A major environmental threat that p

A major environmental threat that palm oil production faces is the destruction of rainforests (source for palm oil) in Indonesia and Malaysia (according to reports deforestation accounted for a minimum of 8 million hectares of forest land in Indonesia[7]). This deforestation has also resulted in serious threat to endangered species such as Borneo pygmy elephants, Sumatran elephants, Sumatran tigers, Sumatran rhinoceroses, and both species of orangutan which live in these forests. Also reported are human rights abuse in the form of using child labour and "debt bondage" in the plantations of Borneo and Sumatra.[6] According to a Greenpeace report palm oil production contributed deforestation of 25% of forest land in Indonesia during the period 2009 -2011, which has proved to be a serious threat to the habitat of the orangutan, the Sumatran elephant, and the Sumatran tiger which are for critically endangered species.[5][clarification needed]

In Kalimantan, deforestation for oil palm plantation development is said to endanger the living space of indigenous tribes and orangutans.[11][12]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่ใบหน้าผลิตน้ำมันปาล์มเป็นการทำลายป่า (แหล่งน้ำมันปาล์ม) ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย (ตามรายงานการทำลายป่าลงอย่างน้อย 8 ล้านไร่ที่ดินป่าใน Indonesia[7]) ตัดไม้ทำลายป่านี้มียังมีผลคุกคามร้ายแรงสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เช่นช้างแคระบอร์เนียว สุมาตราช้าง เสือสุมาตรา แรดสุมาตรา และทั้งสองสายพันธุ์ของอุรังอุตังซึ่งอาศัยอยู่ในป่าเหล่านี้ รายงานยัง มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบของการใช้แรงงานเด็ก และ "หนี้ทาส" ในสวนของเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา [6] ตามไปกับการแปลงรายงานน้ำมันปาล์มผลิตส่วนทำลาย 25% ของที่ดินป่าอินโดนีเซียช่วง 2009-2011 ซึ่งได้พิสูจน์ให้เป็นอยู่อาศัยของอุรังอุตัง ช้างสุมาตรา และเสือสุมาตราซึ่งสำหรับพันธุ์ถึงภัยคุกคามร้ายแรง [5] [ชี้แจงจำเป็น]ในกาลิมันตัน ทำลายการพัฒนาสวนปาล์มน้ำมันมีกล่าวถึงเป็นอันตรายต่อพื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองและลิงอุรังอุตัง [11] [12]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ใบหน้าของการผลิตน้ำมันปาล์มคือการทำลายป่าฝนเขตร้อน (แหล่งที่มาสำหรับน้ำมันปาล์ม) ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย (ตามรายงานตัดไม้ทำลายป่าเป็นสัดส่วนน้อย 8 ล้านไร่ที่ดินป่าในประเทศอินโดนีเซีย [7]) ตัดไม้ทำลายป่านอกจากนี้ยังมีผลในภัยคุกคามร้ายแรงต่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เช่นช้างแคระบอร์เนียวช้างสุมาตราเสือสุมาตราแรดสุมาตราและทั้งสองสายพันธุ์ของลิงอุรังอุตังที่มีชีวิตอยู่ในป่าเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบของการใช้แรงงานเด็กและ "หนี้" ในสวนของเกาะบอร์เนียวและสุมาตราได้. [6] ตามการผลิตน้ำมันรายงานปาล์มกรีนพีซมีส่วนตัดไม้ทำลายป่าของ 25% ของพื้นที่ป่าไม้ในอินโดนีเซียในช่วงระยะเวลา 2009 -2011 ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อที่อยู่อาศัยของลิงอุรังอุตังช้างสุมาตราและเสือสุมาตราซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งได้. [5] [ต้องการชี้แจง] ในกาลิมันตันตัดไม้ทำลายป่าเพื่อการพัฒนาปาล์มน้ำมัน มีการกล่าวถึงเป็นอันตรายต่อพื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองและอุรังอุตัง. [11] [12]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สาขาสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อการผลิตน้ำมันปาล์มใบหน้าถูกทำลายป่าฝน ( แหล่งที่มาสำหรับน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ( ตามรายงานการตัดไม้ทำลายป่าเป็นอย่างน้อย 8 ล้านไร่ที่ดินป่าไม้ในอินโดนีเซีย [ 7 ] ) การตัดไม้ทำลายป่านี้ยังก่อให้เกิดการคุกคามสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เช่นคนแคระช้างสุมาตราบอร์เนียว , สุมาตราเสือช้างสุมาตราลิงอุรังอุตังเรช และทั้ง 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ในป่าเหล่านี้ รายงานยังได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบของการใช้แรงงานเด็ก และ " หนี้ทาส " ในสวนป่าของเกาะบอร์เนียวและสุมาตรา [ 6 ] ตามรายงานของกรีนพีซ ปาล์ม การผลิตน้ำมัน ส่วนการตัดไม้ทำลายป่าของ 25% ของพื้นที่ป่าในอินโดนีเซียในช่วงปี 2009 - 2011 ซึ่งได้พิสูจน์ว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงกับถิ่นอาศัยของช้างสุมาตราอุรังอุตัง และปาเลมบัง ไทเกอร์ ซึ่งเป็นวิกฤตที่ใกล้สูญพันธุ์ [ 5 ] [ ชี้แจงจำเป็น ]ในกาลิมันตัน , การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน จึงทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองและลิงอุรังอุตัง . [ 11 ] [ 12 ]