Early lifeAung San Suu Kyi was born

Early life
Aung San Suu Kyi was born in Rangoon, Burma, on June 19, 1945, the youngest of three children of Bogyoke (Generalissimo) Aung San and Daw Khin Kyi. (In Burma all names are individual and people do not have last names.) Her father is known as the founder of independent Burma in 1948 and is beloved in that country. He played a major role in helping Burma win independence from the British, and he was able to win the respect of different ethnic groups through the force of his personality and the trust he inspired. Her mother had been active in women's political groups before marrying Aung San, and the couple often hosted political gatherings in their home, even after the births of their children. In July 1947 Aung San, along with most of his cabinet, was assassinated by members of an opposing political group. He never saw his country become independent on January 4, 1948.
Aung San Suu Kyi spent her early years in Burma. She later joined her mother, who was appointed as Burmese ambassador (representative) to India in 1960. She was partly educated in secondary school in India and then attended St. Hugh's College, Oxford University, in England. While there, she studied politics, economics (the production, distribution, and use of goods and services), and philosophy (the study of ideas) and received her bachelor's and master's degrees. From her father she developed a sense of duty to her country, and from her mother, who never spoke of hatred for her husband's killers, she learned forgiveness. She also became influenced by the teachings of Indian leader Mohandas Gandhi (1869–1948), who was a believer in nonviolent civil disobedience.
For two years Aung San Suu Kyi worked at the United Nations (U.N.) in New York, New York. In 1972 she married Michael Vaillancourt Aris, a well-known scholar she had met while studying at Oxford. They had two sons and settled in England. Before they were married, Aung San Suu Kyi warned her fiancé that the people of Burma might need her one day and she would have to go back. She served as a visiting scholar at the Center for Southeast Asian Studies, Kyoto University, Japan, from 1985 to 1986 and at the Indian Institute of Advanced Studies in Simla, India, in 1987.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชีวิตในวัยเด็ก
อองซานซูจีเกิดในกรุงย่างกุ้งประเทศพม่าเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1945 น้องคนสุดท้องของเด็กทั้งสามคนของ Bogyoke (แม่ทัพ) อองซานและนางขิ่นจี (ในพม่าชื่อทั้งหมดเป็นบุคคลและคนที่ไม่ได้มีนามสกุล.) พ่อของเธอเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งอิสระพม่าในปี 1948 และเป็นที่รักในประเทศนั้น เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้พม่าชนะเอกราชจากอังกฤษและเขาก็สามารถที่จะชนะเคารพของกลุ่มชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันผ่านการบังคับของบุคลิกภาพของเขาและความไว้วางใจที่เขาเป็นแรงบันดาลใจ แม่ของเธอได้รับการใช้งานในกลุ่มการเมืองของผู้หญิงก่อนที่จะแต่งงานกับนางอองซานและทั้งคู่มักจะเป็นเจ้าภาพการชุมนุมทางการเมืองในบ้านของพวกเขาแม้หลังจากการเกิดของเด็ก ในกรกฎาคม 1947 อองซานพร้อมกับที่สุดของตู้เก็บของถูกลอบสังหารโดยสมาชิกของกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เขาไม่เคยเห็นประเทศของเขาเป็นอิสระในวันที่ 4 มกราคม 1948
อองซานซูจีใช้เวลาช่วงปีแรกของเธอในพม่า หลังจากนั้นเธอได้เข้าร่วมแม่ของเธอที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตพม่า (ตัวแทน) ไปยังประเทศอินเดียในปี 1960 เธอได้รับการศึกษาส่วนหนึ่งในโรงเรียนมัธยมในอินเดียและจากนั้นก็ร่วมวิทยาลัยเซนต์ฮิวจ์มหาวิทยาลัยฟอร์ดในอังกฤษ ในขณะที่มีเธอเรียนการเมืองเศรษฐกิจ (การผลิตการจำหน่ายและการใช้สินค้าและบริการ) และปรัชญา (การศึกษาความคิด) และได้รับปริญญาตรีของเธอและปริญญาโท จากพ่อของเธอเธอพัฒนาความรู้สึกของหน้าที่เพื่อประเทศของเธอและจากแม่ของเธอที่ไม่เคยพูดถึงความเกลียดชังฆ่าสามีของเธอเธอได้เรียนรู้การให้อภัย นอกจากนี้เธอยังกลายเป็นอิทธิพลมาจากคำสอนของผู้นำอินเดียมหาตมะคานธี (1869-1948) ซึ่งเป็นที่เชื่อในเรื่องการละเมิดสิทธิรุนแรง.
สองปีอองซานซูจีทำงานที่สหประชาชาติ (UN) ใน New York, New York ในปี 1972 เธอแต่งงานกับไมเคิล Vaillancourt Aris เป็นนักวิชาการที่รู้จักกันดีที่เธอได้พบในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฟอร์ด พวกเขามีลูกชายสองคนและตั้งรกรากอยู่ในประเทศอังกฤษ ก่อนที่พวกเขาแต่งงานกันนางอองซานซูจีเตือนคู่หมั้นของเธอว่าคนของพม่าอาจจำเป็นต้องวันหนึ่งเธอจะต้องกลับไป เธอทำหน้าที่เป็นนักวิชาการที่เข้ามาเยี่ยมชมที่ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษามหาวิทยาลัยเกียวโต, ญี่ปุ่น, 1985-1986 และที่สถาบันการศึกษาขั้นสูงของอินเดียในศิมลาอินเดียในปี 1987

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชีวิต
ก่อน ออง ซาน ซูจี เกิดในกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1945 , อายุของเด็ก 3 คน ของโบโจ๊ก ( ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ) นางออง ซาน ซูจีดอว์ขิ่นและ . ( ในพม่าชื่อทุกชื่อเป็นบุคคลและคนไม่มีชื่อ สุดท้าย ) บิดาของเธอเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งพม่าในปี 1948 และรักอิสระในประเทศนั้นเขามีบทบาทในการช่วยให้พม่าได้เอกราชจากอังกฤษ และเขาก็สามารถที่จะชนะเคารพของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ด้วยพลังของบุคลิกภาพของเขาและไว้ใจเขาได้แรงบันดาลใจ แม่ของเธอได้ถูกใช้งานอยู่ในทางการเมืองกลุ่มก่อนที่จะแต่งงานกับนางออง ซาน และคู่มักจะจัดการชุมนุมทางการเมืองในบ้านของพวกเขา แม้หลังจากการเกิดของเด็กของพวกเขาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2490 อองซาน พร้อมกับส่วนมากของคณะรัฐมนตรีของเขาถูกลอบสังหารโดยสมาชิกของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของกลุ่ม เขาไม่เคยเห็นประเทศของเขาเป็นอิสระในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1948 .
นางออง ซาน ซูจีใช้เวลาช่วงปีแรกของเธอในพม่า เธอเข้าร่วมในภายหลัง แม่ของเธอ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตพม่า ( ตัวแทน ) ไปอินเดียใน ค.ศ.เธออาจได้รับการศึกษาในโรงเรียนมัธยมในประเทศอินเดียและเข้าร่วมวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เซนต์ฮิวจ์ในอังกฤษ ขณะที่เธอศึกษา การเมือง เศรษฐศาสตร์ การผลิต การกระจาย และการใช้ของสินค้าและบริการ ) และปรัชญา ( แนวความคิด ) และรับเธอได้ปริญญาโท ปริญญาเอก จากพ่อของเธอ เธอได้พัฒนาความรู้สึกของหน้าที่ในประเทศของเธอ และแม่ของเธอคนที่ไม่เคยพูด เกลียดคนที่ฆ่าสามีของเธอ เธอได้เรียนรู้การให้อภัย นอกจากนี้เธอยังเป็นอิทธิพลจากคำสอนของ มหาตมะ คานธี ผู้นำอินเดีย ( 1869 – 1948 ) , ผู้ที่เชื่อในการอารยะขัดขืน .
2 ปี ออง ซาน ซูจี เคยทำงานที่สหประชาชาติ ( UN ) ในนิวยอร์ก , นิวยอร์ก ในปี 1972 เธอแต่งงานกับไมเคิล vaillancourt อีกครั้ง ,เป็นนักวิชาการที่รู้จักกันดีที่เธอได้พบในขณะเรียนที่ออกซ์ฟอร์ด พวกเขามีบุตรชายสองคนและอาศัยอยู่ในอังกฤษ ก่อนที่จะแต่งงานกัน นางออง ซาน ซูจี เตือนเธอว่าคู่หมั้นและประชาชนพม่า อาจต้องการวันหนึ่งเธอจะต้องกลับไป เธอทำหน้าที่เป็นเยี่ยมนักเรียนที่ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1985 1986 และที่อินเดียสถาบันการศึกษาขั้นสูงใน Simla อินเดียใน 1987 .