ฉันชื่อ ณัฐนันท์ บุญกอง ทุกคนต่างเรียกฉันว่า นัดตี้ ฉันเกิดวันที่ 17 เดือนกันยายน พ.ศ.2540 อาศัยและเติบโตอยู่ทีบ้านเลขที่ 420 หมู่ 7 ตำบลเซกา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ฉันโตมาจากครอบครัวเล็กๆที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี รอบบ้านของฉันแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ แม่น้ำ ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาย ฉันอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ของฉันในบ้านหลังเล็กๆหลังนี้ บ้านและครอบครัวของฉันคือสิ่งที่ฉันรักมากที่สุด ทุกครั้งที่ฉันต้องไปค้างคืนที่อื่น ฉันจะคิดถึงบ้านมากจนบางทีก็ร้องไห้จะกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง ฉันยังเป็นคนที่ซุ้มซ่ามอย่างมาก ฉันชอบมีโลกส่วนตัว เวลาที่ฉันอยู่ในโลกของฉัน ฉันก้อจะมีความสุขมาก ฉันเป็นคนพูดน้อย รักความสงบ และจะหลีกเลี่ยงกับเรื่องราวที่วุ่นวายเสมอ
ตอนฉันอายุ 5 ขวบฉันได้เข้าโรงเรียนเป็นครั้งแรก ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาล เซกา ฉันเจอกับเพื่อนมากมาย ชีวิตที่เคยอยู่ในความดูแลของแม่ ต้องกลายมาเป็นภาระหนักของคุณครู ฉันพอจำได้ว่าตอนนั้นฉันร้องไห้อยากกลับบ้านทุกวัน จนคุณครูต้องจับฉันให้นอนหลับก่อนเด็กคนอื่นๆ เพราะฉันจะร้องไห้บ่อยและเสียงดังมาก เมื่อฉันตื่นฉันก็จะร้องไห้เหมือนเดิม เรียกได้ว่า นิ่งเป็นหลับ ขยับก็ร้องไห้เลย ตอนฉันอยู่ประถมฉันก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทที่คอยโอนงานมาให้เสมอ แต่ฉันก็ไม่ค่อยสนใจอะไร ฉันก็แค่รับๆมา แล้วก็ทำจนเสร็จแล้วเอาไปให้เพื่อน ตั้งแต่เด็กๆเลย โดยเฉพาะวิชาวาดรูป ฉันมักจะมีการบ้านหนักกว่าทุกคนเสมอ จนบางครั้งก็ลืมทำการบ้านของตัวเอง ต้องถูกคุณครูลงโทษเอาไม้บรรทัดดีนิ้ว เข็ดไปหลายวัน พอฉันเรียนอยู่ชั้น ม.2 ฉันก็ได้เป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของโรงเรียน ช่วงนั้นฉันซ้อมหนักมาก และฉันก็ได้เดินทางไปแข่งขันตามที่ต่างๆมากมาย แต่ก็ได้แค่รองแชมป์กลับมาทุกครั้งไป พอฉันเรียนจบจากที่นี้ ฉันก็ได้ไปสอบเข้าที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในสายการเรียน วิทย์-คณิต ในการเข้าเรียนปรับระดับนั้นฉันจะไม่ค่อยได้พูดกลับใครเลย เพราะไม่รู้ว่าฉันจะต้องเริ่มยังไง ปกติแล้วฉันก็จะพูดน้อย แต่พอต้องมาห่างจากเพื่อนที่เคยเรียนร่วมกันมาตั้งแต่อนุบาล มาถึงตอนนี้ฉันจึงทำตัวลำบาก กว่าที่ฉันจะรู้จักเพื่อนสักคนมันต้องมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นก่อนเสมอ ฉันเดินไปชนเขาบ้าง นั่งใกล้ๆกันบ้าง และทุกครั้งก็เป็นเพื่อนเขาที่ถามชื่อเราก่อน พอนานไปฉันก็กลับกลายเป็นอีกคน อยู่กับเพื่อนฉันจะพูดมากจนเพื่อนๆต้องบอกให้หยุดพูด เพราะเพื่อนจะได้พูดบ้าง ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่แค่ไม่กี่คน ทุกครั้งที่เพื่อนมีเรื่องเดือดร้อนฉันก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้อย่างสุดความสามารถเสมอ ไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่ ฉันจะไม่ค่อยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพื่อน ช่วงนี้ฉันเริ่มมีมุขขำๆมาอำเพื่อนบ่อยๆ จนทำให้เพื่อนๆหัวเราะไปตามๆกัน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่ามันมีค่าและยาวนานที่สุด ทั้งสุขและทุกข์ร่วมกัน หัวเราะ ร้องไห้ด้วยกัน นอกจากนี้แล้วฉันยังได้รับรางวัลลูกกตัญญูจากโรงเรียนอีกด้วย ฉันและพ่อกับแม่ต่างภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับ พ่อกับแม่ดูแลและคอยอบรมสั่งสอนฉันตลอด และฉันก็ไม่เคยคิดว่าฉันโตแล้ว ฉันคิดเสมอ ว่าพ่อกับแม่ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า ฉะนั้น ทุกคำที่ท่านพร่ำสอน ฉันก็จะตั้งใจฟังเสมอ ฉันพยายามตั้งใจเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และขยันให้มากๆ มากกว่าคนอื่น เพราะฉันไม่ได้เกิดมาท่ามกลางทุกอย่างที่เพียบพร้อม ฉันอาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย พ่อกับแม่ต้องทำงานหนัก ออกไปรับจ้างเพื่อส่งเสียฉันให้ได้เล่าเรียน ก่อนที่ฉันจะทำอะไร ถ้าฉันคิดว่ามันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของพ่อกับแม่ ฉันก็จะหลีกเลียงเสมอ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะมีบางครั้งที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง อาจมีบางเวลาที่ทำยังทำดีได้ไม่เท่าดั่งที่ท่านคาดหวัง ทุกวันนี้สิ่งที่ฉันกำลังพยายามคือ การตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่ออนาคตของครอบครัวและตัวฉันเอง
แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ว่าจะเด็กหรือโตฉันคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เรื่องราวของฉันมันยังคงมีคุณค่าและมีความหมายกับฉันเสมอ ถึงแม้จะเนิ่นนานสักแค่ไหน ทุกอย่างยังเหมือนเป็นเครื่องเดือนใจให้ยิ่งก้าวเดิน ไปตามหนทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ และแน่วแน่ ที่ผ่านมาอาจจะมีทั้งอุปสรรคและขวากหนาม แต่มันก็เป็นแบบทดสอบหนึ่งของหนทางแห่งความสำเร็จ เมื่อยิ่งทดสอบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เรายิ่งชำนาญ และแข็งแกร่ง แบบทดสอบต่อไปมันก็เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับเรา ที่จะสามารถผ่านแบบทดสอบนี้ไปอย่างง่ายดาย