1.
คู่มือประจำตัวผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง
ใช้ในกรณี “ ภาวะฉุกเฉิน” คือ
“ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติ
(Autonomic dysreflexia หรือ ภาวะAD )
จัดทำโดย กองเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
2.
สารบัญ
คำนำ หน้า
ไขสันหลังและการบาดเจ็บไขสันหลัง หน้า
ลักษณะกายวิภาคของกระดูกสันหลังและบาดเจ็บไขสันหลัง
ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติคืออะไร
อาการและอาการแสดง
สาเหตุ
แนวทางการแก้ไขภาวะ AD
3.
คำนำ
ผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังมักพบกับปัญหาสุขภาพหลายระบบ การดูแลเอาใจใส่ตนเอง เรียนรู้วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นเรื่องไม่ยาก หากแต่ตัวผู้ป่วยและผู้ดูแลต้องมีระเบียบวินัยใส่ใจตนเอง เรียนรู้ให้เข้าใจถึงวิธีการและขั้นตอนที่ถูกต้อง ก็สามารถแก้ไขปัญหาให้ตนเองได้ในระยะแรกๆ อย่างเช่น ภาวะฉุกเฉินที่เกิดกับผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง คือ ภาวะ AD ถ้าผู้ป่วยและผู้ดูแลรู้จักวิธีป้องกันแก้ไขตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก็สามารถช่วยให้ไม่เกิดความพิการซ้ำซ้อน จึงถึงชีวิตได้
คณะผู้จัดทำจึงจัดทำคู่มือเล่มนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้พกติดตัวทบทวนความรู้ และใช้เป็นเอกสารแนะนำผู้อื่นในภาวะฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นภัยจาก “ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติ (Autonomic dysreflexia ) หรือ ภาวะ AD “
4.ไขสันหลังและการบาดเจ็บไขสันหลัง
ไขสันหลัง (Spinal cord)
เป็นส่วนของระบบประสาทส่วนกลางที่เชื่อมต่อมาจากก้านสมอง ไขสันหลังวางตัวอยู่ในช่องกระดูกสันหลัง ตั้งแต่ Foramem Magnum ถึงกระดูกสันหลังส่วนเอวระดับ L1-2 ทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณประสาทสั่งการจากสมองผ่านไปยังเส้นประสาทส่วนปลาย และรับสัญญาณประสาทจากเส้นประสาทรับความรู้สึกถ่ายทอดขึ้นไปยังสมอง
กระดูกสันหลังประกอบด้วย กระดูกสันหลังระดับคอ (Cervical spine) 7 ข้อ กระดูกสันหลังระดับอก ( Thoracic spine 12 ข้อ กระดูกสันหลังระดับเอว (Lumbar spine) 5 ข้อ และกระดูกกระเบนเหน็บและกระดูกก้นกบซึ่งมักเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน
ไขสันหลังมีระดับของเส้นประสาทที่สอดคล้องกับไขสันหลังระดับคอ(Cervical cord) 8 ข้อ ไขสันหลังระดับอก ( Thoracic cord) 12 ข้อ ไขสันหลังระดับเอว (Lumbar cord) 5 ข้อ แลไขสันหลังระดับกระเบนเหน็บ(Sacral cord) 5 ระดับ
ทั้งนี้ระดับของเส้นประสาทไขสันหลังอาจไม่อยู่ตรงกับข้อกระดูกสันหลังพอดี เนื่องจากไขสันหลังสิ้นสุดที่กระดูกสันหลังส่วนเอวที่ L1-2 ในระดับของกระดูกสันหลังล่างต่อ L2 จะเป็นส่วนของกลุ่มรากประสาทหางม้าที่เรียกว่า Cauda equina
Spinal cord injury
หมายถึง การบาดเจ็บของไขสันหลังทั้งนี้รอยโรคที่เกิดขึ้นที่ไขสันหลังอาจเกิดจากอุบัติเหตุ (Trauma) ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อไขสันหลังโดยตรง เช่นกระดูกสันหลังหัก ถูกกระสุนปืน หรืออาจเกิดจากโรค เช่น การติเชื้อที่ไขสันหลัง หรือเนื้องอกที่ไขสันหลัง เป็นต้น
แบ่งระดับการบาดเจ็บของไขสันหลัง เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆๆ คือ
1.Tetraplegia (อัมพาตแขนขา 2 ข้าง) หมายถึง ภาวะอ่อนแรงของแขนและขาทั้ง 2 ข้าง จากการบาดเจ็บไขสันหลังส่วนคอ Cervical cord level
2.Paraplegia (อัมพาตครึ่งล่าง) หมายถึง ภาวะขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้าง จาการบาดเจ็บไขสันหลังระดับอกที่ 2 ( T2 spinal cord) ลงมา
5.ลักษณะกายวิภาคของกระดูกสันหลังและบาดเจ็บไขสันหลัง
6.ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติ (Autonomic dysreflexia ,AD ) คืออะไร
เป็นภาวะความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน > 20-40 mmHg จาก baseline (ผู้ป่วย spinal cord injury อาจมีความดันโลหิตซิสโตลิกปกติเพียง 90-110 mmHg ต่ำกว่าคนทั่วไป ) ซึ่ง พบในผู้พิการบาดเจ็บหรือมีรอยโรคที่ไขสันหลังระดับไขสันหลัง ส่วนอกระดับที่ 6 หรือสูงกว่า ทำให้กระแสประสาทสั่งการที่ ยับยั้งประสาทซิมพาเทติกที่ควบคุมการไหลเวียนเลือดที่เลี้ยง อวัยวะภายในช่องท้องถูกตัดขาด เมื่อมีสิ่งเร้ารบกวนส่วนที่เป็น อัมพาต จึงกระตุ้นประสาทซิมพาเทติกให้ทำงานมากเกิน ความ ดันเลือดจึงสูงขึ้นเฉียบพลัน และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในสมอง เรตินาหลุดลอก ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจขาดเลือด เป็นต้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้พิการ เสียชีวิตได้(2) ผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ขนลุก ผื่นแดงที่ หน้าอกหรือใบหน้า ตาพร่า เป็นต้น ดังนั้น การตระหนักถึง AD ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินของผู้พิการบาดเจ็บไขสันหลัง และแนวทาง การรักษาจึงมีความสำคัญมาก
7
อาการและอาการแสดง
• ปวดศรีษะ,หน้าแดง,เหงื่อออก,คัดจมูก,หายใจเร็ว,ตาพร่ามัว ร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน> 20-40 mmHg จาก baseline
• ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น เลือดออกใต้ตา (retina hemorrhage) เลือดออกในสมอง (subarachnoid hemorrhage) บางรายอาจมีอาการชัก ปอดบวมน้ำ และหัวใจขาดเลือด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เป็นต้น
8. สาเหตุ
1.มีการคั่งของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากเกิน (full bladder )(พบบ่อยที่สุด)
2.มีอุจจาระอัดแน่นในลำไส้ใหญ่(impact feces) พบเป็นอันดับรองมา
3.มีแผลกดทับเกิดที่อวัยวะต่างๆ (pressure sore)
4.เกิดภาวะติดเชื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย (infection)
5.เกิดมีเล็บขบ(ingrown toe nail )
9.แนวทางการแก้ไขภาวะ AD
1. ปรับศรีษะผู้ป่วยให้สูงขึ้น 90 องศา เช่น จากนอนเป็นนั่ง
2 คลายเสื้อผ้าให้หลวม
3.หาสาเหตุ : ตรวจดูที่ภาวะกระเพาะปัสสาวะโป่งพอง คราก หรือไม่
- ถ้าไม่ได้คาสายสวนปัสสาวะ : ให้สวนปัสสาวะทันที โดยใส่ Xylocaine jelly ในท่อปัสสาวะประมาณ 3-5 ซีซี ทิ้งไว้ 2 นาที จึงสวนปัสสาวะออกทิ้งเป็นระยะอยางช้าๆ ในครั้งแรกประมาณ 400 ซ๊ซ๊ Clamp สายไว้สัก2-3 นาที หลังจากนั้นจึงสวนปัสสาวะทิ้งให้หมด
- ถ้าคาสายสวนปัสสาวะไว้แล้ว : ตรวจดูว่ามีสายหักงอ หรือ ทดสอบว่าสายอุดตันหรือไม่ โดยการ Flush NSS 10 ml อย่างนุ่มนวล ถ้ายังตันให้เปลี่ยนสายสวนใหม่
3. วัดความดันโลหิตซ้ำทุกๆ 5 นาท
1คู่มือประจำตัวผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังใช้ในกรณี "ภาวะฉุกเฉิน" คือ "ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติ (ภาวะAD หรือ dysreflexia อัตโนมัติ) จัดทำโดยกองเวชศาสตร์ฟื้นฟูโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า2สารบัญคำนำหน้าไขสันหลังและการบาดเจ็บไขสันหลังหน้าลักษณะกายวิภาคของกระดูกสันหลังและบาดเจ็บไขสันหลัง ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติคืออะไรอาการและอาการแสดงสาเหตุแนวทางการแก้ไขภาวะโฆษณา3คำนำผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังมักพบกับปัญหาสุขภาพหลายระบบการดูแลเอาใจใส่ตนเองเรียนรู้วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นเรื่องไม่ยากหากแต่ตัวผู้ป่วยและผู้ดูแลต้องมีระเบียบวินัยใส่ใจตนเองเรียนรู้ให้เข้าใจถึงวิธีการและขั้นตอนที่ถูกต้องก็สามารถแก้ไขปัญหาให้ตนเองได้ในระยะแรก ๆ อย่างเช่นภาวะฉุกเฉินที่เกิดกับผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังคือภาวะโฆษณาถ้าผู้ป่วยและผู้ดูแลรู้จักวิธีป้องกันแก้ไขตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็สามารถช่วยให้ไม่เกิดความพิการซ้ำซ้อนจึงถึงชีวิตได้ คณะผู้จัดทำจึงจัดทำคู่มือเล่มนี้เพื่อให้ผู้ป่วยได้พกติดตัวทบทวนความรู้และใช้เป็นเอกสารแนะนำผู้อื่นในภาวะฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นภัยจาก "ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติ (dysreflexia อัตโนมัติ) หรือภาวะ AD"4.ไขสันหลังและการบาดเจ็บไขสันหลังไขสันหลัง (สันหลัง) เป็นส่วนของระบบประสาทส่วนกลางที่เชื่อมต่อมาจากก้านสมองไขสันหลังวางตัวอยู่ในช่องกระดูกสันหลังตั้งแต่ไวน์ Foramem ถึงกระดูกสันหลังส่วนเอวระดับทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณประสาทสั่งการจากสมองผ่านไปยังเส้นประสาทส่วนปลาย L1-2 และรับสัญญาณประสาทจากเส้นประสาทรับความรู้สึกถ่ายทอดขึ้นไปยังสมอง กระดูกสันหลังประกอบด้วยกระดูกสันหลังระดับคอ (สันหลัง) 7 ข้อกระดูกสันหลังระดับอก (สันหลัง 12 ข้อกระดูกสันหลังระดับเอว (สันหลัง) 5 ข้อและกระดูกกระเบนเหน็บและกระดูกก้นกบซึ่งมักเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกัน ไขสันหลังมีระดับของเส้นประสาทที่สอดคล้องกับไขสันหลังระดับคอ (สายปากมดลูก) 8 ข้อไขสันหลังระดับอก (ทรวงอกสาย) 12 ข้อไขสันหลังระดับเอว (สายเล็ก) 5 ข้อ แลไขสันหลังระดับกระเบนเหน็บ(Sacral cord) 5 ระดับ ทั้งนี้ระดับของเส้นประสาทไขสันหลังอาจไม่อยู่ตรงกับข้อกระดูกสันหลังพอดีเนื่องจากไขสันหลังสิ้นสุดที่กระดูกสันหลังส่วนเอวที่ L1-2 ในระดับของกระดูกสันหลังล่างต่อ L2 จะเป็นส่วนของกลุ่มรากประสาทหางม้าที่เรียกว่าซึ่งจะบาดเจ็บไขสันหลัง หมายถึงการบาดเจ็บของไขสันหลังทั้งนี้รอยโรคที่เกิดขึ้นที่ไขสันหลังอาจเกิดจากอุบัติเหตุ (บาดเจ็บ) ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อไขสันหลังโดยตรงเช่นกระดูกสันหลังหักถูกกระสุนปืนหรืออาจเกิดจากโรคเช่นการติเชื้อที่ไขสันหลังหรือเนื้องอกที่ไขสันหลังเป็นต้น แบ่งระดับการบาดเจ็บของไขสันหลังเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ๆ คือ1. Tetraplegia (อัมพาตแขนขา 2 ข้าง) หมายถึงภาวะอ่อนแรงของแขนและขาทั้ง 2 ข้างจากการบาดเจ็บไขสันหลังส่วนคอสายปากมดลูกระดับ2. paraplegia (อัมพาตครึ่งล่าง) หมายถึงภาวะขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้างจาการบาดเจ็บไขสันหลังระดับอกที่ 2 (T2 สันหลัง) ลงมา5.ลักษณะกายวิภาคของกระดูกสันหลังและบาดเจ็บไขสันหลัง 6.ภาวะรีเฟล็กซ์ประสาทอัตโนมัติผิดปกติ (อัตโนมัติ dysreflexia, AD) คืออะไร เป็นภาวะความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน > 20-40 mmHg จาก baseline (ผู้ป่วย spinal cord injury อาจมีความดันโลหิตซิสโตลิกปกติเพียง 90-110 mmHg ต่ำกว่าคนทั่วไป ) ซึ่ง พบในผู้พิการบาดเจ็บหรือมีรอยโรคที่ไขสันหลังระดับไขสันหลัง ส่วนอกระดับที่ 6 หรือสูงกว่า ทำให้กระแสประสาทสั่งการที่ ยับยั้งประสาทซิมพาเทติกที่ควบคุมการไหลเวียนเลือดที่เลี้ยง อวัยวะภายในช่องท้องถูกตัดขาด เมื่อมีสิ่งเร้ารบกวนส่วนที่เป็น อัมพาต จึงกระตุ้นประสาทซิมพาเทติกให้ทำงานมากเกิน ความ ดันเลือดจึงสูงขึ้นเฉียบพลัน และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในสมอง เรตินาหลุดลอก ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจขาดเลือด เป็นต้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้พิการ เสียชีวิตได้(2) ผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ขนลุก ผื่นแดงที่ หน้าอกหรือใบหน้า ตาพร่า เป็นต้น ดังนั้น การตระหนักถึง AD ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินของผู้พิการบาดเจ็บไขสันหลัง และแนวทาง การรักษาจึงมีความสำคัญมาก 7อาการและอาการแสดง• ปวดศรีษะ,หน้าแดง,เหงื่อออก,คัดจมูก,หายใจเร็ว,ตาพร่ามัว ร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน> 20-40 mmHg จาก baseline• ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น เลือดออกใต้ตา (retina hemorrhage) เลือดออกในสมอง (subarachnoid hemorrhage) บางรายอาจมีอาการชัก ปอดบวมน้ำ และหัวใจขาดเลือด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เป็นต้น8. สาเหตุ1.มีการคั่งของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากเกิน (full bladder )(พบบ่อยที่สุด)2.มีอุจจาระอัดแน่นในลำไส้ใหญ่(impact feces) พบเป็นอันดับรองมา3.มีแผลกดทับเกิดที่อวัยวะต่างๆ (pressure sore)4.เกิดภาวะติดเชื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย (infection)5.เกิดมีเล็บขบ(ingrown toe nail )9.แนวทางการแก้ไขภาวะ AD1. ปรับศรีษะผู้ป่วยให้สูงขึ้น 90 องศา เช่น จากนอนเป็นนั่ง2 คลายเสื้อผ้าให้หลวม 3.หาสาเหตุ : ตรวจดูที่ภาวะกระเพาะปัสสาวะโป่งพอง คราก หรือไม่ - ถ้าไม่ได้คาสายสวนปัสสาวะ : ให้สวนปัสสาวะทันที โดยใส่ Xylocaine jelly ในท่อปัสสาวะประมาณ 3-5 ซีซี ทิ้งไว้ 2 นาที จึงสวนปัสสาวะออกทิ้งเป็นระยะอยางช้าๆ ในครั้งแรกประมาณ 400 ซ๊ซ๊ Clamp สายไว้สัก2-3 นาที หลังจากนั้นจึงสวนปัสสาวะทิ้งให้หมด - ถ้าคาสายสวนปัสสาวะไว้แล้ว : ตรวจดูว่ามีสายหักงอ หรือ ทดสอบว่าสายอุดตันหรือไม่ โดยการ Flush NSS 10 ml อย่างนุ่มนวล ถ้ายังตันให้เปลี่ยนสายสวนใหม่ 3. วัดความดันโลหิตซ้ำทุกๆ 5 นาท
การแปล กรุณารอสักครู่..
