The airline, in addition to the Dou

The airline, in addition to the Douglas DC-3, Douglas DC-6B and Martin 2-0-2s, operated Douglas DC-4 and Douglas DC-7C during the 1950s.[7] JAL flew to Hong Kong via Okinawa by 1955, having pared down its domestic network to Tokyo, Osaka, Fukuoka and Sapporo.[16] By 1958 the Hong Kong route had been extended to Bangkok and Singapore.[17] With DC-7Cs JAL was able to fly nonstop between Seattle and Tokyo in 1959.[18] In 1960 the airline took delivery of its first jet, a Douglas DC-8 named Fuji, introducing jet service on the Tokyo-Honolulu-San Francisco route. JAL went on to operate a fleet of 51 DC-8s, retiring the last of the type in 1987. Fuji flew until 1974 and was then used as a maintenance training platform until 1989; its nose section was stored at Haneda Airport and eventually put on public display at the JAL Sky Museum in March 2014.[19]
JAL also began flying to Seattle and Hong Kong in 1960. At the end of 1961 JAL had transpolar flights from Tokyo to Seattle, Copenhagen, London and Paris via Anchorage, Alaska and to Los Angeles and San Francisco via Honolulu, Hawaii.[20]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สายการบิน นอกจากดักลาสดีซี-3 ดักลาสดีซี-6B และมาร์ติน 2-0-2s บินดักลาสดีซี-4 และดักลาสดีซี - 7 C ในช่วงปี 1950 [7] แจบินไปฮ่องกงผ่านโอกินาวา โดย 1955 มีบอดี้ลงโครงข่ายในประเทศโตเกียว โอซาก้า ฟุกุโอกะ และซัปโปโร [16] โดย 1958 เส้นทางฮ่องกงมีการขยายไปยังกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ [17] ด้วย DC 7Cs แจก็สามารถบิน nonstop ระหว่างซีแอตเทิลและโตเกียวในปี 1959 ด้วย ค.ศ.ในปี 1960 การบินเอาส่ง jet แรก เป็นดักลาสดีซี-8 ชื่อฟูจิ แนะนำบริการ jet ในเส้นทางโตเกียวโฮโนลูลูซานฟรานซิสโก แจไปในการใช้งานของ 51 DC-8s ออกล่าสุดของชนิดในปี 1987 บินจนถึง 1974 และถูกใช้เป็นเวทีการฝึกอบรมการบำรุงรักษาจนกระทั่ง 1989 ส่วนของจมูกถูกเก็บไว้ที่สนามบินฮาเนดะ และในที่สุดใส่แสดงให้ประชาชนที่แจสกาพิพิธภัณฑ์ใน 2557 มีนาคม [19]แจก็เริ่มบินซีแอตเทิลและฮ่องกงในปี 1960 เมื่อสิ้นสุดปี 1961 แจมี transpolar เที่ยวบินจากโตเกียว ไปซีแอตเทิล โคเปนเฮเกน ลอนดอน และปารีสผ่านแองคอเรจ อะแลสกา และลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกผ่านโฮโนลูลู ฮาวาย [20]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สายการบินที่นอกเหนือไปจากดักลาส DC-3, ดักลาส DC-6B และมาร์ติน 2-0-2s ดำเนินดักลาส DC-4 และดักลาส DC-7C ในช่วงปี 1950. [7] JAL บินไปฮ่องกงผ่านโอกินาวาโดยปี 1955 มี pared ลงเครือข่ายในประเทศไปยังโตเกียวโอซาก้า, ฟุกุโอกะและซัปโปโร. [16] 1958 โดยเส้นทางฮ่องกงได้รับการขยายไปยังกรุงเทพฯและสิงคโปร์. [17] ด้วย DC-7Cs JAL ก็สามารถที่จะบินตรงระหว่างแอตเทิลและโตเกียวในปี 1959 [18] ในปี 1960 สายการบินได้รับมอบเครื่องบินเจ็ทแรกของดักลาส DC-8 ชื่อฟูจิแนะนำบริการเจ็ทบนเส้นทางโตเกียวโฮโนลูลูซานฟรานซิ JAL ไปในการดำเนินงานของกองทัพเรือ 51 DC-8s ที่ออกตามวาระสุดท้ายของชนิดในปี 1987 ฟูจิบินจนถึงปี 1974 และจากนั้นก็ใช้เป็นแพลตฟอร์มการฝึกอบรมการบำรุงรักษาจนกระทั่งปี 1989 ส่วนจมูกของมันถูกเก็บไว้ที่สนามบินฮาเนดะและในที่สุดก็จะนำประชาชนมาแสดงที่พิพิธภัณฑ์ของ JAL Sky มีนาคม 2014 [19]
JAL ก็เริ่มบินไปซีแอตเติและฮ่องกงในปี 1960 ในตอนท้ายของ 1961 JAL ได้เที่ยวบิน transpolar จากโตเกียวไป ซีแอตเทิ, โคเปนเฮเกน, ลอนดอนและปารีสผ่านทางแองเคอลาสกาและไปยัง Los Angeles และ San Francisco ผ่านโฮโนลูลูฮาวาย. [20]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สายการบิน , นอกเหนือไป dc-3 ดักลาสดักลาส dc-6b , มาร์ติน 2-0-2s หยอดดักลาสดักลาส dc-7c dc-4 , และในช่วงยุค 50 [ 7 ] JAL จะบินไปฮ่องกงผ่านโอกินาวา โดยปี 1955 มี pared ลงเครือข่ายภายในประเทศของโตเกียว , โอซาก้า , ฟูกุโอกะ และซัปโปโร [ 16 ] โดยปี 1958 เส้นทางฮ่องกงมี ได้รับการขยายไปยังกรุงเทพฯและสิงคโปร์ [ 17 ] กับ dc-7cs JAL สามารถบินดุ๊กดิ๊กระหว่าง ซีแอตเทิล และ โตเกียว ในปี 1959 [ 18 ] ใน 2503 สายการบินรับส่งของเจ็ทครั้งแรก ดักลาส ดีซี - 8 ชื่อ ฟูจิ แนะนำบริการเจ็ทในโตเกียวโฮโนลูลูซานฟรานซิสโกเส้นทาง JAL ก็ใช้กองเรือของ 51 dc-8s เกษียณสุดท้ายของชนิดใน 1987 ฟูจิ บินจนถึง 1974 และถูกใช้เป็นบำรุงรักษาการฝึกอบรมแพลตฟอร์มจนกว่า 1989 ; ส่วนจมูกของมันถูกเก็บไว้ที่สนามบิน ฮาเนดะ และในที่สุดก็ใส่ในการแสดงที่พิพิธภัณฑ์ท้องฟ้าจาลมีนาคม 2014 [ 19 ]JAL ยังเริ่มบินไป Seattle และฮ่องกงในปี 1960 . ในตอนท้ายของ JAL 1961 มี transpolar เที่ยวบินจากโตเกียวไป Seattle , นิวยอร์ก , ลอนดอนและปารีสผ่าน Anchorage , Alaska และลอสแอนเจลิสและซานฟรานซิสโกผ่านฮาวาย [ 20 ]