Mass UnemploymentThe need for large

Mass Unemployment
The need for large-scale government spending was tied to mass unemployment; as the financial crisis led to cuts in production, workers lost their jobs and purchased less
In Britain between 1930 and 1935, an average of 18 percent of the workers were unemployed while in 1932, unemployment soared to about 33 percent of the entire labor force in the United States (fourteen million people were out of work)
Only by pumping new money into the economy could the government increase demand and break the vicious cycle of decline; along with economic effects, mass unemployment posed a great social problem that mere numbers cannot express
Millions of people lost their spirit and dignity in an apparently hopeless search for work; homes and ways of life were disrupted in millions of personal tragedies
People postponed marriages they could not afford, and birthrates fell sharply; there was an increase in suicide and mental illness; poverty became a reality
Mass unemployment was a terrible time bomb preparing to explode

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ว่างงานโดยรวมต้องการใช้จ่ายของรัฐบาลขนาดใหญ่เชื่อมโยงกับงานมวลชน เป็นวิกฤตการเงินนำไปตัดในการผลิต แรงงานสูญเสียงานของพวกเขา และซื้อน้อยในสหราชอาณาจักรระหว่าง 1930 และ 1935 เฉลี่ยร้อยละ 18 ของผู้ปฏิบัติงานที่มีงานในขณะที่ในปี 1932 ว่างงานเพิ่มสูงขึ้นประมาณร้อยละ 33 ของกำลังแรงงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา (สิบสี่ล้านคนถูกออกจากงาน)เท่า โดยการสูบเงินใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจ ได้รัฐบาลเพิ่มความต้องการ และตัดวงจรชั่วร้ายของปฏิเสธ; กับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ว่างงานโดยรวมทำให้เกิดปัญหาทางสังคมที่ดีเป็นเพียงตัวเลขไม่ล้านคนสูญเสียจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีในการหางาน ตาเห็นได้ชัดของพวกเขา บ้านและชีวิตอยู่ระหว่างสองวันในล้าน ๆ tragedies ส่วนบุคคลคนที่เลื่อนออกไปว่าพวกเขาสามารถไม่จ่าย และ birthrates ลดลงอย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มขึ้นของฆ่าตัวตายและการเจ็บป่วยโรคจิต ความยากจนกลายเป็น ความจริงว่างงานโดยรวมได้เตรียมลั่นระเบิดเวลาที่น่ากลัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การว่างงานมวล
ความจำเป็นในการใช้จ่ายภาครัฐขนาดใหญ่ที่ได้รับการเชื่อมโยงกับการว่างงาน; เป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินที่นำไปสู่การปรับลดในการผลิตแรงงานที่ตกงานและซื้อน้อย
ในสหราชอาณาจักรระหว่าง 1930 และ 1935 เฉลี่ยร้อยละ 18 ของแรงงานที่มีการว่างงานในปี 1932 ในขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณร้อยละ 33 ของกำลังแรงงานทั้งหมดใน ประเทศสหรัฐอเมริกา (สิบสี่ล้านคนถูกออกจากงาน)
โดยเฉพาะการสูบเงินใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจของรัฐบาลจะเพิ่มความต้องการและทำลายวงจรของการลดลง; พร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจว่างงานนับเป็นปัญหาสังคมที่ดีที่ตัวเลขเพียงไม่สามารถแสดงความ
ล้านคนสูญเสียจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาในการค้นหาสิ้นหวังเห็นได้ชัดสำหรับการทำงาน; บ้านและวิถีชีวิตกระจัดกระจายในล้านของโศกนาฎกรรมส่วนบุคคล
คนเลื่อนการแต่งงานพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้และ birthrates ลดลงอย่างรวดเร็ว; มีการเพิ่มขึ้นในการฆ่าตัวตายและการเจ็บป่วยทางจิต; ความยากจนกลายเป็นความจริง
ว่างงานได้รับการระเบิดครั้งที่น่ากลัวเตรียมความพร้อมที่จะระเบิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มวลการว่างงาน
ต้องใช้ขนาดใหญ่ของรัฐเชื่อมโยงกับมวลการว่างงาน ; เป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินทำให้ลดการผลิต แรงงานตกงาน และซื้อน้อยลง
ในอังกฤษระหว่าง 1930 และ 1935 , ค่าเฉลี่ยของร้อยละ 18 ของคนงานตกงานในขณะที่ใน 2475การว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 33 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ( สิบสี่ล้านคนตกงาน )
โดยเฉพาะสูบเงินใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจรัฐบาลสามารถเพิ่มความต้องการและทำลายวงจรอุบาทว์ของการปฏิเสธ พร้อมกับผลทางเศรษฐกิจ การว่างงาน ทำให้มวลทางสังคมที่ดี ปัญหาที่ไม่สามารถแสดง
เพียงตัวเลขล้านคนสูญเสียจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของพวกเขาในการค้นหาที่สิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่าทำงาน ; บ้านและวิถีชีวิตมีการหยุดชะงักในล้านของบุคคลโศกนาฏกรรม
คนเลื่อนการแต่งงานที่พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ และ birthrates ลดลงอย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มและการเจ็บป่วยทางจิต ฆ่าตัวตาย ความยากจนก็เป็นจริง
มวลการว่างงานที่น่ากลัวเวลาระเบิด เตรียมระเบิด