University academic year to return

University academic year to return to old system
Back to old school year with school holidays in hottest time of year March, April & May, so students can escape classroom during hot period.

The academic year for university students is set to revert back to the old system, starting in June and ending in March.

The high temperatures in April and May are not suitable for attending classes, with the period more appropriate for holidays and tourism, according to the Assembly of Faculty Senate Chairs of Thailand (AFCT) which announced the change.

Under the current system, the first semester runs from August to December, and the second semester from January to May. Universities are closed from June to July. Under the old system which the AFCT wants to revive, the year runs from June to October and November to March.

CURRENT SYSTEM IN LINE WITH ASEAN

The current system has been in place for almost two years, but is now seen by most AFCT members as not suitable to Thailand's way of life, culture and climate.

The current system, which is in line with the rest of Asean.

STUDENTS & TEACHERS WANT OLD SYSTEM

The change followed a survey conducted by the assembly that showed 86.3% of AFCT educators and students disagreed with adopting the Asean study year for Thai universities, while only 13.6% agreed.

As a result, 38 Rajabhat universities and nine Rajamangala universities of technology will be allowed to switch their academic terms back to the old system.

The decision will be up to each university council.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มหาวิทยาลัยปีการศึกษาเพื่อกลับไประบบเก่ากลับไปโรงเรียนเก่าปีมีวันหยุดในเวลาที่ร้อนแรงที่สุดของปีมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม ดังนั้นนักเรียนสามารถหลบหนีห้องเรียนร้อนช่วงนี้ปีการศึกษาสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยไว้กลับไประบบเก่า เริ่มต้นในเดือนมิถุนายน และสิ้นสุดในเดือนมีนาคม อุณหภูมิในเดือนเมษายนและพฤษภาคมไม่เหมาะเข้าร่วมชั้นเรียน ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว และวันหยุดตามแอสเซมบลีของคณะวุฒิสภาเก้าอี้ของไทย (AFCT) ซึ่งได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงภายใต้ระบบ ภาคแรกทำจากสิงหาคมธันวาคม และภาคสองตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม มหาวิทยาลัยจะปิดตั้งแต่มิถุนายนถึงกรกฎาคม ภายใต้ระบบเก่าซึ่ง AFCT ต้องการฟื้นฟู ปีรันจากมิถุนายนถึงตุลาคมและพฤศจิกายน-มีนาคมระบบปัจจุบันสอดคล้องกับอาเซียนระบบปัจจุบันได้ที่เกือบสองปี แต่ตอนนี้เห็นสมาชิกที่มากที่สุด AFCT เป็นเหมาะสมกับประเทศไทยวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันระบบ ซึ่งสอดคล้องกับส่วนเหลือของอาเซียนนักเรียนและครูต้องระบบเก่า การเปลี่ยนแปลงตามการสำรวจ โดยแอสเซมบลีที่พบ 86.3% AFCT นักการศึกษา และนักเรียนมีความเห็น ด้วยนำมหาวิทยาลัยไทย ในขณะที่เพียง 13.6% ยอมรับในปีการศึกษาอาเซียนเป็นผล 38 มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยราชมงคลเก้าของเทคโนโลยีจะสามารถสลับเงื่อนไขทางวิชาการกลับไประบบเก่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภามหาวิทยาลัยแต่ละ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มหาวิทยาลัยปีการศึกษาเพื่อกลับไปยังระบบเดิม
กลับไปโรงเรียนปีเก่ากับวันหยุดของโรงเรียนในเวลาที่ร้อนที่สุดของปีเดือนมีนาคม, เมษายนและเดือนพฤษภาคมเพื่อให้นักเรียนสามารถหลบหนีในชั้นเรียนในช่วงเวลาที่ร้อน. ปีการศึกษาสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยมีการตั้งค่าที่จะเปลี่ยนกลับไปที่เก่า ระบบเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนและสิ้นสุดมีนาคม. อุณหภูมิสูงในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมจะไม่เหมาะสำหรับการเข้าร่วมชั้นเรียนกับช่วงเวลาที่เหมาะสมมากขึ้นสำหรับวันหยุดและการท่องเที่ยวตามที่การประชุมของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเก้าอี้แห่งประเทศไทย (AFCT) ซึ่งประกาศ การเปลี่ยนแปลง. ภายใต้ระบบปัจจุบันภาคการศึกษาแรกจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคมและภาคการศึกษาที่สองจากเดือนมกราคม มหาวิทยาลัยจะปิดตั้งแต่มิถุนายน-กรกฎาคม ภายใต้ระบบเก่าซึ่ง AFCT ต้องการที่จะฟื้นปีวิ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน-มีนาคม. ระบบปัจจุบันสอดคล้องกับอาเซียนระบบปัจจุบันได้รับในสถานที่เป็นเวลาเกือบสองปี แต่ตอนนี้เห็นโดยสมาชิก AFCT มากที่สุด ไม่เหมาะกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมและสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย. ระบบปัจจุบันซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับส่วนที่เหลือของอาเซียน. the นักเรียนและครูต้องการให้ระบบ OLD การเปลี่ยนแปลงตามการสำรวจโดยการชุมนุมแสดงให้เห็นว่า 86.3% ของการศึกษา AFCT และนักเรียน ไม่เห็นด้วยกับการนำปีการศึกษาอาเซียนสำหรับมหาวิทยาลัยของไทยขณะที่มีเพียง 13.6% เห็น. เป็นผลให้ 38 มหาวิทยาลัยราชภัฏเก้าและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจะได้รับอนุญาตให้สลับแง่วิชาการของพวกเขากลับไปยังระบบเก่า. การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับ แต่ละสภามหาวิทยาลัย