There are three main sections of a

There are three main sections of a P&L statement; revenues, expenditures and the bottom line. Basically any listed line item on a P&L statement is either a revenue or an expenditure. Under each of those two umbrellas there are a few basic categories...

Revenue

All the sales that you make

Other payments made to your business. For example, selling old machinery or property, or a tax refund. Those are usually one-time revenue generation events.

Expenditures

Cost of Goods Sold (COGS) - When you sell a shirt for $40, you take in that money under the revenue column, but you don’t “make” $40. Say the cost of the shirt to you at wholesale was $10. That means you made $30 profit and the COGS is $10. In manufacturing, the COGS will be the materials plus the time to produce it and for a service company it will be the man hours devoted.

OPEX - OPEX is short for “operational expenditures” and basically a fancy way of saying “what it takes to run your business in addition to COGS.” OPEX includes things like employee salaries; meals and entertainment; travel and training; office space rental and utilities costs; computer hardware and software; maintenance expenses; marketing communication and advertising expenses; telephone and internet services; insurance costs; external consultant fees… the list, depending on your type of business, goes on and on.

Depreciation - The cost of hard goods like computers, phones, machinery, or a vehicle will be allocated over the length of time that you own the asset. That’s not to say that you don’t have to pay for it up front, but the loss in value each year can be accounted for as a loss to your business come tax time.

Profit - The bottom line (and where they get the phrase “the bottom line is...”) on a P&L statement, is the profit line. Finally, just what you’ve been waiting for! As mentioned, your business’ profit is, at a high level, revenue minus expenses. This is what you really make money-wise and for the most part you can stop right here.

But for those that are now enchanted by the wonderful world of P&L statements, there are actually a few types of profit...

Gross Profit = Revenue - COGS. You will pay for all of your business expenses from salary to rent from this pool of money.

EBIT (Earnings Before Interest & Tax) = Revenue - (COGS + OPEX). Yes, that looks like a scary algebra problem, but it’s simply “what did you sell” minus “how much you paid for your inventory” and “how much it costs to run your business.” It’s sort of the best performance indicator for your business so if you want to know how well you’re really doing, look at this number.

EBITDA (Earnings Before Interest, Tax, Depreciation, & Amortization). Even scarier, right? Don’t worry, this is just EBIT minus your depreciation. Depreciation isn’t truly a cash outflow—you aren’t losing spendable dollars here. While it’s important to track and take the appropriate tax deductions, for P&L purposes EBITDA is just filtering out the remnants of old decisions because it deals just with what you spent on capital expenditures in the past. It really doesn’t have to do with the health of your business’s cash flow today. Depreciation and Amortization are non-cash items, so they really don’t have a great impact on your business’s day to day cash flow health. But, EBITDA is a good way to gauge profitability.

Generating a P&L

Creating a profit and loss statement can be daunting, especially if you’re starting from scratch, using a pen and paper, or a basic spreadsheet. Since the accuracy of the information in your P&L statement is so critical to the success of your business, it’s often best to use accounting software (like Kashoo!) to help you manage it all. (BONUS TIP: The best way to generate a great P&L is to be diligent about capturing your revenues and expenses as you incur them.)

Generating a P&L in Kashoo, either on the web or on the iPad, is a snap. Here’s a quick video that shows you how to rock a P&L (and other reports!) in Kashoo…

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีสามหลักส่วนของคำสั่ง P & L รายได้ รายจ่าย และกำไร โดยทั่วไปแสดงรายการในใบแจ้งยอด P & L เป็นมีรายได้หรือรายจ่าย ข้างใต้ร่มสองเหล่านั้น มีกี่หมวดหมู่พื้นฐาน...รายได้ขายทั้งหมดที่คุณทำการชำระเงินอื่น ๆ ทำให้ธุรกิจของคุณ ตัวอย่างเช่น ขายเครื่องจักรเก่า หรือคุณสมบัติ หรือการคืนเงินภาษี ผู้มีรายได้เพียงครั้งเดียวมักจะสร้างเหตุการณ์ค่าใช้จ่ายต้นทุนสินค้าขาย (COGS) - เมื่อคุณขายเสื้อสำหรับ $40 คุณได้เงินภายใต้คอลัมน์รายได้ แต่คุณไม่ "ทำให้" $40 บอกว่า ต้นทุนของเสื้อคุณขายส่งคือ $10 นั่นหมายความว่า คุณทำกำไร $30 และ COGS คือ $10 ในการผลิต COGS จะวัสดุบวกกับเวลาในการผลิตนั้น และสำหรับบริษัทให้บริการ จะเป็นชั่วโมงคนที่ทุ่มเทค่าใช้จ่าย - OPEX เป็นสั้นสำหรับ "ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน" และโดยทั่วไปวิธีการบอกว่า "สิ่งที่จะดำเนินธุรกิจของคุณนอกจากฟันเฟือง" แฟนซี ค่าใช้จ่ายรวมถึงเงินเดือนของพนักงาน อาหารและความบันเทิง ท่องเที่ยวและการฝึกอบรม สำนักงานพื้นที่เช่าและสาธารณูปโภคค่า คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา การสื่อสารการตลาดและโฆษณาใช้จ่าย โทรศัพท์และบริการอินเตอร์เน็ต ค่าประกันภัย ค่าการปรึกษาภายนอก...รายการ ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ ไปบน และบนค่าเสื่อมราคา - ต้นทุนยากเช่นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องจักร หรือรถจะถูกปันส่วนผ่านระยะเวลาที่คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ที่จะไม่บอกว่า คุณไม่ต้องจ่ายสำหรับมันหน้า แต่การสูญเสียในแต่ละปีสามารถนำมาใช้สำหรับเป็นการสูญเสียของธุรกิจมาเวลาภาษีกำไร - บรรทัดล่าง (และที่พวกเขาได้รับวลี "ที่บรรทัดด้านล่างเป็น...") บนคำสั่ง P & L เป็นบรรทัดกำไร สุดท้าย เพียงแค่สิ่งที่คุณรอ ด่วน กำไรธุรกิจของคุณได้ ระดับสูง รายได้ลบค่าใช้จ่าย นี่คือสิ่งที่คุณจริง ๆ ทำให้ money-wise และส่วนใหญ่คุณสามารถหยุดที่นี่แต่สำหรับผู้ที่มีตอนนี้หลงเสน่ห์โลกมหัศจรรย์ของงบ P & L มีกำไรจริงกี่ประเภท...กำไร =รายได้ - ต้นทุนขาย คุณจะจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายของธุรกิจจากเงินเดือนทั้งหมดให้เช่าจากนี้ประเภทของเงินEBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี) =รายได้ - (COGS + OPEX) ใช่ ที่ดูเหมือนปัญหาน่ากลัวพีชคณิต แต่มันเป็นเพียง "สิ่งไม่ขาย" ลบ "เท่าไหร่คุณจ่ายสำหรับสินค้าคงคลังของคุณ" และ "เท่าใดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของคุณ" มันเป็นของที่ดีที่สุดตัวชี้วัดสำหรับธุรกิจของคุณดังนั้นถ้าคุณต้องการทราบว่า คุณกำลังทำจริง ๆ ดูหมายเลขนี้EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ยิ่งน่ากลัว ขวา ไม่ต้องกังวล นี้เป็นเพียงภาษี(ebit)ลบ ด้วยค่าเสื่อมราคาของคุณ ค่าเสื่อมราคาไม่มีกระแสเงินสดอย่างแท้จริง — คุณไม่สูญเสีย spendable ดอลลาร์ที่นี่ ในขณะที่มันเป็นสิ่งสำคัญในการติดตาม และดำเนินการหักภาษีที่เหมาะสม ประสงค์ P & L EBITDA เป็นเพียงการกรองออกเศษเก่าตัดสินใจเนื่องจากข้อตกลงนั้นเพียงกับสิ่งที่คุณใช้ในค่าใช้จ่ายในอดีต จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำอย่างไรกับสุขภาพของกระแสเงินสดของธุรกิจของคุณวันนี้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นรายการสด เพื่อให้พวกเขาจริง ๆ ไม่มีผลต่อ ธุรกิจของคุณของวันสุขภาพกระแสเงินสด แต่ EBITDA เป็นวิธีการวัดผลกำไรดีสร้าง P & Lสร้างงบกำไรขาดทุนได้อย่างน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเริ่มจากรอยขีดข่วน ใช้ปากกา และกระดาษ หรือกระดาษคำนวณพื้นฐาน ตั้งแต่ความถูกต้องของข้อมูลในงบของคุณ P & L เป็นสำคัญดังนั้นความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ก็มักจะใช้ซอฟต์แวร์บัญชี (เช่น Kashoo) เพื่อช่วยคุณจัดการมันทั้งหมด (คำแนะนำพิเศษ: การสร้าง P & L ดีจะขยันการเก็บรายได้และค่าใช้จ่ายของคุณที่คุณต้องเสียให้)สร้าง P & L ใน Kashoo บนเว็บหรือ บน iPad ได้อย่างรวดเร็ว นี่คือวิดีโอที่แสดงวิธีการร็อค P & L (และรายงานอื่น) อย่างรวดเร็วใน Kashoo ...

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีสามส่วนหลักของงบ P & L คือ รายได้ค่าใช้จ่ายและบรรทัดล่าง โดยทั่วไปของรายการโฆษณาใด ๆ ที่แสดงในงบกำไรขาดทุนเป็นทั้งรายได้หรือรายจ่าย ภายใต้แต่ละทั้งสองร่มมีประเภทไม่กี่ขั้นพื้นฐาน ... รายได้ยอดขายทั้งหมดที่คุณทำให้การชำระเงินอื่น ๆ ที่ทำกับธุรกิจของคุณ ยกตัวอย่างเช่นการขายเครื่องจักรเก่าหรือทรัพย์สินหรือการคืนเงินภาษี ผู้ที่มักจะมีเพียงครั้งเดียวเหตุการณ์การสร้างรายได้. ค่าใช้จ่ายต้นทุนขาย (COGS) - เมื่อคุณขายเสื้อสำหรับ $ 40, คุณใช้เวลาในเงินที่อยู่ภายใต้คอลัมน์รายได้ แต่คุณไม่ได้ "ให้" $ 40 บอกว่าค่าใช้จ่ายของเสื้อให้คุณที่ขายส่ง 10 $ นั่นหมายความว่าคุณทำกำไร $ 30 และฟันเฟืองเป็น $ 10 ในการผลิต, ต้นทุนจะเป็นวัสดุที่บวกกับเวลาในการผลิตและสำหรับ บริษัท ที่ให้บริการก็จะเป็นคนที่ชั่วโมงอุทิศ. OPEX - OPEX สั้นสำหรับ "ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน" และโดยทั่วไปวิธีแฟนซีของบอกว่า "สิ่งที่มันจะ ดำเนินธุรกิจของคุณนอกเหนือไปจากต้นทุน "ค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการรวมถึงเงินเดือนพนักงาน. อาหารและความบันเทิง; การเดินทางและการฝึกอบรม เช่าพื้นที่สำนักงานและสาธารณูปโภคค่าใช้จ่าย คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการตลาดการสื่อสารและการโฆษณา โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตบริการ ค่าใช้จ่ายในการประกันภัย ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาภายนอก ... รายการขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจของคุณไปบนและบน. ค่าเสื่อมราคา - ค่าใช้จ่ายของสินค้าหนักเช่นคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์เครื่องจักรหรือยานพาหนะจะได้รับการจัดสรรในช่วงระยะเวลาที่คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ที่ไม่ได้บอกว่าคุณจะได้ไม่ต้องจ่ายสำหรับมันขึ้นด้านหน้า แต่การสูญเสียในมูลค่าในแต่ละปีสามารถนำมาใช้เป็นความสูญเสียให้กับธุรกิจของคุณเป็นเวลาภาษี. กำไร - บรรทัดล่าง (และสถานที่ที่พวกเขาได้รับวลี "บรรทัดล่างคือ ... ") ในงบกำไรขาดทุนเป็นกำไรบรรทัด สุดท้ายสิ่งที่คุณได้รับการรอ! เป็นที่กล่าวถึงธุรกิจกำไรของคุณมีอยู่ในระดับสูง, ค่าใช้จ่ายรายได้ลบ นี่คือสิ่งที่คุณทำเงินที่ชาญฉลาดและส่วนใหญ่ที่คุณสามารถหยุดขวาที่นี่. แต่สำหรับผู้ที่หลงใหลในขณะนี้โดยโลกที่ยอดเยี่ยมของงบ P & L มีจริงไม่กี่ชนิดของผลกำไร ... กำไรขั้นต้น = รายได้ - ต้นทุนขาย คุณจะจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดธุรกิจของคุณจากเงินเดือนเช่าจากสระว่ายน้ำของเงินนี้. EBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี) = รายได้ - (COGS + OPEX) ใช่ว่าดูเหมือนจะเป็นปัญหาพีชคณิตน่ากลัว แต่มันเป็นเพียงแค่ "สิ่งที่คุณขาย" ลบ "เท่าไหร่ที่คุณจ่ายสำหรับสินค้าคงคลังของคุณ" และ "ค่าใช้จ่ายเท่าใดในการดำเนินธุรกิจของคุณ." มันเรียงลำดับของตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ธุรกิจดังนั้นหากคุณต้องการที่จะรู้ว่าวิธีการที่ดีที่คุณกำลังทำจริงๆมองไปที่หมายเลขนี้. EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) แม้จะน่ากลัวใช่มั้ย? ไม่ต้องกังวลนี้เป็นเพียง EBIT ลบค่าเสื่อมราคาของคุณ ค่าเสื่อมราคาอย่างแท้จริงไม่ได้ไหลออก-เงินสดคุณจะไม่สูญเสียดอลลาร์ spendable ที่นี่ ในขณะที่มันเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามและใช้หักภาษีที่เหมาะสมสำหรับ P & L วัตถุประสงค์ EBITDA เป็นเพียงการกรองเศษของการตัดสินใจเก่าเพราะมันเกี่ยวข้องเพียงกับสิ่งที่คุณใช้จ่ายในการใช้จ่ายด้านทุนในอดีตที่ผ่านมา จริงๆมันไม่ต้องทำอะไรกับสุขภาพของกระแสเงินสดของธุรกิจของคุณในวันนี้ และค่าเสื่อมราคาเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสดเพื่อให้พวกเขาจริงๆไม่ได้มีผลกระทบที่ดีในวันที่ธุรกิจของคุณเพื่อสุขภาพวันกระแสเงินสด แต่มี EBITDA เป็นวิธีที่ดีที่จะวัดการทำกำไร. การสร้าง L & P สร้างงบกำไรขาดทุนสามารถเป็นที่น่ากลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังเริ่มจากรอยขีดข่วนโดยใช้ปากกาและกระดาษหรือกระดาษคำนวณขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ความถูกต้องของข้อมูลในงบ P & L ของคุณเป็นอย่างสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจของคุณก็มักจะดีที่สุดในการใช้ซอฟต์แวร์บัญชี (ชอบ Kashoo!) เพื่อช่วยให้คุณจัดการกับมันได้ทั้งหมด (แถมเคล็ดลับ: วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างที่ดี P & L คือการเป็นขยันเกี่ยวกับการจับรายได้และค่าใช้จ่ายของคุณในขณะที่คุณต้องเสียพวกเขา.) การสร้าง P & L ใน Kashoo ทั้งบนเว็บหรือบน iPad, เป็น snap นี่เป็นวิดีโอที่รวดเร็วที่จะแสดงวิธีการหิน P & L (และรายงานอื่น ๆ !) ใน Kashoo ...