First, we set the hypothesis that t

First, we set the hypothesis that the arithmetic mean ܺ തଵ and ܺ തଶ of basic sets are equal to each other, i.e.ܺ തଵ = ܺ തଶ, so called null hypothesis. It is necessary to examine the hypothesis, and it boils down to examining differences of arithmetic means of the samples. If the difference is random, the hypothesis is accepted, it is true. Conversely, if the difference is significant, the hypothesis is rejected as inaccurate, i.e. the samples don't belong to one and the same basic set

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ครั้งแรก เราตั้งสมมติฐานว่า การคณิตܺതଵและܺതଶพื้นฐานชุดจะเท่ากับแต่ละอื่น ๆ เช่นܺതଵ =ܺതଶ เรียกว่าสมมติฐานว่าง จำเป็นต้องตรวจสอบสมมติฐาน และมันเดือดลงไปตรวจสอบความแตกต่างของวิธีเลขคณิตของตัวอย่าง ถ้าความแตกต่างคือสุ่ม เป็นที่ยอมรับสมมติฐาน มันเป็นความจริง ในทางกลับกัน ถ้าความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ สมมติฐานถูกปฏิเสธเป็นไม่ถูกต้อง เช่นตัวอย่างไม่เป็นของชุดพื้นฐานเดียว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ครั้งแรกที่เราตั้งสมมติฐานว่ามัชฌิมเลขคณิตܺതଵและܺതଶชุดพื้นฐานมีค่าเท่ากันกับแต่ละอื่น ๆ IE? ܺതଵ = ܺതଶเรียกว่าสมมติฐาน มันเป็นสิ่งจำเป็นในการตรวจสอบสมมติฐานและมันเดือดลงไปตรวจสอบความแตกต่างของเลขคณิตหมายความว่ากลุ่มตัวอย่าง หากแตกต่างกันเป็นแบบสุ่มสมมติฐานที่เป็นที่ยอมรับมันเป็นความจริง ตรงกันข้ามถ้าความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญสมมติฐานถูกปฏิเสธไม่ถูกต้องคือกลุ่มตัวอย่างไม่ได้เป็นที่หนึ่งและชุดพื้นฐานที่เหมือนกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ครั้งแรก เราตั้งสมมุติฐานว่า ค่าเฉลี่ยและܺതଵܺതଶชุดพื้นฐานจะเท่า ๆ กัน เช่น ܺതଵ = ܺതଶเรียกว่าสมมติฐานโมฆะ . มันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน และมัน boils ลงเพื่อตรวจสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง ถ้าความแตกต่างเป็นแบบสุ่ม , สมมติฐานที่ได้รับการยอมรับ มันเป็นความจริง ในทางกลับกัน หากความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ สมมติฐาน คือปฏิเสธที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตัวอย่างไม่ได้เป็นของหนึ่งและชุดพื้นฐานเดียวกัน