Sunshine duration is the length of

Sunshine duration is the length of time that the ground surface is irradiated by direct solar radiation (i.e.,
sunlight reaching the earth's surface directly from the sun). In 2003, WMO defined sunshine duration as
the period during which direct solar irradiance exceeds a threshold value of 120 watts per square meter
(W/m2
). This value is equivalent to the level of solar irradiance shortly after sunrise or shortly before
sunset in cloud-free conditions. It was determined by comparing the sunshine duration recorded using a
Campbell-Stokes sunshine recorder with the actual direct solar irradiance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระยะเวลาที่แสงแดดเป็นระยะเวลาที่ผิวดิน irradiated โดยรังสีแสงอาทิตย์โดยตรง (เช่นแสงแดดเข้าถึงพื้นผิวดินโดยตรงจากดวงอาทิตย์) ใน 2003, WMO กำหนดระยะเวลาที่ซันไชน์เป็นระยะเวลาที่แสง irradiance ตรงเกินค่าขีดจำกัดของ 120 วัตต์ต่อตารางเมตร(W/m2). ค่านี้จะเท่ากับระดับของแสง irradiance หลัง จากพระอาทิตย์ขึ้น หรือช้าก่อนตกในสภาพที่ปราศจากเมฆ มันถูกกำหนด โดยการเปรียบเทียบระยะเวลาแสงแดดที่บันทึกไว้โดยใช้การCampbell-สโตกส์ซันไชน์บันทึกกับ irradiance พลังงานแสงอาทิตย์โดยตรงจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระยะเวลาที่ซันไชน์เป็นระยะเวลาที่ผิวดินที่มีการฉายรังสีจากรังสีแสงอาทิตย์โดยตรง (เช่น
แสงแดดถึงพื้นผิวโลกได้โดยตรงจากดวงอาทิตย์) ในปี 2003 WMO กำหนดระยะเวลาแสงแดดเป็น
ช่วงที่รังสีแสงอาทิตย์โดยตรงเกินกว่าค่าเกณฑ์ของ 120 วัตต์ต่อตารางเมตร
(W / m2
) ค่านี้เทียบเท่ากับระดับของรังสีแสงอาทิตย์ไม่นานหลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือไม่นานก่อนที่
พระอาทิตย์ตกในสภาพเมฆฟรี มันถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบระยะเวลาแสงแดดที่บันทึกโดยใช้
เครื่องบันทึกแสงแดดแคมป์เบล-Stokes กับรังสีแสงอาทิตย์โดยตรงที่เกิดขึ้นจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เวลาแสงแดดคือความยาวของเวลาที่ผิวดินคือรังสีรังสีดวงอาทิตย์โดยตรง ( เช่น
แสงแดดเข้าถึงโลกพื้นผิวโดยตรงจากดวงอาทิตย์ ) ในปี 2003 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกกำหนดระยะเวลาแสงแดดเป็น
ระยะเวลาในระหว่างที่ฉายรังสีแสงอาทิตย์โดยตรงเกินเกณฑ์ค่า 120 วัตต์ต่อตารางเมตร ( W / m2

)ค่านี้จะเทียบเท่ากับระดับของแสงอาทิตย์ดังกล่าวหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกในเงื่อนไขสั้นๆ ก่อน
เมฆฟรี มันถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบความยาวนานแสงแดด บันทึกโดยใช้
แคมป์เบล สโตคส์บันทึกแสงอาทิตย์กับที่เกิดขึ้นจริงตรงพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว .