Madonna experimented with more folk

Madonna experimented with more folk and acoustic music in Music (2000) and American Life (2003).[277] A change was noted in the content of the songs in Music, with most of them being simple love songs, but with an underlying tone of melancholy.[270] According to Q magazine, American Life was characterized by "a thumping techno rhythm, liquid keyboard lines, an acoustic chorus and a bizarre Madonna rap."[278] The "conventional rock songs" of the album were suffused with dramatic lyrics about patriotism and composition, including the appearance of a gospel choir in the song "Nothing Fails".[278] Madonna returned to pure dance songs with Confessions on a Dance Floor, infusing club beats and retro music with the lyrics about paradoxical metaphors and reference to her earlier works.[279] Madonna moved to urban direction with Hard Candy (2008), mixing R&B and hip hop music with dance tunes.[187] MDNA (2012) largely focused in electronic dance music, which she has embraced since Ray of Light.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พระแม่มารีทดลองกับเพลงพื้นบ้าน และเสียงอื่น ๆ ในเพลง (2000) และชีวิตในสหรัฐอเมริกา (2003) [277] A เปลี่ยนแปลงถูกบันทึกไว้ในเนื้อหาของเพลงในเพลง มีมากที่สุดของพวกเขากำลังง่ายเพลง รักแต่ มีเสียงเป็นต้นของความเศร้าโศก [270] According ชีวิตอเมริกัน นิตยสาร Q ลักษณะพิเศษ โดย "เทคโนจังหวะโดดเด่น สายแป้นพิมพ์ของเหลว เป็นคอรัสเสียง และแร็พมาดอนน่าแปลกประหลาด" [278] "เพลงร็อกทั่วไป" ของอัลบั้มที่ suffused พร้อมเนื้อเพลงละครเกี่ยวกับความรักชาติและองค์ประกอบ รวมทั้งลักษณะของการประสานเสียงกิตติคุณในเพลง "ไม่ล้ม" พระแม่มารี [278] กลับไปเต้นเพลงกับคำสารภาพบนแดนซ์ฟลอร์ ผสมผสานจังหวะคลับและเพลงย้อนยุคกับเนื้อเพลงเกี่ยวกับคำเปรียบเปรยที่ว่าและอ้างอิงในการทำงานของเธอก่อนหน้านี้ พระแม่มารี [279] ย้ายไปเมืองทิศทางด้วยลูกกวาด (2008), ผสม R & B และฮิปฮอป ด้วยเพลงเต้นรำ เอ็มดีเอ็นเอ [187] (2012) ส่วนใหญ่เน้นในเต้นรำอิเล็กทรอนิกส์เพลง ซึ่งเธอได้กอดตั้งแต่รังสีของแสง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มาดอนน่าทดลองกับชาวบ้านมากขึ้นและเพลงอะคูสติกในเพลง (2000) และ American Life (2003). [277] การเปลี่ยนแปลงที่ถูกบันทึกไว้ในเนื้อหาของเพลงในเพลงที่มีมากที่สุดของพวกเขาเป็นเพลงรักที่เรียบง่าย แต่ด้วยน้ำเสียงพื้นฐาน เศร้า. [270] อ้างอิงจากนิตยสาร Q, ชีวิตของคนอเมริกันก็มีลักษณะ "จังหวะเต้นเทคโน, สายแป้นพิมพ์ของเหลวเป็นนักร้องอะคูสติกและการลงโทษที่มาดอนน่าแปลกประหลาด." [278] ที่ "เพลงร็อคธรรมดา" ของอัลบั้มอบอวล กับเนื้อเพลงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับความรักชาติและองค์ประกอบรวม​​ทั้งการปรากฏตัวของนักร้องประสานเสียงพระกิตติคุณในเพลง "ไม่มีอะไรที่ล้มเหลว" ได้. [278] มาดอนน่ากลับไปเพลงเต้นรำบริสุทธิ์ที่มีคำสารภาพอยู่บนฟลอร์เต้นรำ, การผสมผสานระหว่างการเต้นของสโมสรและเพลงย้อนยุคกับเนื้อเพลงเกี่ยวกับความขัดแย้ง อุปมาอุปมัยและการอ้างอิงถึงผลงานก่อนหน้านี้ของเธอ. [279] มาดอนน่าย้ายไปทิศทางในเมืองที่มีลูกอม (2008) ผสมอาร์แอนด์บีและเพลงฮิปฮอปกับเพลงเต้นรำ. [187] MDNA (2012) มุ่งเน้นไปที่ส่วนใหญ่อยู่ในเพลงเต้นรำอิเล็กทรอนิกส์ที่เธอมี กอดตั้งแต่รังสีของแสง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มาดอนน่า ทดลองกับพื้นบ้านและดนตรีอคูสติกในเพลง ( 2000 ) และชีวิตของชาวอเมริกัน ( 2003 ) [ 277 ] เปลี่ยนที่ถูกระบุไว้ในเนื้อหาของเพลง ในเพลง กับส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นเพลงที่เรียบง่าย แต่แฝงด้วยน้ำเสียงเศร้า [ 270 ] ตามคิวนิตยสาร ชีวิต คือ ลักษณะ " เป็นจังหวะเทคโนเต้นสายแป้นพิมพ์ของเหลวเป็นนักร้องอะคูสติกและแปลกประหลาด มาดอนน่า แร็พ " [ 278 ] " เพลง " หินธรรมดาของอัลบั้มคือ suffused กับเนื้อเพลงละครเรื่องความรักชาติและส่วนประกอบ รวมทั้งลักษณะของพระเยซูประสานเสียง ในเพลง " ไม่ล้มเหลว " [ 278 ] มาดอนน่ากลับมา เพลงเต้นที่บริสุทธิ์กับคำสารภาพอยู่บนฟลอร์เต้นรำซึ่งเต้น , คลับและย้อนยุคเพลงที่มีเนื้อเพลงเกี่ยวกับ metaph ที่ตรงข้ามกัน ORS และการอ้างอิงผลงานก่อนหน้านี้ของเธอ [ 279 ] มาดอนน่า ย้ายไปอยู่ที่เมืองทิศทางกับลูกกวาด ( 2008 ) ผสม , R & B และเพลงฮิปฮอปกับเพลงเต้น [ 187 ] MDNA ( 2012 ) ส่วนใหญ่เน้นเพลงเต้นรำอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเธอได้กอดตั้งแต่รังสีของแสง