Compared to electronic movements, m

Compared to electronic movements, mechanical watches are less accurate, often with errors of seconds per day, and they are sensitive to position, temperature[16] and magnetism.[17] They are also costly to produce, require regular maintenance and adjustments, and are more prone to failures. Nevertheless, the craftsmanship of mechanical watches still attracts interest from part of the watch-buying public, especially among the watch collectors. Skeleton watches are designed to leave the mechanism visible for aesthetic purposes.

A mechanical movement uses an escapement mechanism to control and limit the unwinding and winding parts of a spring, converting what would otherwise be a simple unwinding into a controlled and periodic energy release. A mechanical movement also uses a balance wheel together with the balance spring (also known as a hairspring) to control motion of the gear system of the watch in a manner analogous to the pendulum of a pendulum clock. The tourbillon, an optional part for mechanical movements, is a rotating frame for the escapement, which is used to cancel out or reduce the effects of gravitational bias to the timekeeping. Due to the complexity of designing a tourbillon, they are very expensive, and only found in prestigious watches.

The pin-lever escapement (called the Roskopf movement after its inventor, Georges Frederic Roskopf), which is a cheaper version of the fully levered movement, was manufactured in huge quantities by many Swiss manufacturers as well as by Timex, until it was replaced by quartz movements.[18][19][20]

Tuning-fork watches use a type of electromechanical movement. Introduced by Bulova in 1960, they use a tuning fork with a precise frequency (most often 360 hertz) to drive a mechanical watch. The task of converting electronically pulsed fork vibration into rotary movements is done via two tiny jeweled fingers, called pawls. Tuning-fork watches were rendered obsolete when electronic quartz watches were developed. Quartz watches were cheaper to produce besides being more accurate.

Main article: Mainspring
Traditional mechanical watch movements use a spiral spring called a mainspring as a power source. In manual watches the spring must be rewound periodically by the user by turning the watch crown. Antique pocketwatches were wound by inserting a separate key into a hole in the back of the watch and turning it. Most modern watches are designed to run 40 hours on a winding and thus must be wound daily, but some run for several days and a few have 192-hour mainsprings and are wound weekly.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อเทียบกับการย้ายอิเล็กทรอนิกส์ นาฬิกาเครื่องจักรกลจะแม่นยำน้อย มักจะ มีข้อผิดพลาดของวินาทีต่อวัน และสำคัญตำแหน่ง อุณหภูมิ [16] และแม่เหล็ก[17] จะมีค่าใช้จ่ายการผลิต การบำรุงรักษาปกติและปรับปรุง และมีแนวโน้มที่จะล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ฝีมือของนาฬิกาจักรกลยังคงดึงดูดสนใจของซื้อนาฬิกาสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สะสมนาฬิกา นาฬิกากระดูกถูกออกแบบมาเพื่อให้เห็นกลไกเพื่อความงามใช้เคลื่อนย้ายเครื่องจักรกลที่มีกลไก escapement ควบคุม และจำกัดส่วน unwinding และม้วนของสปริง แปลงอะไรมิฉะนั้นจะเป็นการผ่อนคลายอย่างเป็นปล่อยพลังงานควบคุม และเป็นครั้งคราว ย้ายเครื่องจักรกลยังใช้ล้อดุลพร้อมสปริงสมดุล (ยังเรียกว่าเป็น hairspring) เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของระบบเกียร์ของนาฬิกาในลักษณะคล้ายคลึงกับลูกตุ้มของนาฬิกาลูกตุ้ม Tourbillon ส่วนไม่จำเป็นสำหรับการย้ายเครื่องจักรกล เฟรมหมุนสำหรับ escapement ซึ่งใช้ในการยกเลิก หรือลดผลของความโน้มเอียงความโน้มถ่วงที่จับเวลา ได้ ซับซ้อนของการออกแบบเป็น tourbillon จะแพง และเพียงพบในนาฬิกาวันที่คุณต้องการที่คันโยกขา escapement (เรียกว่าการเคลื่อนไหว Roskopf หลังจากที่นักประดิษฐ์ จอร์จเฟรดเด Roskopf), ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวเต็ม levered รุ่นถูกกว่า ผลิตขึ้นในปริมาณมาก โดยผลิตในสวิสเซอร์แลนด์ เป็น Timex จนกว่าจะถูกแทนที่ ด้วยควอตซ์เคลื่อนไหว[18][19][20]ใช้ส้อมปรับนาฬิกาเป็นชนิดไฟฟ้าเคลื่อนไหว นำ โดย Bulova ใน 1960 ใช้ส้อม tuning ด้วยความถี่ที่แม่นยำ (บ่อยที่สุด 360 เฮิรตซ์) ขับนาฬิกาเครื่องจักรกล งานแปลงอิเล็กทรอนิกส์พัลส้อมสั่นสะเทือนเป็นโรตารี่ย้ายเสร็จผ่านสองเล็ก ๆ jeweled นิ้ว เรียกว่า pawls ส้อมปรับนาฬิกาถูกแสดงล้าเมื่อนาฬิกาควอตซ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับการพัฒนา นาฬิกาควอตซ์ถูกกว่าการผลิตนอกจากจะแม่นยำยิ่งขึ้นบทความหลัก: Mainspringเครื่องกลแบบดูความเคลื่อนไหวที่ใช้สปริงเกลียวเรียกว่า mainspring ที่เป็นแหล่งพลังงาน ในนาฬิกาด้วยตนเอง ฤดูใบไม้ผลิต้องสามารถถูกกรอกลับเป็นระยะ ๆ โดยผู้ใช้ โดยการเปิดดูมงกุฎ Pocketwatches โบราณได้แผล โดยแทรกคีย์แยกไปยังรูด้านหลังของนาฬิกา และเปิดใหม่ นาฬิกาทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาให้ทำงาน 40 ชั่วโมงบนขดลวดเป็นจึงต้องแผลทุกวัน แต่บางคนทำงานหลายวัน และกี่มี 192 ชั่วโมง mainsprings และแผลรายสัปดาห์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวอิเล็กทรอนิกส์นาฬิกาจักรกลมีความถูกต้องน้อยกว่ามักจะมีข้อผิดพลาดของการวินาทีต่อวันและพวกเขามีความไวต่อตำแหน่งอุณหภูมิ [16] และแม่เหล็ก. [17] พวกเขายังมีค่าใช้จ่ายในการผลิตต้องมีการบำรุงรักษาปกติและการปรับและ มีแนวโน้มที่จะเกิดความล้มเหลว แต่ฝีมือของนาฬิกาเครื่องจักรกลยังคงดึงดูดความสนใจจากส่วนหนึ่งของประชาชนนาฬิกาซื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักสะสมนาฬิกา นาฬิกาโครงกระดูกได้รับการออกแบบที่จะปล่อยให้กลไกที่มองเห็นได้เพื่อความสวยงาม. กลไกจักรกลใช้กลไกการหนีการควบคุมและ จำกัด ชิ้นส่วนคลี่คลายและคดเคี้ยวของฤดูใบไม้ผลิแปลงสิ่งที่มิฉะนั้นจะคลี่คลายง่ายในการปล่อยพลังงานและควบคุมระยะ การเคลื่อนไหวทางกลยังใช้ล้อสมดุลร่วมกับสมดุลฤดูใบไม้ผลิ (หรือเรียกว่าลานใย) เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของระบบเกียร์ของนาฬิกาในลักษณะที่คล้ายคลึงกับของลูกตุ้มนาฬิกาลูกตุ้ม Tourbillon เป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับการเคลื่อนไหวทางกลเป็นกรอบสำหรับการหมุนหนีซึ่งจะใช้ในการยกเลิกการออกหรือลดผลกระทบของแรงโน้มถ่วงอคติในการจับเวลา เนื่องจากความซับซ้อนของการออกแบบ Tourbillon ที่พวกเขามีราคาแพงมากและพบเฉพาะในนาฬิกาที่มีชื่อเสียง. หนีขาคัน (เรียกว่าการเคลื่อนไหว Roskopf หลังจากที่นักประดิษฐ์ของจอร์เฟรเดริก Roskopf) ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกกว่าของการเคลื่อนไหวงัดอย่างเต็มที่ ได้รับการผลิตในปริมาณมากโดยผู้ผลิตสวิสจำนวนมากเช่นเดียวกับ Timex จนกระทั่งมันถูกแทนที่ด้วยการเคลื่อนไหวควอทซ์. [18] [19] [20] นาฬิกาจูนส้อมใช้ชนิดของการเคลื่อนไหวไฟฟ้า แนะนำโดย Bulova ในปี 1960 พวกเขาใช้ส้อมเสียงที่มีความถี่ที่แม่นยำ (ส่วนใหญ่มัก 360 เฮิรตซ์) เพื่อผลักดันกลไกนาฬิกา งานของการแปลงทางอิเล็กทรอนิกส์การสั่นสะเทือนส้อมชีพจรลงในการเคลื่อนไหวแบบหมุนจะกระทำผ่านสองมืออัญมณีเล็ก ๆ ที่เรียกว่า pawls นาฬิกาจูนส้อมได้กลายเป็นล้าสมัยเมื่อนาฬิกาควอทซ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับการพัฒนา นาฬิกาควอทซ์ราคาถูกในการผลิตนอกจากจะถูกต้องมากขึ้น. บทความหลัก: Mainspring ดั้งเดิมเคลื่อนไหวกลไกนาฬิกาใช้ในฤดูใบไม้ผลิเกลียวเรียกว่ากำลังสำคัญเป็นแหล่งพลังงาน ในนาฬิกาคู่มือฤดูใบไม้ผลิจะต้องกรอเป็นระยะ ๆ โดยผู้ใช้ด้วยการเปลี่ยนมงกุฎนาฬิกา pocketwatches โบราณถูกแผลโดยการใส่กุญแจแยกเป็นหลุมในด้านหลังของนาฬิกาและเปลี่ยนมัน นาฬิกาที่ทันสมัยที่สุดได้รับการออกแบบเพื่อให้ทำงานได้ 40 ชั่วโมงที่คดเคี้ยวและดังนั้นจึงจะต้องมีแผลทุกวัน แต่การทำงานบางส่วนเป็นเวลาหลายวันและไม่กี่มี mainsprings 192 ชั่วโมงและเป็นแผลสัปดาห์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของอิเล็กทรอนิกส์ , นาฬิกาจักรกลแม่นยำน้อยกว่า มักจะมีข้อผิดพลาดวินาทีต่อวัน และพวกเขามีความไวต่อตำแหน่ง อุณหภูมิ [ 16 ] [ 17 ] และแม่เหล็ก พวกเขายังมีราคาแพงในการผลิต ต้องมีการบำรุงรักษาปกติและการปรับปรุง และจะยิ่งเสี่ยงต่อความล้มเหลว อย่างไรก็ตามฝีมือของนาฬิกาจักรกลยังดึงดูดความสนใจจากส่วนของนาฬิกาซื้อสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสะสมนาฬิกา . นาฬิกาโครงกระดูกถูกออกแบบมาเพื่อให้กลไกที่มองเห็นได้เพื่อความสวยงาม

การเคลื่อนไหวเชิงกลใช้หนีกลไกเพื่อควบคุมและจำกัดการคลี่คลายและคดเคี้ยว ส่วนของฤดูใบไม้ผลิแปลงอะไรมิฉะนั้นจะง่ายเพื่อเข้าควบคุม และปล่อยพลังงานออกมาเป็นระยะ ๆ การเคลื่อนไหวเชิงกลนี้ยังใช้ล้อสมดุลพร้อมกับความสมดุลฤดูใบไม้ผลิ ( ที่รู้จักกันว่าขดสปริงขนาดเล็กมากของนาฬิกา ) เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของระบบเฟืองของนาฬิกาในลักษณะที่คล้ายคลึงกับลูกตุ้มของนาฬิกาลูกตุ้ม ใน ทูร์บิญอง ที่เป็นส่วนเสริมการเคลื่อนไหวทางกลเป็นกรอบรูปหมุนได้ เพื่อหนี ซึ่งใช้ในการยกเลิก หรือลดผลกระทบของแรงโน้มถ่วงอคติเพื่อจับเวลา . เนื่องจากความซับซ้อนของการออกแบบ ทูร์บิญอง พวกเขามีราคาแพงมากและพบเฉพาะในนาฬิกาที่มีชื่อเสียง

ขาโยกหนี ( เรียกว่า roskopf เคลื่อนไหวหลังของนักประดิษฐ์ จอร์จเฟรดเดอริค roskopf )ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกกว่าของอย่าง levered เคลื่อนไหวผลิตในปริมาณมาก โดยผู้ผลิตสวิสหลายเช่นเดียวกับ Timex , จนกว่าจะถูกแทนที่โดยการเคลื่อนไหวควอทซ์ [ 18 ] [ 19 ] [ 20 ]

ส้อมเสียงใช้ประเภทของนาฬิกาไฟฟ้าการเคลื่อนไหว แนะนำโดยบูโลว่าในปี 1960 เขาใช้ส้อมเสียงที่มีความถี่ที่แน่นอน ( ส่วนใหญ่มักจะ 360 เฮิรตซ์ ) ขับรถชมกลงานของการแปลงอิเล็กทรอนิกส์การส้อมสั่นสะเทือนในการเคลื่อนไหวหมุนแล้วผ่านสองนิ้วเล็ก ประกายเพชร เรียกว่า pawls . ปรับแต่งนาฬิกาส้อมที่มีการแสดงผลล้าสมัยเมื่อนาฬิกาควอตซ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับการพัฒนา นาฬิกาควอตซ์ก็ถูกกว่าการผลิตนอกจากจะถูกต้องมากขึ้น ส่วนสำคัญที่สุด

บทความหลัก :การเคลื่อนไหวของนาฬิกาเชิงกลแบบใช้เกลียวสปริง เรียกว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุด เป็นแหล่งพลังงาน ในนาฬิกาคู่มือ สปริงต้องกรอกลับเป็นระยะ ๆโดยผู้ใช้โดยการเปิดดู มงกุฎ โบราณ pocketwatches เป็นแผลโดยการใส่คีย์ที่แยกต่างหากในหลุมในด้านหลังของนาฬิกาและเปลี่ยนมันนาฬิกาที่ทันสมัยที่สุด ถูกออกแบบมาเพื่อทำงาน 40 ชั่วโมงในขดลวด และดังนั้นจึง ต้องล้างแผลทุกวัน แต่บางคนวิ่งหลายวันและไม่กี่มี 192 mainsprings ชั่วโมงและมีแผลรายสัปดาห์