Robert Capa1. Robert Capa is a name

Robert Capa

1. Robert Capa is a name that has for many years been synonymous with war photography.
2. Born in Hungary in 1913 as Friedmann Endre Ernő, Capa was forced to leave his native country after his involvement in anti government protests. Capa had originally wanted to become a writer, but after his arrival in Berlin had first found work as a photographer. He later left Germany and moved to France due to the rise in Nazism. He tried to find work as a freelance journalist and it was here that he changed his name to Robert Capa, mainly because he thought it would sound more American.
3. In 1936, after the breakout of the Spanish Civil war, Capa went to Spain and it was here over the next three years that he built his reputation as a war photographer. It was here too in 1936 that he took one of his most famous pictures, The Death of a Loyalist Soldier. One of Capa’s most famous quotes was 'If your pictures aren't good enough, you're not close enough.' And he took his attitude of getting close to the action to an extreme. His photograph, The Death of a Loyalist Soldier is a prime example of this as Capa captures the very moment the soldier falls. However, many have questioned the authenticity of this photograph, claiming that it was staged.
4. When World war II broke out, Capa was in New York, but he was soon back in Europe covering the war for Life magazine. Some of his most famous work was created on 6th June 1944 when he swam ashore with the first assault on Omaha Beach in the D-Day invasion of Normandy. Capa, armed only with two cameras, took more than one hundred photographs in the first hour of the landing, but a mistake in the darkroom during the drying of the film destroyed all but eight frames. It was the images from these frames however that inspired the visual style of Steven Spielberg's Oscar winning movie ‘Saving Private Ryan’. When Life magazine published the photographs, they claimed that they were slightly out of focus, and Capa later used this as the title of his autobiographical account of the war.
5. Capa’s private life was no less dramatic. He was friend to many of Hollywood’s directors, actors and actresses. In 1943 he fell in love with the wife of actor John Austin. His affair with her lasted until the end of the war and became the subject of his war memoirs. He was at one time lover to actress Ingrid Bergman. Their relationship finally ended in 1946 when he refused to settle in Hollywood and went off to Turkey.
6. In 1947 Capa was among a group of photojournalists who founded Magnum Photos. This was a co-operative organisation set up to support photographers and help them to retain ownership of the copyright to their work.
7. Capa went on to document many other wars. He never attempted to glamorise war though, but to record the horror. He once said, "The desire of any war photographer is to be put out of business."
8. Capa died as he had lived. After promising not to photograph any more wars, he accepted an assignment to go to Indochina to cover the first Indochina war. On May 25th 1954 Capa was accompanying a French regiment when he left his jeep to take some photographs of the advance and stepped on a land mine. He was taken to a nearby hospital, still clutching his camera, but was pronounced dead on arrival. He left behind him a testament to the horrors of war and a standard for photojournalism that few others have been able to reach.
9. Capa’s legacy has lived on though and in 1966 his brother Cornell founded the International Fund for Concerned Photography in his honor. There is also a Robert Capa Gold Medal, which is given to the photographer who publishes the best photographic reporting from abroad with evidence of exceptional courage. But perhaps his greatest legacy of all are the haunting images of the human struggles that he captured.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรเบิร์ต Capa

1 โรเบิร์ต Capa เป็นชื่อที่หลายปีได้พ้องกับถ่ายภาพสงคราม.
2 เกิดในฮังการีในปี 1913 เป็น Endre Ernő ฟรีดแมน Capa ถูกบังคับให้ออกจากประเทศบ้านเกิดของเขาหลังจากเขามีส่วนร่วมในต่อต้านประท้วงรัฐบาล เดิม Capa มีอยากจะ เป็นนักเขียน แต่หลัง จากที่มาของเขาในกรุงเบอร์ลินได้ก่อนพบการทำงานเป็นช่างภาพที่ เขาหลังจากเยอรมนี และย้ายไปฝรั่งเศสเนื่องจากการเพิ่มขึ้นในนาซี เขาพยายามหางานทำเป็นนักข่าวอิสระ และก็ที่นี่ว่า เขาเปลี่ยนชื่อของเขาโรเบิร์ต Capa เพราะเขาคิดว่า มันจะเสียงมากกว่า อเมริกัน.
3 ในค.ศ. 1936 หลังฝ่าวงล้อมของสงครามสเปนแพ่ง Capa ไปสเปน และก็ที่นี่ถัดไปสามปีที่เขาสร้างชื่อเสียงของเขาเป็นช่างภาพสงครามที่ ได้ที่นี่เกินไปในค.ศ. 1936 ที่เขาเอาภาพของเขามีชื่อเสียงมากที่สุด ทหารดอกไม้ผู้ที่ตายอย่างใดอย่างหนึ่ง Capa ของแห่งถูกเสนอ 'ถ้ารูปภาพของคุณไม่ดีพอ คุณไม่ปิดพอ ' และเขาได้เขาทัศนคติของชายต้องการมาก เขาถ่าย ทหารดอกไม้ผู้ที่ตายเป็นตัวอย่างสำคัญนี้เป็น Capa จับทหารตรงเวลามาก อย่างไรก็ตาม หลายได้สอบสวนความถูกต้องของภาพถ่ายนี้ อ้างว่า มันมีการแบ่งระยะการ
4 เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น Capa อยู่ในนิวยอร์ก แต่เขาได้เร็ว ๆ นี้กลับมาในยุโรปครอบคลุมสงครามสำหรับนิตยสารชีวิตครั้ง บางส่วนของงานของเขามีชื่อเสียงมากที่สุดถูกสร้างขึ้นบน 6 1944 มิถุนายนเมื่อเขาพยายามขึ้นฝั่ง โดยโจมตีแรกบนหาดโอมาฮาในดาวเคราะห์การรุกรานนอร์มังดี Capa อาวุธเฉพาะกับกล้องสอง เอาภาพถ่ายมากกว่าหนึ่งร้อยชั่วโมงแรกของการเชื่อมโยงไปถึง ได้ความผิดพลาดในห้องมืดระหว่างการอบฟิล์มทำลายเฟรมทั้งหมด แต่แปด มันเป็นภาพจากเฟรมเหล่านี้แต่ที่แรงบันดาลใจจากสไตล์ภาพของสปีลเบิร์ก Steven ของภาพยนตร์ชนะ Oscar 'บันทึก Ryan ส่วนตัว' เมื่อนิตยสารชีวิตเผยแพร่ภาพ พวกเขาอ้างว่า พวกเขาเล็กน้อยหลุดโฟกัส และ Capa ใช้ในภายหลังนี้เป็นชื่อของบัญชีของเขาอัตชีวประวัติของ war.
5 Capa ของชีวิตส่วนตัวได้อย่างไม่น้อย เขาเป็นเพื่อนกับกรรมการของฮอลลีวูด นักแสดง และนักแสดง ใน 1943 เขาล้มรักกับภรรยาของนักแสดงจอห์น Austin เรื่องของเขากับเธอกินเวลาจนถึงสิ้นสงคราม และกลายเป็น หัวข้อของจดหมายเหตุของสงคราม ครั้งหนึ่งเขาเป็นคนรักกับนักแสดงหญิงอิงกริด ความสัมพันธ์สุดท้ายสิ้นสุดลงในปี 1946 เมื่อเขาปฏิเสธที่จะชำระในฮอลลีวูด และเดินออกไปที่ตุรกี
6 ใน Capa ถูกระหว่างกลุ่มของ photojournalists ผู้ก่อตั้งภาพเมนแมกนัม นี้เป็นองค์กรความร่วมมือที่ตั้งค่า การสนับสนุนช่างภาพช่วยให้รักษาความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การทำงานของพวกเขา
7 Capa ไปบนเอกสารสงครามอื่น ๆ เขาไม่เคยพยายาม จะ glamorise สงครามแม้ว่า แต่บันทึกสยองขวัญ เขาเคยกล่าว "ความต้องการของช่างภาพสงครามใด ๆ คือการย้ายจากธุรกิจ"
8 Capa เสียชีวิตเขามีอยู่ หลังจากสัญญาไม่ให้ถ่ายรูปสงครามใด ๆ เพิ่มเติม เขายอมรับการกำหนดไปยังอินโดจีนครอบคลุมสงครามอินโดจีน บน 25 พฤษภาคม 1954 Capa มาพร้อมกับกองทหารฝรั่งเศสเมื่อเขาออกจากรถจี๊ปเขาจะถ่ายบางอย่างล่วงหน้า และเหยียบทุ่นระเบิด เขาถูกนำไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ยัง กำกล้องของเขา แต่ออกเสียงคำว่า ตายเมื่อมาถึง เขาทิ้งเขาพิสูจน์ถึงความน่ากลัวของสงคราม และมาตรฐานสำหรับการ photojournalism อื่น ๆ บางที่ได้สามารถเข้าถึง
9 Capa ของเลกาซีมีชีวิตอยู่ในแต่ และเป็น น้องคอร์เนลก่อตั้งกองทุนระหว่างประเทศสำหรับการถ่ายภาพที่เกี่ยวข้องในเกียรติของเขา นอกจากนี้ยังมีโรเบิร์ต Capa ทองเหรียญ ที่ให้ช่างภาพที่ถ่ายส่วนรายงานจากต่างประเทศ มีหลักฐานของความกล้าหาญโดดเด่นเผยแพร่ แต่บางทีมรดกของเขามากที่สุดของทั้งหมดเป็นภาพ haunting ของย่างมนุษย์ที่เขาจับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรเบิร์ต คาปา

1 โรเบิร์ต คาปา เป็นชื่อที่ได้เป็นเวลาหลายปีได้รับตรงกันกับการถ่ายภาพสงคราม
2 เกิดในฮังการีในปี 1913 เป็นฟรีดแมนเอนเดรอะเอิร์น ő , แคปป้าถูกบังคับให้ออกจากประเทศบ้านเกิดของเขาหลังจากการมีส่วนร่วมของเขาในการประท้วงต่อต้านรัฐบาล แคป้าเคยอยากเป็นนักเขียน แต่หลังจากที่มาถึงของเขาในเบอร์ลินได้พบว่าทำงานเป็นช่างภาพต่อมาเขาออกจากเยอรมนีและย้ายไปยังฝรั่งเศส เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในลัทธินาซี เขาพยายามจะหางานเป็นนักเขียนอิสระและมันเป็นที่นี่ที่เขาเปลี่ยนชื่อของเขากับ Robert Capa , ส่วนใหญ่เป็นเพราะ เขาคิดว่า เสียงมันจะชาวอเมริกันมากขึ้น .
3 ในปี 1936 หลังจากที่ฝ่าวงล้อมของสงครามกลางเมืองสเปนคาปาไปสเปนและมันอยู่ที่นี่มากกว่าสามปีถัดไป เขาสร้างชื่อเสียงของเขาเป็นช่างภาพสงคราม มันอยู่ที่นี่ด้วยในปี 1936 เขาเอาภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ทำไมความตายของผู้จงรักภักดีทหาร หนึ่งในคำคม Capa มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ถ้ารูปภาพของคุณไม่ได้ดีพอ คุณไม่ใกล้พอ และเขาเอาทัศนคติที่เขาใกล้ชิดกับการกระทำที่รุนแรงรูปถ่ายของเขา ทำไมความตายของผู้จงรักภักดีทหารรึเปล่า นับเป็นตัวอย่างนี้เป็น Capa จับขณะทหารตก อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ถามว่ารูปนี้ อ้างว่าเป็นการจัดฉาก .
4 เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโพล่งออกมา , แคปป้าในนิวยอร์ค แต่เขาได้เร็ว ๆ นี้ ในยุโรปที่ครอบคลุมในนิตยสารชีวิตบางส่วนของงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาถูกสร้างขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 เมื่อเขาว่ายน้ำขึ้นฝั่งกับแรกโจมตีบนหาดโอมาฮ่าใน D-Day บุกนอร์มังดี ซาปา , อาวุธเฉพาะกับกล้องสอง ใช้เวลากว่าร้อยภาพในชั่วโมงแรกของการลงจอด แต่ความผิดพลาดในห้องมืดในช่วงของการอบแห้งฟิล์มถูกทำลายทั้งหมด แต่แปดเฟรมมันเป็นภาพจากเฟรมเหล่านี้ แต่ที่ลักษณะการแสดงของ Steven Spielberg ออสการ์ภาพยนตร์ชนะ ' Saving Private Ryan ' แรงบันดาลใจ เมื่อชีวิตของนิตยสารที่ตีพิมพ์ภาพถ่าย พวกเขาอ้างว่าพวกเขาเล็กน้อยจากโฟกัส และ Capa ใช้ในภายหลัง นี้เป็นชื่อของบัญชีอัตชีวประวัติของสงคราม .
5 Capa ชีวิตส่วนตัวไม่มีน้อยลงไปเขาเป็นเพื่อนกับหลายบริษัท ฮอลลีวู้ด ดาราและนักแสดง . ในปี 1943 เขาตกหลุมรักภรรยาของนักแสดง จอห์น ออสติน ความสัมพันธ์ของเขากับเธอจนถึงจุดสิ้นสุดของสงครามและกลายเป็นเรื่องของสงคราม ชีวประวัติของเขา เขาในเวลาหนึ่งคนรักนักแสดง อิงกริด เบิร์กแมน ความสัมพันธ์ของพวกเขาจบลงในที่สุดในปี 1946 เมื่อเขาปฏิเสธที่จะจัดการใน Hollywood และไปตุรกี .
6ในปี 1947 Capa เป็นหนึ่งในกลุ่มของผู้ก่อตั้ง photojournalists ภาพถ่ายแม็กนั่ม เป็นองค์กรสหกรณ์จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนช่างภาพและช่วยให้พวกเขาเพื่อรักษาความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานของตน .
7 คาปาไปบนเอกสารสงครามอื่น ๆ อีกมากมาย เขาไม่เคยพยายามที่จะทำให้น่าดูสงครามแม้ว่า แต่บันทึกสยองขวัญ เขาเคยพูดว่า" ความปรารถนาของสงครามใด ๆ ช่างภาพต้องใส่ออกจากธุรกิจ . "
8 แคป้าตายตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ หลังจากสัญญาว่าจะไม่ถ่ายรูปสงครามเพิ่มเติมใด ๆที่เขาได้รับมอบหมายไปอินโดจีนครอบคลุมสงครามอินโดจีนครั้งแรก . เมื่อ 25 พฤษภาคม 1954 Capa เป็นกับกองทหารฝรั่งเศส เมื่อเขาออกจากรถจี๊ปของเขาเพื่อถ่ายภาพบางส่วนของความก้าวหน้า และเหยียบกับระเบิดเขาถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ก็คว้ากล้อง แต่ถูกประกาศว่าเสียชีวิตแล้ว เมื่อมาถึง เขาทิ้งเขายืนยันถึงความน่ากลัวของสงครามและมาตรฐาน การทับถมของตะกอนที่ไม่กี่คนที่ได้รับสามารถในการเข้าถึง .
9 ซาปาเป็นมรดกได้อาศัยอยู่ในและแม้ว่าในปี 1966 ที่น้องชายของเขา คอร์เนล ก่อตั้งกองทุนระหว่างประเทศเกี่ยวกับการถ่ายภาพในเกียรติของเขานอกจากนี้ยังมีเหรียญทองโรเบิร์ต คาปา ซึ่งจะให้ช่างภาพที่เผยแพร่รายงานภาพถ่ายที่ดีที่สุดจากต่างประเทศ โดยมีหลักฐานของความกล้าหาญเป็นพิเศษ . แต่บางทีมรดกของเขามากที่สุดของทั้งหมดเป็นภาพหลอนของการต่อสู้ของมนุษย์ที่เขาจับ