It is interesting to examine the de

It is interesting to examine the development path in the early 1980s compared to
export led growth from the mid-1980s to the early 1990s. The 1980s was a period of contrast
for Thailand. In fact, the world economy was in crisis, namely, the slow-down in industrial
countries, and most Third World countries were subjected to a series of historically
unprecedented external shocks at the beginning on the 1980s.26 The persistent current
accounts deficits and rapidly increasing foreign debt were certainly major problems and it is
not an exaggeration to state that the Thai government represented by the Bank of Thailand
had to go to the IMF and the World Bank for balance of payments support and adjustment
assistance (Thanapornpun, 1990). As mentioned before, the unfavorable terms of trade led to
the largest trade deficit the country had experienced since the Second World War; the deficit
rose from 5.8 in 1978 to 9.8 per cent of GDP in 1983. The prices of rice and other traditional
crops were dramatically declining and the Thai government and public enterprises had been
heavily burdened with accumulated debts since the 1970s. However, Thai technocrats are
renowned for adopting very conservative monetary policies, as evidenced by their ability to
maintain a fixed nominal exchange rate of the baht against the dollar for a period as long as
twenty-six years (1955-1981).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็นที่น่าสนใจเพื่อตรวจสอบเส้นทางการพัฒนาในต้นทศวรรษ 1980 เมื่อเทียบกับส่งออกเติบโตไฟ led จากกลางไฟต์ไปช่วงปี 1990 ไฟต์มีระยะความคมชัดสำหรับประเทศไทย ในความเป็นจริง เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะวิกฤต ได้แก่ ชะลอในอุตสาหกรรมประเทศ และโลกที่สามมากที่สุดประเทศถูกต้องชุดของอดีตแรงกระแทกภายนอกเป็นประวัติการณ์ที่เริ่มต้นใน 1980s.26 ปัจจุบันแบบบัญชีขาดดุล และหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมีปัญหาใหญ่แน่นอน และเป็นไม่การพูดเกินไปรัฐที่รัฐบาลไทยแสดง โดยธนาคารแห่งประเทศไทยต้องไป IMF และธนาคารโลกสนับสนุนการชำระเงินของยอดดุลและปรับปรุงขอความช่วยเหลือ (Thanapornpun, 1990) ดังกล่าวก่อน เงื่อนไขทางการค้าเสียเปรียบนำไปขาดดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมีประสบการณ์ตั้งแต่สงครามโลกที่สอง การขาดดุลโรสจาก 5.8 ในปี 1978 ถึง 9.8 ร้อยละของ GDP ในปี 1983 ราคาข้าวและอื่น ๆ แบบดั้งเดิมพืชที่ถูกลดลงอย่างมาก และรัฐบาลไทยและองค์กรสาธารณะได้หนักเป็นภาระ มีหนี้สะสมตั้งแต่ทศวรรษ 1970 อย่างไรก็ตาม technocrats ไทยมีแหล่งสำหรับการใช้นโยบายการเงินหัวเก่ามาก เป็นเป็นหลักฐาน โดยความสามารถในการรักษาแบบถาวรระบุอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ในระยะเวลานานเป็นยี่สิบหกปี (1955-1981)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็นที่น่าสนใจในการตรวจสอบเส้นทางการพัฒนาในช่วงต้นปี 1980
เมื่อเทียบกับการส่งออกนำการเจริญเติบโตจากช่วงกลางทศวรรษ1980 ไปช่วงต้นทศวรรษ 1990 1980
คือช่วงเวลาของความคมชัดของประเทศไทย ในความเป็นจริงเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะวิกฤตคือช้าลงไปในอุตสาหกรรมประเทศและส่วนใหญ่ประเทศโลกที่สามถูกยัดเยียดให้ชุดของอดีตปัจจัยภายนอกเป็นประวัติการณ์ที่จุดเริ่มต้นใน1980s.26 ปัจจุบันถาวรขาดดุลบัญชีและอย่างรวดเร็วหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนปัญหาที่สำคัญและมันก็เป็นไม่ได้พูดเกินจริงที่จะกล่าวว่ารัฐบาลไทยตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยต้องไปกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกเพื่อความสมดุลของการสนับสนุนการชำระเงินและการปรับตัวให้ความช่วยเหลือ(Thanapornpun, 1990) ดังกล่าวก่อนเงื่อนไขที่เสียเปรียบของการค้านำไปสู่การขาดดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่เคยมีประสบการณ์มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง; การขาดดุลเพิ่มขึ้นจาก 5.8 ในปี 1978 เป็นร้อยละ 9.8 ของ GDP ในปี 1983 ราคาของข้าวและแบบดั้งเดิมอื่น ๆ พืชที่ลดลงอย่างมากถูกและรัฐบาลไทยและรัฐวิสาหกิจได้รับภาระอย่างหนักกับหนี้สะสมตั้งแต่ปี 1970 แต่เทคโนไทยที่มีชื่อเสียงสำหรับการใช้นโยบายการเงินอนุรักษ์นิยมมากเป็นหลักฐานโดยความสามารถในการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เล็กน้อยของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์เป็นระยะเวลานานเท่าที่ยี่สิบหกปีที่ผ่านมา(1955-1981)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันเป็นที่น่าสนใจที่จะศึกษาเส้นทางการพัฒนาในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เมื่อเทียบกับการส่งออกที่เติบโตจากช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 -
LED ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 1980 เป็นช่วงของความคมชัด
สำหรับประเทศไทย ในความเป็นจริง โลกเศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤต ได้แก่ การชะลอตัวลงในประเทศอุตสาหกรรมและประเทศโลกที่สามที่สุด
ถูกชุดประวัติศาสตร์
มีแรงกระแทกภายนอกที่จุดเริ่มต้นใน 1980s.26 ถาวรปัจจุบัน
บัญชีขาดดุลอย่างรวดเร็วและเพิ่มหนี้ต่างประเทศแน่นอน ปัญหามันคือ
ไม่ได้พูดเกินจริงเลยที่ระบุว่า รัฐบาลโดยธนาคารแหงประเทศไทย
ได้ไปไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก ดุลการชําระเงินสนับสนุนและช่วยปรับ
( thanapornpun , 2533 )ดังกล่าวก่อน , แง่ร้ายค้าา
ขาดดุลทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีประสบการณ์ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ; การขาดดุล
กุหลาบจาก 5.8 ในปี 1978 การ 9.8 ร้อยละของ GDP ในปี 1983 ราคาของข้าวและพืชอื่น ๆแบบดั้งเดิม
อย่างมากลดลงและรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจได้
หนักภาระกับหนี้สะสมตั้งแต่ปี 1970 .อย่างไรก็ตาม ไทย เทคโนแครตเป็น
ชื่อดังใช้นโยบายการเงินที่หัวโบราณมาก ดังเห็นได้จากความสามารถในการรักษาค่า
คงที่อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สำหรับระยะเวลานาน
26 ปี ( 1955-1981 )