The Ecological Footprint (EF) indic

The Ecological Footprint (EF) indicator was created by Wackernagel and Rees in 1996. Since its appearance this method has been developed through much research into the detailed weighting of each factor and through using it in case studies. With its improvement more researchers are now using it to understand human impacts on environmental issues and more governments are adopting it as an analytical tool for policy-making.

This thesis uses the EF indicator for a detailed analysis of various transport modes in the Auckland Region in 2004. A component EF model is adopted, which involves all EF estimations for each transport mode over its life cycle. The EF components of each mode can be divided into five parts: the EF from fuel consumption for its daily operation, the EF from embodied energy for its manufacture and maintenance, the EF from energy for constructing and maintaining its relevant infrastructures, the EF from energy for operating its infrastructure, and the EF from the physical area of its infrastructures. In this thesis, the modes analyzed in detail are: cars, buses, trains, flights, ferries, motorcycles, bicycles, and walking for passenger transport; HCVs, LCVs, rail freight, airfreight, and sea freight for freight transport; and off-road vehicles, cruise ships, and pleasure craft, bicycle, walking for leisure transport.

After calculating these EF components for each mode, the total EF and component EF for every mode can be compared. Hence, a sustainable hierarchy of transport modes in each category can be worked out. This sustainable hierarchy focuses on the eco-burden placed on the earth by transport systems as represented by the EF figure.

A component EF method for assessing transport modes has been developed and tested in this thesis. This should be suitable for transport EF analysis in other regions and other nations.

Although this thesis has made some detailed contribution to EF methodology, for example, by developing the component model for transport systems and applying it to an analysis of the transport sector, there is still a need for further research. This will especially relate to a more accurate calculation of the embodied energy EF from constructing and maintaining transport infrastructures.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รอยพระพุทธบาทนิเวศวิทยา (EF) ตัวบ่งชี้ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Wackernagel และรีสในปี 1996 เนื่องจากลักษณะของวิธีการนี้ได้รับการพัฒนาผ่านการวิจัยมากในน้ำหนักรายละเอียดของแต่ละปัจจัยและผ่านการใช้ในกรณีศึกษา มีการปรับปรุงของนักวิจัยมากขึ้นตอนนี้ใช้มันที่จะเข้าใจผลกระทบต่อมนุษย์เกี่ยวกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและรัฐบาลมากขึ้นมีการเปลี่ยนมาใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์การกำหนดนโยบาย. วิทยานิพนธ์นี้จะใช้ตัวบ่งชี้ EF สำหรับการวิเคราะห์รายละเอียดของโหมดการขนส่งต่าง ๆ ในภาคโอ๊คแลนด์ ปี 2004 รุ่น EF องค์ประกอบที่ถูกนำมาใช้ที่เกี่ยวข้องกับการประมาณการของ EF ทั้งหมดสำหรับแต่ละโหมดการขนส่งในช่วงวงจรชีวิตของมัน ส่วนประกอบ EF ของแต่ละโหมดสามารถแบ่งออกเป็นห้าส่วน EF จากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการดำเนินงานในชีวิตประจำวันของ EF จากพลังงานเป็นตัวเป็นตนสำหรับการผลิตและการบำรุงรักษาของตน EF จากพลังงานสำหรับการสร้างและการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องของตน EF จากพลังงาน สำหรับการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานและ EF จากพื้นที่ทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐานของ ในวิทยานิพนธ์นี้โหมดวิเคราะห์ในรายละเอียดมีดังนี้: รถยนต์, รถโดยสาร, รถไฟ, เที่ยวบิน, เรือข้ามฟาก, รถจักรยานยนต์จักรยานและเดินการขนส่งผู้โดยสาร; HCVs, LCVs, การขนส่งสินค้าทางรถไฟการขนส่งทางอากาศและการขนส่งทางทะเลสำหรับการขนส่งสินค้า; และยานพาหนะ off-road เรือล่องเรือและเรือสำราญ, จักรยาน, เดินสำหรับการขนส่งที่เดินทางมาพักผ่อน. หลังจากการคำนวณ EF ส่วนประกอบเหล่านี้สำหรับแต่ละโหมด EF รวมและส่วนประกอบ EF สำหรับโหมดทุกคนสามารถนำมาเปรียบเทียบ ดังนั้นลำดับชั้นอย่างยั่งยืนของโหมดการขนส่งในแต่ละประเภทสามารถทำงานออก ลำดับชั้นนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนนิเวศภาระวางอยู่บนโลกด้วยระบบขนส่งที่เป็นตัวแทนจากรูป EF ได้. วิธี EF องค์ประกอบในการประเมินรูปแบบการขนส่งที่ได้รับการพัฒนาและทดสอบในงานวิจัยนี้ นี้ควรจะเป็นที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งวิเคราะห์ EF ในภูมิภาคอื่น ๆ และประเทศอื่น ๆ . แม้ว่างานวิจัยนี้ได้ทำบางผลงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ EF ตัวอย่างเช่นโดยการพัฒนารูปแบบอุปกรณ์สำหรับระบบขนส่งและนำไปใช้กับการวิเคราะห์ของภาคการขนส่งที่มี ยังคงมีความจำเป็นในการวิจัยต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับการคำนวณที่ถูกต้องมากขึ้นของพลังงาน EF เป็นตัวเป็นตนจากการสร้างและการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รอยเท้านิเวศ ( EF ) ตัวบ่งชี้ที่ถูกสร้างขึ้นโดย wackernagel แล้วรีสในปี 1996 เนื่องจากลักษณะของวิธีการนี้ได้รับการพัฒนาผ่านการวิจัยมากในรายละเอียดของแต่ละปัจจัยถ่วง และผ่านการใช้เป็นกรณีศึกษากับการพัฒนานักวิจัยมากขึ้น ตอนนี้ใช้มันเพื่อเข้าใจผลกระทบของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลกำลังใช้มันเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์การกำหนดนโยบาย .

วิทยานิพนธ์นี้ใช้ตัวบ่งชี้สำหรับการวิเคราะห์รายละเอียดของโหมดการขนส่งต่าง ๆในภูมิภาคในปี 2004 ส่วน EF รุ่น บุญธรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับการทั้งหมด EF แต่ละโหมดการขนส่งผ่านวงจรชีวิตของมัน ผส่วนประกอบของแต่ละโหมดสามารถแบ่งออกเป็นห้าส่วน : EF จากการบริโภคเชื้อเพลิงสําหรับการดําเนินงานของแต่ละวัน , EF ใช้พลังงานจากการผลิตและการบำรุงรักษา , EF จากพลังงานสำหรับการสร้างและรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง , EF จากพลังงานปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานของและ EF จากพื้นที่ทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐาน . ในวิทยานิพนธ์นี้ โหมดวิเคราะห์ในรายละเอียด : รถยนต์ , รถโดยสาร , รถไฟ , เที่ยว , เรือ , รถจักรยานยนต์ , จักรยาน , และการเดินสำหรับการขนส่งผู้โดยสาร hcvs lcvs , รถไฟ , การขนส่งการขนส่งทางอากาศและการขนส่งทางทะเลเพื่อการขนส่งสินค้า และปิดถนนยานพาหนะ , เรือล่องเรือ , และเรือท่องเที่ยว จักรยาน เดินเพื่อสันทนาการ ขนส่ง

หลังจากคำนวณส่วนประกอบ EF เหล่านี้สำหรับแต่ละโหมดทั้ง EF และส่วนประกอบ EF ทุกโหมดจะเทียบได้ ดังนั้น การปกครองที่ยั่งยืนของโหมดการขนส่งในแต่ละประเภทสามารถทำงานออก ลำดับขั้นที่ยั่งยืนนี้เน้น ECO ภาระวางไว้บนโลกด้วยระบบการขนส่งที่แสดงโดย EF

รูปวิธีการประเมิน EF ชิ้นส่วนสำหรับโหมดการขนส่งที่ได้รับการพัฒนาและทดสอบในวิทยานิพนธ์นี้ นี้ควรจะเป็นที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ EF การขนส่งในภูมิภาคอื่นๆ และประเทศอื่น ๆ .

ถึงแม้ว่า วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงได้ทำรายละเอียดเงินสมทบและ EF เช่น โดยการพัฒนาองค์ประกอบแบบจำลองสำหรับระบบการขนส่งและใช้กับการวิเคราะห์ของภาคการขนส่งยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม นี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเกี่ยวข้องกับการคำนวณที่ถูกต้องมากขึ้นของพลังงานจากการใช้ EF และรักษาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง