างคือความสามารถในการวิธีการที่จะทำสิ่งที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุที่จะมีการปฏิบัติตาม ในคำอื่น ๆ หลายรูปแบบช่วยให้คุณกำหนดอินเตอร์เฟซที่หนึ่งและมีการใช้งานหลาย ๆ ฉันรู้ว่ามันเสียงสับสน ไม่ต้องกังวลเราจะหารือในรายละเอียด.

มันเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้อินเตอร์เฟซที่หนึ่งที่จะนำมาใช้สำหรับการเรียนการทั่วไปของการกระทำ.
การดำเนินการอาจแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างกันในกรณีที่แตกต่างกัน.
ลักษณะการทำงานขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูลที่ใช้ในการ . การดำเนินงาน
จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้วัตถุที่มีโครงสร้างภายในที่แตกต่างกันเพื่อแบ่งปันอินเตอร์เฟซภายนอกเดียวกัน.
polymorphism ใช้อย่างกว้างขวางในการดำเนินการถ่ายทอดทางพันธุกรรม.
แนวคิดดังต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของความแตกต่างใน java.
1) วิธีการบรรทุกเกินพิกัด
2) วิธีการเอาชนะ

วิธีนิยาม:
วิธีการคือชุดของรหัสที่เรียกตามชื่อและสามารถเรียกว่า (เรียก) ที่จุดใด ๆ ในโปรแกรมได้ง่ายๆโดยการใช้ชื่อของวิธีการที่.

1) วิธีที่มากไป:
ใน Java ก็เป็นไปได้ที่จะกำหนดสองคนหรือมากกว่าวิธีการ ที่มีชื่อเดียวกันในชั้นเรียนโดยมีเงื่อนไขว่ามีรายการอาร์กิวเมนต์หรือพารามิเตอร์ที่แตกต่างกัน แนวคิดนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นวิธีการมากไป.

ฉันได้ครอบคลุมวิธีการบรรทุกเกินพิกัดและเอาชนะด้านล่าง หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภท polymorphism ดูประเภทโพสต์ของฉันแตกต่างใน java. คงที่แบบไดนามิก Runtime และรวบรวมความแตกต่างเวลา

1) วิธีที่มากไป

เรียกวิธีการมากเกินไปใน Java ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้ชนิดและ / หรือหมายเลขของการขัดแย้ง การตรวจสอบเวอร์ชันของวิธีการมากเกินไปที่จะเรียกจริง.
วิธีการมากเกินไปอาจมีผลตอบแทนประเภทที่แตกต่างกัน ประเภทผลตอบแทนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะแยกแยะความแตกต่างสองรุ่นของวิธีการ .
เมื่อ Java พบการเรียกร้องให้วิธีการมากเกินไปมันก็รันรุ่นของวิธีการที่มีพารามิเตอร์ตรงกับข้อโต้แย้งที่ใช้ในการโทร.
จะช่วยให้ผู้ใช้เพื่อให้เกิดการรวบรวมความแตกต่างเวลา.
วิธีการมากเกินไปสามารถโยนข้อยกเว้นที่แตกต่างกัน.
มันสามารถมี การปรับเปลี่ยนการเข้าถึงที่แตกต่างกัน