Background: A commonly recommended

Background: A commonly recommended strategy for increasing research use in clinical practice is to identify barriers
to change and then tailor interventions to overcome the identified barriers. In nursing, the BARRIERS scale has been
used extensively to identify barriers to research utilization.
Aim and objectives: The aim of this systematic review was to examine the state of knowledge resulting from use of
the BARRIERS scale and to make recommendations about future use of the scale. The following objectives were
addressed: To examine how the scale has been modified, to examine its psychometric properties, to determine the
main barriers (and whether they varied over time and geographic locations), and to identify associations between
nurses' reported barriers and reported research use.
Methods: Medline (1991 to September 2009) and CINHAL (1991 to September 2009) were searched for published
research, and ProQuest® digital dissertations were searched for unpublished dissertations using the BARRIERS scale.
Inclusion criteria were: studies using the BARRIERS scale in its entirety and where the sample was nurses. Two authors
independently assessed the study quality and extracted the data. Descriptive and inferential statistics were used.
Results: Sixty-three studies were included, with most using a cross-sectional design. Not one study used the scale for
tailoring interventions to overcome identified barriers. The main barriers reported were related to the setting, and the
presentation of research findings. Overall, identified barriers were consistent over time and across geographic
locations, despite varying sample size, response rate, study setting, and assessment of study quality. Few studies
reported associations between reported research use and perceptions of barriers to research utilization.
Conclusions: The BARRIERS scale is a nonspecific tool for identifying general barriers to research utilization. The scale is
reliable as reflected in assessments of internal consistency. The validity of the scale, however, is doubtful. There is no
evidence that it is a useful tool for planning implementation interventions. We recommend that no further descriptive
studies using the BARRIERS scale be undertaken. Barriers need to be measured specific to the particular context of
implementation and the intended evidence to be implemented.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: กลยุทธ์แนะนำทั่วไปสำหรับการเพิ่มการใช้วิจัยในคลินิกคือการ ระบุอุปสรรค
การเปลี่ยนแปลงแล้ว ปรับแต่งงานเพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ระบุ ได้รับระดับอุปสรรคในการพยาบาล
ใช้ระบุอุปสรรคการวิจัยใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง
จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์: จุดประสงค์ของการตรวจสอบระบบนี้คือการ ตรวจสอบสถานะของความรู้ที่เกิดจากการใช้
ระดับอุปสรรค และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานในอนาคตของสเกล มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
อยู่: ตรวจสอบว่ามีการปรับเปลี่ยนมาตราส่วน ตรวจสอบ psychometric คุณสมบัติ การตรวจสอบการ
อุปสรรคหลัก (และว่าพวกเขาแตกต่างช่วงเวลาและสถานทางภูมิศาสตร์), และ การระบุความสัมพันธ์ระหว่าง
พยาบาลรายงานอุปสรรค และรายงานวิจัยใช้
วิธี: Medline (1991 ถึงเดือน 2552 กันยายน) และ CINHAL (1991 ถึงเดือน 2552 กันยายน) มีการค้นหาสำหรับเผยแพร่
วิจัย และ® ProQuest dissertations ดิจิทัลถูกค้นหา dissertations ประกาศใช้มาตราส่วนอุปสรรค
ถูกเกณฑ์รวม: ศึกษาอุปสรรคโดยใช้มาตราส่วนทั้งหมด และที่ตัวอย่างเป็นพยาบาล ผู้เขียนสอง
ประเมินคุณภาพการศึกษาอย่างอิสระ และแยกข้อมูล ใช้เพียงน้อยนิด และอธิบายสถิติ
ผล: ศึกษาหกสิบสามได้รวม ส่วนใหญ่ใช้แบบเหลว การศึกษาหนึ่งไม่ใช้มาตราส่วนสำหรับ
ปรับปรุงงานเพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ระบุ อุปสรรคหลักรายงานเกี่ยวข้องกับการตั้งค่า และ
งานนำเสนอของพบ โดยรวม ระบุอุปสรรคสอดคล้องกัน ผ่านเวลา และภูมิศาสตร์
สถาน แม้ มีขนาดแตกต่างกันตัวอย่าง อัตราการตอบสนอง ศึกษา การตั้งค่าและประเมินคุณภาพการศึกษา การศึกษาน้อย
รายงานความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้อุปสรรคการใช้ประโยชน์วิจัยและรายงานวิจัยใช้
บทสรุป: มาตราส่วนอุปสรรคเป็นเครื่องมือที่เจาะจงสำหรับการระบุอุปสรรคทั่วไปการใช้ประโยชน์วิจัย มาตราส่วนคือ
เชื่อถือได้เช่นในการประเมินความสอดคล้องภายใน มีผลบังคับใช้มาตราส่วน อย่างไรก็ตาม เป็นหนี้สงสัยสูญ มีไม่
หลักฐานที่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการวางแผนการดำเนินงาน เราขอแนะนำที่อธิบายไป
ศึกษาโดยใช้มาตราส่วนอุปสรรคให้ดำเนิน อุปสรรคต้องการจะวัดเฉพาะในบริบทเฉพาะของ
งานและหลักฐานที่ตั้งใจที่จะปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นหลัง: กลยุทธ์ทั่วไปที่แนะนำสำหรับการเพิ่มการใช้การวิจัยในทางคลินิกคือการระบุอุปสรรค
ในการเปลี่ยนแปลงและการแทรกแซงจากนั้นตัดการเอาชนะอุปสรรคระบุ ในพยาบาลขนาดอุปสรรคได้รับการ
ใช้อย่างกว้างขวางในการระบุอุปสรรคในการใช้การวิจัย
จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์: เป้าหมายของระบบตรวจสอบครั้งนี้เพื่อตรวจสอบสถานะของความรู้ที่เกิดจากการใช้
ขนาดอุปสรรคและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานในอนาคตของ ขนาด โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ได้รับ
การแก้ไขเพื่อตรวจสอบว่าระดับที่ได้รับการแก้ไขในการตรวจสอบคุณสมบัติทางจิตวิทยาในการที่จะตรวจสอบ
อุปสรรคหลัก (และไม่ว่าพวกเขาแตกต่างกันในช่วงเวลาและสถานที่ทางภูมิศาสตร์) และระบุความสัมพันธ์ระหว่าง
พยาบาลรายงานอุปสรรคและรายงานการวิจัย ใช้
วิธีการ: เมด (1991 ถึงกันยายน 2009) และ CINHAL (1991 ถึงกันยายน 2009) ได้รับการค้นหาการตีพิมพ์
งานวิจัยและวิทยานิพนธ์ProQuest®ดิจิตอลถูกค้นสำหรับวิทยานิพนธ์ตีพิมพ์โดยใช้อุปสรรคขนาด
เกณฑ์รวมคือการศึกษาโดยใช้อุปสรรคใหญ่ใน ครบถ้วนและสถานที่ที่กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลของ สองนักเขียน
อิสระประเมินคุณภาพการศึกษาและการสกัดข้อมูล สถิติเชิงพรรณนาและเชิงอนุมานถูกนำมาใช้
ผล: หกสิบสามการศึกษารวมอยู่ด้วยมากที่สุดโดยใช้การออกแบบตัดขวาง ไม่ได้การศึกษาหนึ่งที่ใช้ขนาดสำหรับ
การปรับปรุงการแทรกแซงที่จะเอาชนะอุปสรรคที่ระบุ อุปสรรคหลักของรายงานที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าและ
การนำเสนอผลการวิจัย โดยรวมอุปสรรคระบุมีความสอดคล้องเมื่อเวลาผ่านไปและข้ามทางภูมิศาสตร์
สถานที่แม้จะแตกต่างกันขนาดของกลุ่มตัวอย่างอัตราการตอบสนองการตั้งค่าการศึกษาและการประเมินคุณภาพการศึกษา การศึกษาน้อย
รายงานความสัมพันธ์ระหว่างการใช้การวิจัยรายงานและการรับรู้ของปัญหาและอุปสรรคในการวิจัยการใช้ประโยชน์จาก
ข้อสรุป: ขนาดอุปสรรคเป็นเครื่องมือที่เชิญชมสำหรับการระบุอุปสรรคทั่วไปที่จะใช้ในการวิจัย คะแนนจะอยู่
ที่เชื่อถือได้สะท้อนให้เห็นในการประเมินผลของความมั่นคงภายใน ความถูกต้องของขนาด แต่เป็นที่น่าสงสัย ไม่มีเป็น
หลักฐานว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการแทรกแซงการดำเนินการวางแผน เราขอแนะนำว่าไม่มีความหมายต่อ
การศึกษาโดยใช้อุปสรรคขนาดจะดำเนินการ ปัญหาและอุปสรรคที่จะต้องมีการวัดเฉพาะในบริบทเฉพาะของ
การดำเนินงานและหลักฐานตั้งใจที่จะดำเนินการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลัง : โดยทั่วไปแนะนำกลยุทธ์สำหรับการใช้งานวิจัยในคลินิก เพื่อระบุอุปสรรค
เปลี่ยนแล้วปรับมาตรการเพื่อเอาชนะระบุอุปสรรค ในการพยาบาล อุปสรรคขนาดมีการใช้อย่างกว้างขวางเพื่อระบุอุปสรรค

เพื่อการวิจัยการใช้ประโยชน์ เป้าหมายและวัตถุประสงค์จุดมุ่งหมายของการตรวจสอบนี้ระบบจะตรวจสอบสถานะของความรู้ที่เกิดจากการใช้
อุปสรรคขนาด และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานในอนาคตของมาตราส่วน วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาวิธีแก้ไขคือ
ขนาดได้รับการแก้ไข เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของจิต เพื่อหา
อุปสรรคหลัก ( และไม่ว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ )และการระบุความสัมพันธ์ระหว่าง
พยาบาลรายงานอุปสรรค และการใช้วิธีวิจัย .
: Medline ( 2534 ถึง กันยายน 2552 ) และ cinhal ( 2534 ถึง กันยายน 2552 ) ยังหาหัวข้อวิจัย และ proquest
, ®ดิจิตอล งานกำลังค้นหางานพิมพ์โดยใช้อุปสรรคขนาด
การตระเตรียม ได้แก่การศึกษาการใช้อุปสรรคขนาดอย่างครบถ้วนแล้ว กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพ ผู้เขียนสอง
อิสระการประเมินคุณภาพการศึกษาและข้อมูลที่สกัดได้ สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมานใช้ .
: หกสิบสามผลการศึกษาโดยรวมที่มีมากที่สุดโดยใช้การออกแบบแบบภาคตัดขวาง ไม่ใช่การศึกษาระดับการแทรกแซงเอาชนะ
ตัดเย็บระบุอุปสรรคอุปสรรคหลักที่รายงานเกี่ยวกับการตั้งค่าและ
การเสนอผลงานวิจัย โดยรวม , การระบุอุปสรรคที่สอดคล้องในช่วงเวลาและข้ามสถานที่ทางภูมิศาสตร์
แม้จะเปลี่ยนขนาด , การตั้งค่าอัตราตัวอย่าง , การศึกษา และการประเมินคุณภาพการศึกษา ไม่กี่การศึกษา
รายงานความสัมพันธ์ระหว่างรายงานการวิจัยการใช้และการรับรู้อุปสรรคต่อการวิจัยการใช้ประโยชน์ .
สรุป : อุปสรรคขนาดเป็นเครื่องมือไม่จำเพาะสำหรับการระบุอุปสรรคทั่วไปเพื่อการวิจัยการใช้ประโยชน์ ขนาดมี
ที่เชื่อถือได้ที่สะท้อนในการประเมินความสอดคล้องภายใน ความถูกต้องของขนาด แต่ก็ยังน่าสงสัยอยู่ ไม่มี
หลักฐานว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการวางแผนหรือการปฏิบัติ เราขอแนะนำว่า ไม่บรรยาย
เพิ่มเติมการศึกษาการใช้อุปสรรคขนาดจะแลก . อุปสรรคต้องมีการวัดที่เฉพาะเจาะจงกับบริบทเฉพาะของการดำเนินการและวัตถุประสงค์หลักฐาน

" เป็นต้น