In 1941, Miller and Dollard propose

In 1941, Miller and Dollard proposed a theory of social learning and imitation that rejected behaviorist notions of associationism in favor of drive reduction principles. It was a theory of learning, however, that failed to take into account the creation of novel responses or the processes of delayed and non-reinforced imitations. In 1963, Bandura and Walters wrote Social Learning and Personality Development, broadening the frontiers of social learning theory with the now familiar principles of observational learning and vicarious reinforcement. By the 1970s, however, Bandura was becoming aware that a key element was missing not only from the prevalent learning theories of the day but from his own social learning theory. In 1977, with the publication of "Self-efficacy: Toward a Unifying Theory of Behavioral Change," he identified the important piece of that missing element—self-beliefs.

With the publication of Social Foundations of Thought and Action: A Social Cognitive Theory, Bandura (1986) advanced a view of human functioning that accords a central role to cognitive, vicarious, self-regulatory, and self-reflective processes in human adaptation and change. People are viewed as self-organizing, proactive, self-reflecting and self-regulating rather than as reactive organisms shaped and shepherded by environmental forces or driven by concealed inner impulses. From this theoretical perspective, human functioning is viewed as the product of a dynamic interplay of personal, behavioral, and environmental influences. For example, how people interpret the results of their own behavior informs and alters their environments and the personal factors they possess which, in turn, inform and alter subsequent behavior. This is the foundation of Bandura's (1986) conception of reciprocal determinism, the view that (a) personal factors in the form of cognition, affect, and biological events, (b) behavior, and (c) environmental influences create interactions that result in a triadic reciprocality. Bandura altered the label of his theory from social learning to social "cognitive" both to distance it from prevalent social learning theories of the day and to emphasize that cognition plays a critical role in people's capability to construct reality, self-regulate, encode information, and perform behaviors.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปี 1941 มิลเลอร์และ Dollard เสนอทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมและการเลียนแบบที่ปฏิเสธความ behaviorist ของ associationism ชั้นเชิงไดรฟ์หลักลด มันเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม ที่ไม่ต้องคำนึงถึงการสร้างคำตอบใหม่หรือกระบวนการของการเลียนล่าช้า และไม่ได้รับการเสริมแรง ในปี 1963, Bandura และวอลเตอร์สเขียนการเรียนรู้ทางสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ ขยายขอบข่ายของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมเชิงสังเกตการณ์และกิยามะฮ์ดังเสริมหลักตอนนี้คุ้นเคยกัน โดยปี 1970 อย่างไรก็ตาม Bandura กลายเป็นทราบว่า องค์ประกอบสำคัญคือหายไปไม่เพียง แต่ จากทฤษฎีการเรียนรู้ที่แพร่หลายวัน แต่ จากทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของเขาเอง ในปี 1977 ด้วยการประกาศของ "ประสิทธิภาพในตนเอง: ไปทางทฤษฎี Unifying ของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม, " เขาระบุชิ้นส่วนสำคัญขององค์ประกอบที่ขาดหายไปซึ่งความเชื่อตนเองด้วยการประกาศของสังคมรากฐานของความคิดและการดำเนินการ: Bandura (1986) A สังคมทฤษฎีองค์ความรู้ขั้นสูงมุมมองของมนุษย์ในการทำงานกล่าวบทบาทศูนย์กลางองค์ความรู้ กิยามะฮ์ดัง กำกับ และตัวเองสะท้อนแสงกระบวนการปรับตัวของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลง คนที่ดู เป็น ระเบียบด้วยตนเอง เชิงรุก สะท้อนตนเอง และตนเองมากกว่า จะ เป็นสิ่งมีชีวิตปฏิกิริยารูป shepherded โดยสภาพแวดล้อม หรือจากแรงกระตุ้นภายในที่ปกปิด จากมุมมองนี้ทฤษฎี มนุษย์ทำดูเป็นของอิทธิพลแบบไดนามิกของอิทธิพลส่วนบุคคล พฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น วิธีการตีความผลของลักษณะการทำงานของตัวเองคนจะแจ้งให้ทราบ และเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของตน และปัจจัยส่วนบุคคลที่พวกเขามีที่ เปิด แจ้งให้ทราบ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามมา นี่คือรากฐานของความคิด (1986) ของ Bandura determinism ซึ่งกันและกัน มุมมองที่ปัจจัย (ก) บุคคลในรูปของความรู้ความเข้าใจ ผลกระทบ และ กิจกรรมทางชีวภาพ, (ข) ลักษณะการทำงาน และ (c) แวดสร้างการโต้ตอบที่ triadic reciprocality Bandura เปลี่ยนป้ายชื่อของทฤษฎีของเขาจากการเรียนรู้ทางสังคมเพื่อสังคม "ความรู้" ทั้งการห่างจากการเรียนรู้สังคมแพร่หลาย ทฤษฎี ของวัน และ เพื่อเน้นว่า ความรู้ความเข้าใจมีบทบาทสำคัญในความสามารถของบุคคลเพื่อสร้างความเป็นจริง ควบคุมตนเอง การเข้ารหัสข้อมูล และทำพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1941 มิลเลอร์และ Dollard เสนอทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมและการเลียนแบบที่ปฏิเสธความคิดของ behaviorist associationism ในความโปรดปรานของหลักการการลดลงไดรฟ์ มันเป็นทฤษฎีของการเรียนรู้ แต่ล้มเหลวที่จะต้องคำนึงถึงการสร้างการตอบสนองนวนิยายหรือกระบวนการของการเลียนแบบความล่าช้าและไม่เสริมที่ ในปี 1963 Bandura และวอลเตอร์สเขียนเรียนรู้ทางสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพการขยายพรมแดนของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมอย่างมีหลักการคุ้นเคยตอนของการเรียนรู้การสังเกตและการเสริมแรงชะลอ โดยปี 1970 แต่ Bandura ได้กลายเป็นที่ทราบว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดหายไปไม่เพียง แต่จากทฤษฎีการเรียนรู้ที่แพร่หลายของวัน แต่จากทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของเขาเอง ในปี 1977 ด้วยการตีพิมพ์ของ "ตนเองประสิทธิภาพ: สู่ทฤษฎี Unifying พฤติกรรมเปลี่ยน" เขาระบุชิ้นสำคัญที่ขาดหายไปองค์ประกอบตนเองเชื่อ. ด้วยการตีพิมพ์ของฐานรากสังคมของความคิดและการกระทำ: สังคมความรู้ความเข้าใจทฤษฎี แบนดูรา (1986) มุมมองขั้นสูงในการทำงานของมนุษย์ที่สอดคล้องมีบทบาทสำคัญในการองค์ความรู้, ชะลอ, การกำกับดูแลตนเองและกระบวนการตนเองสะท้อนแสงในการปรับตัวของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลง คนที่ถูกมองว่าเป็นตัวเองจัดระเบียบเชิงรุกด้วยตนเองและสะท้อนให้เห็นถึงการบังคับตนเองมากกว่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นปฏิกิริยาที่มีรูปร่างและ shepherded โดยกองกำลังด้านสิ่งแวดล้อมหรือแรงผลักดันจากแรงกระตุ้นภายในที่มองไม่เห็น จากมุมมองของทฤษฎีนี้การทำงานของมนุษย์ถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของปฏิสัมพันธ์แบบไดนามิกของใช้ส่วนบุคคลพฤติกรรมและอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่นวิธีการที่คนตีความผลของการแจ้งพฤติกรรมของพวกเขาเองและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและปัจจัยส่วนบุคคลของพวกเขาพวกเขามีซึ่งในการเปิดให้แจ้งและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามมา นี่คือรากฐานของ Bandura ของ (1986) ความคิดของ determinism ซึ่งกันและกันมุมมองที่ว่า (ก) ปัจจัยส่วนบุคคลในรูปแบบของความรู้ความเข้าใจที่ส่งผลกระทบต่อและเหตุการณ์ทางชีวภาพ (ข) พฤติกรรมและ (ค) มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีผลใน reciprocality triadic Bandura เปลี่ยนแปลงป้ายชื่อของทฤษฎีของเขาจากการเรียนรู้ทางสังคมเพื่อสังคม "องค์ความรู้" ทั้งสองจะห่างจากที่แพร่หลายทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของวันและจะเน้นความรู้ความเข้าใจที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในความสามารถของคนที่จะสร้างความเป็นจริงควบคุมตนเองข้อมูลเข้ารหัส และปฏิบัติพฤติกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 1941 มิลเลอร์และดอลเลิร์ดเสนอทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมและการเลียนแบบที่ปฏิเสธความคิดของ behaviorist associationism ในความโปรดปรานของหลักการการไดรฟ์ มันเป็นทฤษฎีของการเรียนรู้ แต่ที่ล้มเหลวที่จะเข้าบัญชีการตอบสนองใหม่หรือกระบวนการที่ล่าช้าและไม่เสริมเลียนแบบที่ ในปี 1963 , แบนดูรา Walters เขียนและการเรียนรู้ทางสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ การขยายพรมแดนของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมกับหลักการตอนนี้คุ้นเคยของการเรียนรู้โดยการสังเกตและการเสริมแรงของ . โดยปี 1970 แต่แบนดูราได้กลายเป็นที่ทราบว่า กุญแจสำคัญที่ขาดหายไป ไม่เพียง แต่จากการเรียนรู้แพร่หลายทฤษฎีของวันแต่จากทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของเขาเอง ในปี 1977 ด้วยสิ่งพิมพ์ของ " ตนเองสู่การรวมทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม " เขาระบุชิ้นสำคัญขององค์ประกอบที่ขาดหายไปของตนเอง ความเชื่อกับการประกาศของรากฐานทางสังคมของความคิด และการกระทำ : ทฤษฎีปัญญาทางสังคม Bandura ( 1986 ) , ขั้นสูงมุมมองการทำงานของมนุษย์ให้สอดคล้องบทบาทศูนย์กลางทางปัญญาของตนเอง ซึ่งตนเองสะท้อนและกระบวนการในการปรับตัวของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลง คนมองว่าบนเชิงรุกที่สะท้อนตนเองและควบคุมตนเองมากกว่าที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างและสี shepherded โดยกองกำลังของสิ่งแวดล้อมหรือขับเคลื่อนด้วยแรงกระตุ้นภายใน ปกปิด จากมุมมองทางทฤษฎีนี้ การทำงานของมนุษย์ถูกมองว่าเป็นสินค้าของทางพลวัตของส่วนบุคคล พฤติกรรม และอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น คนที่ตีความผลลัพธ์ของพฤติกรรมของพวกเขาเองและแจ้งเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและปัจจัยส่วนบุคคลที่พวกเขามี ที่ จะ แจ้งให้ทราบ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ตามมา นี้เป็นรากฐานของ Bandura ( 1986 ) ความคิดของกฎแห่งกรรม ทฤษฏี การดูว่า ( 1 ) ปัจจัยส่วนบุคคลในรูปแบบของการรับรู้อารมณ์และเหตุการณ์ทางชีวภาพ ( 2 ) พฤติกรรม ( C ) และอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมสร้างการโต้ตอบที่เป็นผลในการเอื้อประโยชน์ต่อกัน triadic . แบนดูราการเปลี่ยนแปลงฉลากของทฤษฎีของเขาจากการเรียนรู้ทางสังคมเพื่อสังคม " พุทธิปัญญา " ทั้งระยะทางจากแพร่หลายการเรียนรู้ทางสังคม ทฤษฎี ของวัน และเน้นว่า การมีบทบาทสำคัญในความสามารถของผู้คนเพื่อสร้างความเป็นจริง ตนเองควบคุมเข้ารหัสข้อมูล และแสดงพฤติกรรม