The first part of this equation is

The first part of this equation is the Rayleigh scattering
(only the frequency of incident light v0 is used). The
second part of (7) represents the Raman scattering, its
Stokes part (v0 – vvib) and anti-Stokes part (v0 + vvib)
respectively – see Fig. 4 and 5. From the second part of (7)
it is obvious that the existence of the Raman scattering
depends on the change of the polarisability ∂α with change
of the distance ∂r.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ส่วนแรกของสมการนี้เป็นแบบ Rayleigh scattering(ความถี่ของแสง v0 เหตุการณ์ไว้) ที่ส่วนที่สอง (7) แทนรามันโปรย ของสโตกส์ (v0 – vvib) ส่วนหนึ่ง และส่วนที่ป้องกันสโตกส์ (v0 + vvib)ตามลำดับ – ดู Fig. 4 และ 5 จากส่วนสอง (7)เป็นที่ชัดเจนที่มีอยู่ของรามัน scatteringขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของ polarisability ∂αด้วยการเปลี่ยนแปลงของ ∂r จากนั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ส่วนแรกของสมการนี้เป็นกระเจิงเรย์ลี
(เฉพาะความถี่ของแสงที่ตกกระทบ v0 ถูกนำมาใช้)
ส่วนที่สองของ (7) หมายถึงการกระเจิงรามันของ
ส่วนสโต๊ค (v0 - vvib) และ anti-Stokes ส่วน (v0 + vvib)
ตามลำดับ - ดูรูป 4 และ 5 จากส่วนที่สองของ (7)
เป็นที่ชัดเจนว่าการดำรงอยู่ของการกระเจิงรามัน
ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของ∂α polarisability กับการเปลี่ยนแปลง
ของ∂rระยะ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ส่วนแรกของสมการนี้คือ เรย์ลีกระจัดกระจาย
( เฉพาะความถี่ของแสงเหตุการณ์การผลิใช้ )
ส่วนที่สอง ( 7 ) แสดงถึงรามันกระจัดกระจายของ
สโตส่วนหนึ่ง ( การผลิ– vvib ) และต่อต้านสโตส่วนหนึ่ง ( การผลิ vvib )
) –ดูรูปที่ 4 และ 5 จากส่วนที่สอง ( 7 )
มันชัดเจนว่า การมีอยู่ของรามันกระจัดกระจาย
ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของ polarisability ∂αกับการเปลี่ยนแปลงของระยะทาง ∂
R