Last year, the company moved from a

Last year, the company moved from a white-label giant, whose products were branded as made by others, to a consumer-facing business. The first flagship, the Ascend P1, has since sold more than a million units around the world in the past three months and has already been followed up with the P2. An “infinity screen” cascades over its edges and an interface called “Emotion” enhances Google’s ubiquitous Android software.

With the slogan “Make it possible”, Wan is first aiming at building his brand with top-tier phones, and then introducing more of that appeal to people “young or old, rich or poor”. He claims to “know that everybody has dreams and we can make them true”.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปี บริษัทย้ายจากยักษ์ใหญ่สีขาวป้าย ผลิตภัณฑ์ถูกตราเป็นผู้อื่น ธุรกิจด้านผู้บริโภค เรือธงแรก P1 ขึ้นไป มีตั้งแต่ขายมากกว่าหนึ่งล้านหน่วยทั่วโลกในช่วงสามเดือน และมีอยู่แล้วถูกหลัง P2 "อินฟินิตี้จอ" เรียงซ้อนบนขอบ และอินเทอร์เฟซที่เรียกว่า "อารมณ์" พัฒนาซอฟต์แวร์ Android ของ Google อยู่ทุกหนแห่งด้วยสโลแกน "จะทำ" Wan แรกมุ่งมั่นที่สร้างแบรนด์ของเขากับโทรศัพท์มือถือระดับสูง และจากนั้น แนะนำมากกว่าที่สนใจคน "หนุ่มสาว หรือเก่า รวย หรือยากจน" เขาอ้างว่า "รู้ว่า ทุกคนมีความฝัน และเราสามารถทำได้จริง"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปีที่ผ่านมา บริษัท ฯ ได้ย้ายจากยักษ์สีขาวป้ายมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นที่ทำโดยคนอื่น ๆ ที่จะเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคที่หันหน้าไปทาง ธงแรก Ascend P1 มียอดขายตั้งแต่กว่าล้านคันทั่วโลกในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาและได้รับการไว้แล้วตามมาด้วย P2 เป็น "หน้าจออินฟินิตี้" น้ำตกกว่าขอบและอินเตอร์เฟซที่เรียกว่า "อารมณ์" ของมันช่วยเพิ่มซอฟแวร์ Android ของ Google แพร่หลาย. ด้วยสโลแกน "ทำให้มันเป็นไป" วานเป็นครั้งแรกที่เล็งไปที่การสร้างแบรนด์ของเขาด้วยโทรศัพท์บนชั้นแล้วแนะนำมากขึ้นของ ที่สนใจคน "หนุ่มสาวหรือเก่าร่ำรวยหรือยากจน" เขาอ้างว่า "รู้ว่าทุกคนมีความฝันและเราสามารถทำให้พวกเขาเป็นจริง"