in an early chapter,riggs even cont

in an early chapter,riggs even contributes a deductive reconstruction of the organization structure of traditional siamese government-one more appealing than that of the leading western historical authority on the subject, H. G. Quaritch wales.
But history per se is not the object of the work. Riggs aims to explicate the thesis of bureaucratic thanscendence of traditional politics. He wants to explain how the take-over of the political system occurred; to show how and why the contemporary elitist pattern works; and to assess the implications of this experience in terms of a concern with political modernization.
The essential argument of the book goes like this: a host of forces combined in the nineteenth century to modify the traditional thai political system. One of them was the monarchy itself, for two great kings did the things that cause the creation of an extensive, functionally specialized bureaucracy. Along the way the fundamental character of the kingship itself was changed, as-for example-familiarity eroded charisma and the king became an object of expectations as well as self-justifying veneration. The incumbency of the kingship also changed, and not for the better. And a new bureaucratic class grew up, a class including members imbued in some cases with alien ideology, and in others with perhaps a more elemental interest in power and its rewards.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในบทเป็นต้น riggs สนับสนุนฟื้นฟู deductive ของโครงสร้างองค์กรของสยามโบราณรัฐบาลหนึ่งน่าสนใจกว่าที่ของผู้นำตะวันตกประวัติศาสตร์ในเรื่อง H. G. Quaritch เวลส์แม้แต่ประวัติต่อ se ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของงาน Riggs มุ่ง explicate วิทยานิพนธ์ของ thanscendence ราชการเมืองโบราณ อยากอธิบายวิธี take-over ของระบบการเมืองเกิดขึ้น แสดงวิธีการ และเหตุผลรูปแบบ elitist ร่วมสมัยทำงาน และ การประเมินผลกระทบของประสบการณ์นี้ในแง่ของความกังวลกับความทันสมัยทางการเมืองอาร์กิวเมนต์ที่จำเป็นของหนังสือไปดังนี้: โฮสต์ของกองกำลังรวมในการปรับเปลี่ยนระบบการเมืองไทยโบราณศตวรรษ หนึ่งพระมหากษัตริย์เอง สำหรับสองพระมหากษัตริย์ที่ดีได้ในสิ่งที่ทำให้เกิดการสร้างระบบราชการที่กว้างขวาง มีฟังก์ชันเฉพาะ ตลอดทางมีการเปลี่ยนแปลงอักขระพื้นฐานของโคลัมเบียเอง เป็น-คาริสม่ากัดเซาะอย่างคุ้นเคย และพระมหากษัตริย์กลายเป็นความคาดหวังตลอดจน veneration justifying ด้วยตนเอง Incumbency โคลัมเบียนอกจากนี้ยัง มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ดีกว่า และคลาราชการใหม่เติบโต คลาสรวมทั้งผม ในบางกรณีมีคนต่างด้าวอุดมการณ์ และคนอื่น ๆ ด้วยบางทีสนใจมากธาตุในอำนาจและรางวัลของสมาชิก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในบทต้นริกส์แม้จะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูการอนุมานของโครงสร้างองค์กรของสยามดั้งเดิมรัฐบาลหนึ่งที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าที่ของผู้มีอำนาจทางประวัติศาสตร์ชั้นนำของตะวันตกในเรื่องที่ HG Quaritch wales.
แต่ประวัติศาสตร์ต่อไม่ได้เป็นเป้าหมายของการทำงาน . ริกส์มีเป้าหมายที่จะอธิบายวิทยานิพนธ์ของ thanscendence ราชการของการเมืองแบบดั้งเดิม เขาต้องการที่จะอธิบายวิธีการใช้เวลาเกินของระบบการเมืองที่เกิดขึ้น; เพื่อแสดงให้เห็นวิธีการและเหตุผลรูปแบบชั้นนำร่วมสมัยทำงาน; และเพื่อประเมินผลกระทบของประสบการณ์นี้ในแง่ของความกังวลที่มีความทันสมัยทางการเมือง.
อาร์กิวเมนต์ที่สำคัญของหนังสือเล่มนี้ไปเช่นนี้โฮสต์ของกองกำลังผสมในศตวรรษที่สิบเก้าในการปรับเปลี่ยนระบบการเมืองไทยแบบดั้งเดิม หนึ่งในนั้นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ของตัวเองสำหรับสองกษัตริย์ที่ดีไม่สิ่งที่ก่อให้เกิดการสร้างกว้างขวางราชการเฉพาะหน้าที่ ไปตามทางที่ตัวละครพื้นฐานของกษัตริย์เองก็เปลี่ยนเป็นสำหรับตัวอย่างคุ้นเคยกัดเซาะความสามารถพิเศษและพระมหากษัตริย์กลายเป็นวัตถุของความคาดหวังเช่นเดียวกับการเคารพตัวเองสมควร ภาระกิจของกษัตริย์ยังมีการเปลี่ยนแปลงและไม่ให้ดีขึ้น และข้าราชการระดับใหม่เติบโตขึ้นมาในชั้นเรียนรวมทั้งสมาชิกตื้นตันใจในบางกรณีที่มีอุดมการณ์ของมนุษย์ต่างดาวและอื่น ๆ อาจจะมีความสนใจมากขึ้นธาตุในอำนาจและผลตอบแทนของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในบทแรก ริกส์ยังมีส่วนช่วยสร้างใหม่แบบของโครงสร้างองค์กรของรัฐบาลสยามแบบหนึ่งน่าสนใจมากขึ้นกว่าที่ของผู้นำตะวันตกประวัติศาสตร์อำนาจในเรื่อง เอช. จี. เวลส์ Quaritch .
แต่ประวัติศาสตร์ต่อ se ไม่ได้เป็นเป้าหมายของงาน ริกส์มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายวิทยานิพนธ์ของ thanscendence ระบบราชการของการเมืองแบบดั้งเดิมเขาต้องการที่จะอธิบายวิธีการดูแลของระบบการเมืองเกิดขึ้น ; เพื่อแสดงวิธีการและรูปแบบ elitist ร่วมสมัยงาน เหตุผล และประเมินความหมายของประสบการณ์นี้ในแง่ของความกังวลกับความทันสมัยทางการเมือง
อาร์กิวเมนต์ที่สําคัญของหนังสือแบบนี้ : โฮสต์ของพันธมิตรในศตวรรษที่สิบเก้าเพื่อปรับเปลี่ยน ระบบการเมืองแบบไทย .หนึ่งในนั้นคือ สถาบันกษัตริย์เอง สองกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทำสิ่งที่ก่อให้เกิดการสร้างอย่างละเอียด โดยเฉพาะระบบราชการ ตลอดทางลักษณะพื้นฐานของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ถูกเปลี่ยนเป็นเช่นความคุ้นเคยกัดเซาะเสน่ห์และกษัตริย์กลายเป็นวัตถุของความคาดหวัง รวมทั้งตนเองอธิบายความเลื่อมใส .การก่อร่างของไอศูรย์ก็เปลี่ยนไป และไม่ใช่ในทางที่ดีขึ้น และชั้นของระบบราชการใหม่โต , ห้องเรียน รวมทั้งสมาชิกตื้นตันใจในบางกรณีที่มีอุดมการณ์คนต่างด้าว , และอื่น ๆด้วยบางทีธาตุมากกว่าความสนใจในอำนาจและของรางวัล