Moral: Growing up in a country that

Moral:
Growing up in a country that was occupied by an enemy, in wartime conditions, you learn several things very quickly. One is that you have to survive, not only survive as an individual, but survive as a family. Secondly, it gives you an appreciation for the temporary nature of life. In a chaotic situation there is no future; future is what comes the next day. And the third thing is that it makes you think about our history, the past. These three items, in my mind, are the central thoughts of Confucianism. Confucius travelled to different kingdoms. He was trying to convince the leaders of those little kingdoms that they should not with narrow vision just concentrate all their own wealth in a little city. He taught that one king ought to talk with his neighbour, not to fight him, but to reason with him. Confucius promoted the idea that people ought to get together to have an orderly society, to be devoted to the people so that everyone can have a better life. The essence of the teachings of Confucius is that there are things you must have in order for a stable, developing, flourishing civilized society to survive. These are called golden rules and it turns out that every major religion in the world has the same set of golden rules. One need not be a superbeing or supernatural being to know this. These are the unspoken rules or universal rules that each civilization at certain times will realize because they are fundamental. For example, you can't have a society where everybody kills everybody else and you can't have a society where everybody only does things for their own individual greed.
Formation:
Confucius knew that self-restraint is not easy; the human nature is not designed for self-restraint. So what Confucius was trying to do was to give people a sociological reason why they should have self-restraint. In other words, he says that you should not kill people because you are a member of society, and the person that you kill is also a member of society, and society belongs to all the people. It is not just your society; you are not the society, you are part of society, and the other person is also part of society. Therefore, you two should get together and stop killing each other. The end result is to achieve a stable, peaceful, harmonious society, while society is growing. Because Confucius believed that the tendency for doing the wrong thing is instinctive, and doing the right thing needs to be taught, he emphasized education. The purpose of education is to cultivate moral values in people's minds and to encourage people to do the right thing. Only through education can people in society learn to live with each other in peace and harmony and support and help each other for the benefit of all, creating social prosperity and happiness. The teachings of Confucius are embodied in the Four Books and Five Classics. The Four Books are the Great Learning, the Doctrine of Mean, the Analects, and Mencius.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คุณธรรม:
เติบโตขึ้นมาในประเทศที่ถูกครอบครองโดยศัตรูในสภาพสงครามที่คุณได้เรียนรู้หลายสิ่งอย่างรวดเร็ว หนึ่งคือการที่คุณมีเพื่อความอยู่รอดไม่เพียงอยู่รอดเป็นรายบุคคล แต่อยู่รอดเป็นครอบครัว ประการที่สองก็จะช่วยให้คุณชื่นชมธรรมชาติชั่วคราวของชีวิต อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายไม่มีอนาคตอนาคตคือสิ่งที่มาในวันถัดไปและสิ่งที่สามคือมันทำให้คุณคิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเราที่ผ่านมา ทั้งสามรายการในใจของฉันเป็นความคิดกลางของขงจื้อ ขงจื้อเดินทางไปยังสหราชอาณาจักรที่แตกต่างกัน เขาพยายามที่จะโน้มน้าวให้ผู้นำของราชอาณาจักรเล็ก ๆ เหล่านั้นที่พวกเขาไม่ควรจะมีวิสัยทัศน์ที่แคบเพียงแค่มีสมาธิความมั่งคั่งของตัวเองทั้งหมดของพวกเขาในเมืองเล็ก ๆเขาสอนว่าพระมหากษัตริย์ควรจะพูดคุยกับเพื่อนบ้านของเขาไม่ได้ที่จะต่อสู้กับเขา แต่เหตุผลกับเขา ลัทธิการส่งเสริมความคิดที่ว่าคนควรจะได้รับร่วมกันที่จะมีสังคมที่เป็นระเบียบที่จะทุ่มเทให้กับคนเพื่อให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น สาระสำคัญของคำสอนของขงจื้อเป็นว่ามีสิ่งที่คุณต้องมีอยู่เพื่อให้มีเสถียรภาพพัฒนาเฟื่องฟูสังคมอารยะที่จะอยู่รอด เหล่านี้เรียกว่ากฎทองและปรากฎว่าทุกศาสนาที่สำคัญในโลกมีชุดเดียวกันของกฎทอง หนึ่งไม่จำเป็นต้องเป็น superbeing หรือเป็นธรรมชาติที่จะรู้ว่านี้ เหล่านี้ไม่ได้พูดกฎหรือกฎระเบียบสากลที่แต่ละอารยธรรมในบางช่วงเวลาจะรู้เพราะพวกเขามีพื้นฐาน ตัวอย่างเช่นคุณไม่สามารถมีสังคมที่ทุกคนฆ่าคนอื่นและคุณไม่สามารถมีสังคมที่ทุกคนเพียง แต่สิ่งที่ความโลภของตัวเองแต่ละคนก่อ

ขงจื๊อรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นความยับยั้งชั่งใจง่ายธรรมชาติของมนุษย์ไม่ได้เป็น. ออกแบบมาสำหรับตนเองยับยั้งชั่งใจ ดังนั้นสิ่งที่ขงจื้อได้รับการพยายามที่จะทำคือการให้คนมีเหตุผลที่สังคมว่าทำไมพวกเขาควรจะมีความยับยั้งชั่งใจ ในคำอื่น ๆเขากล่าวว่าคุณไม่ควรจะฆ่าคนเพราะคุณเป็นสมาชิกของสังคมและคนที่คุณฆ่ายังเป็นสมาชิกของสังคมและสังคมเป็นของทุกคน มันไม่ได้เป็นเพียงสังคมของคุณคุณจะไม่สังคมคุณเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและคนอื่น ๆ ที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นคุณควรจะได้รับทั้งสองเข้าด้วยกันและหยุดการฆ่ากันผลลัพธ์ที่ได้คือการประสบความสำเร็จที่มั่นคงสงบสังคมกลมกลืนในขณะที่สังคมมีการเติบโต เพราะขงจื๊อเชื่อว่าแนวโน้มสำหรับการทำสิ่งที่ผิดเป็นสัญชาตญาณและการทำสิ่งที่ถูกต้องจะต้องสอนเขาเน้นการศึกษา วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมในจิตใจของผู้คนและเพื่อส่งเสริมให้คนที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเพียง แต่ผ่านการศึกษาคนในสังคมสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขและความสามัคคีและให้การสนับสนุนและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ของทุกคนการสร้างความเจริญทางสังคมและมีความสุข คำสอนของขงจื้อจะเป็นตัวเป็นตนในหนังสือสี่และห้าคลาสสิก สี่เล่มเป็นการเรียนรู้ที่ดีของศาสนาเฉลี่ยที่ ANALECTS และ Mencius

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คุณธรรม:
เติบโตขึ้นในประเทศที่ถูกครอบครอง โดยศัตรู ในความโหดร้าย คุณเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งคือคุณจำเป็นต้องอยู่รอด ไม่เพียงอยู่รอดเป็นบุคคล แต่อยู่รอดได้ทั้งครอบครัว ประการที่สอง มันทำให้คุณได้ชื่นชมในธรรมชาติชั่วชีวิต ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย มีอนาคตไม่ อนาคตเป็นสิ่งที่มาในวันถัดไป และสิ่งสามคือการ ที่มันทำให้คุณคิดว่า เกี่ยวกับประวัติ ผ่านมา สินค้าสาม ในความคิด ความคิดกลางของ Confucianism ได้ ลัทธิขงจื้อเดินทางไปอาณาจักรต่าง ๆ เขาพยายามที่จะโน้มน้าวให้ผู้นำของอาณาจักรเล็ก ๆ เหล่านั้นที่พวกเขาควร มีวิสัยทัศน์แคบไม่เพียงมุ่งตนมั่งคั่งทั้งหมดในเมืองน้อย เขาสอนกษัตริย์องค์หนึ่งนั้นควรจะพูดคุยกับเพื่อนบ้านของเขา ไม่สู้ แต่เหตุผลกับเขา ความคิดคนที่ควรจะได้รับร่วมกันในการส่งเสริมลัทธิขงจื้อมีสังคมเป็นระเบียบ การทุ่มเทเพื่อประชาชนเพื่อให้ทุกคนสามารถมีชีวิตดีขึ้น สาระสำคัญของคำสอนของขงจื้อคือ ว่า มีสิ่งที่คุณต้องการในใบสั่งอย่างคุ่มค้า พัฒนา เฟื่องฟูอารยสังคมเพื่อความอยู่รอด เหล่านี้เรียกว่ากฎทอง และมันเปิดออกว่า ทุกศาสนามีหลักในโลกมีกฎทองชุดเดียวกัน หนึ่งไม่จำเป็น superbeing หรือเหนือธรรมชาติที่รู้นี้ นี่คือกฎ unspoken หรือกฎสากลที่แต่ละอารยธรรมบางครั้งจะทราบเพราะเป็นพื้นฐาน ตัวอย่าง คุณไม่สามารถมีสังคมที่ทุกคนฆ่าทุกคนอื่น และคุณไม่มีสังคมที่ทุกคนเฉพาะไม่สิ่งสำหรับตนเองละความโลภได้
ผู้แต่ง:
ลัทธิขงจื้อรู้ว่าความอดกลั้นไม่ง่าย ธรรมชาติมนุษย์ไม่ได้รับการออกแบบสำหรับความอดกลั้น ดังนั้น สิ่งที่ลัทธิขงจื้อถูกพยายามทำได้ให้คนเหตุผลสังคมวิทยาทำไมควรมีความอดกลั้น ในคำอื่น ๆ เขาบอกว่า คุณควรไม่ฆ่าคนเนื่องจากคุณเป็นสมาชิกของสังคม และคนที่คุณฆ่ายังเป็นสมาชิกของสังคม และสังคมของประชาชนทุกคน มันไม่ใช่แค่สังคมของคุณ คุณไม่ได้สังคม คุณเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และคนอื่น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้น คุณสองควรกัน และหยุดฆ่ากัน ผลลัพธ์สุดท้ายคือเพื่อ ให้สังคมมีเสถียรภาพ เงียบสงบ ความสามัคคี ในขณะที่สังคมมีการเติบโต เนื่องจากลัทธิขงจื้อเชื่อว่า แนวโน้มในการทำสิ่งผิดเป็นภาวะบอบบาง และเขาทำในสิ่งถูกต้องสอน เน้นการศึกษา วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ การปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมในจิตใจของประชาชน และ เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านทำในสิ่งที่ดี ผ่านการศึกษาเฉพาะ สามารถคนในสังคมเรียนอยู่ ด้วยกันรักสามัคคี และสนับสนุน และช่วยเหลือกันเพื่อประโยชน์ของทั้งหมด สร้างความสุขและความเจริญทางสังคม คำสอนของลัทธิขงจื้อได้รวบรวมไว้ในเล่มสี่และห้าคลาสสิก 4 เล่ม เรียนดี การสอนของหมาย Analects และ Mencius

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทางศีลธรรม:
เติบโตขึ้นในประเทศที่เป็นศัตรูที่อยู่ในบริเวณโดยอยู่ใน สภาพ สงครามคุณจะได้เรียนรู้หลายสิ่งได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือว่าคุณต้องอยู่รอดได้ไม่ได้อยู่รอดได้เป็นรายบุคคลแต่จะอยู่รอดได้ในครอบครัว ประการที่สองมันจะช่วยให้ท่านได้เพลิดเพลินใจให้กับธรรมชาติชั่วคราวที่มีอายุการใช้งาน ในสถานการณ์วุ่นวายที่ไม่มีอนาคตในอนาคตคือสิ่งที่มาพร้อมกับในวันถัดไปและเรื่องที่สามคือการที่จะทำให้คุณคิดว่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเราที่ผ่านมา สามรายการเหล่านี้ในใจของผมมีความคิดอยู่ในบริเวณศูนย์กลางของลัทธิคำสอนของขงจื้อ ขงจื้อออกเดินทางไปยังราชอาณาจักรแตกต่างกัน เขาพยายามโน้มน้าวให้ผู้นำของอาณาจักรน้อยผู้ที่ไม่ควรมีวิสัยทัศน์แคบๆเน้นความมั่งคั่งของตนทั้งหมดในเมืองขนาดเล็กที่อยู่เขาสอนว่าหนึ่งกษัตริย์ควรจะไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านของเขาไม่ได้ในการต่อสู้กับเขาแต่ด้วยเหตุผลกับเขา ขงจื้อได้รับการส่งเสริมการลงทุนความคิดที่ว่าประชาชนควรจะได้รับร่วมกันเพื่อจะมีสังคมมีระเบียบที่จะทุ่มเทให้กับบุคคลที่ให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น สาระสำคัญของพระพุทธศาสนาของขงจื้อนั่นคือมีสิ่งที่คุณจะต้องมีในการสั่งซื้อสำหรับการพัฒนาที่มี เสถียรภาพกำลังเบ่งบานสังคมอารยะเพื่อความอยู่รอด เหล่านี้คือกฎสีทองเรียกว่าและจะเปิดออกมาที่สำคัญทุกศาสนาในโลกที่จะมีชุดเดียวที่กฎระเบียบของสีทอง หนึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นผีตาโขนหรือ superbeing ที่เป็นไปเพื่อทราบเรื่องนี้ เหล่านี้คือกฎไม่ได้พูดหรือกฎระเบียบสากลที่อารยธรรมแต่ละครั้งที่บางครั้งจะได้ทำความเข้าใจเพราะเขามีพื้นฐาน ตัวอย่างเช่นคุณไม่สามารถที่จะมีสังคมที่ทุกคนฆ่าคนอื่นๆและคุณไม่สามารถที่จะมีสังคมที่ทุกคนเท่านั้นจะเป็นสำหรับความ โลภ ของตนเองได้.
การก่อตัวขึ้นมาคือ Confucius :
รู้ดีว่าตัวเอง - ช่วยยับยั้งไม่ได้ง่ายอย่างธรรมชาติของมนุษย์ไม่ได้รับการออกแบบในแบบบริการตัวเอง - ช่วยยับยั้ง ดังนั้นสิ่งที่วัด Confucius ก็พยายามที่จะทำได้คือการทำให้ผู้คนด้วยเหตุผลทางสังคมวิทยาที่ว่าเหตุใดพวกเขาจึงควรจะมีข้อห้าม ในคำอื่นๆเขาบอกว่าที่คุณไม่ควรฆ่าคนเนื่องจากการเป็นสมาชิกของคุณของสังคมและบุคคลที่คุณฆ่าคือนอกจากนั้นยังเป็นสมาชิกของสังคมและสังคมเป็นของประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่เพียงทางสังคมของคุณคุณจะอยู่ไม่ได้สังคมที่คุณเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและคนอื่นๆที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นคุณสองคนจะมารวมตัวกันและหยุดการฆ่ากันผลลัพธ์ที่ได้คือการสร้างสังคมที่มี เสถียรภาพ และความกลมกลืนกับอันเงียบสงบในขณะที่สังคมจะมีการเติบโต เพราะวัด Confucius เชื่อว่าแนวโน้มที่สำหรับการทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นไปตามสัญชาตญาณการทำในสิ่งที่ถูกต้องจะต้องสอนเขาเน้นการศึกษา วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการเพาะปลูกคุณค่าทางศีลธรรมในจิตใจของผู้คนและเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องเฉพาะผ่านทางการศึกษาผู้คนในสังคมสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและการสนับสนุนและความช่วยเหลืออื่นๆแต่ละคนเพื่อประโยชน์ของทุกการสร้างความมั่งคั่งทางสังคมและความสุข คำสอนของขงจื้อจะปรากฏในสี่,ห้าแบบคลาสสิกและหนังสือ สี่หนังสือที่มีการเรียนการสอนที่หลักการหมายถึงคัดจากหนังสือกวีนิพนธ์และเม่งจื้อ