นิยามและลักษณะของอาชีพ
อาชีพ"แพทย์" หรือ "หมอ" เป็นอาชีพที่ทุกคนรู้จักกันดี และหลายๆ คนก็มีความฝันที่อยากจะเป็น "หมอ" กว่าที่จะเป็นหมอได้นั้นก็ไม่ใช่ของง่าย หรือว่ายากเกินความสามารถของเรา แต่ที่ยากก็คือ "ทำอย่างไรจึงจะเป็นหมอที่ดีได้" มากกว่า
ลักษณะอาชีพแพทย์
คือ ผู้ให้บริการทางการแพทย์และอนามัยแก่ชุมชน เพื่อบำบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพและป้องกันโรคทั่วๆไปได้โดยถูกต้องเหมาะสมด้วยการวินิจฉัยโรคสั่งยา และให้การรักษาทางอายุรกรรม และศัลยกรรมในความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ซึ่งอาชีพแพทย์สามารถแบ่งสาขาเป็นแพทย์เฉพาะทาง อาทิเช่น แพทย์ทั่วไป (Physician) - ศัลยแพทย์ (Surgeon) - จักษุแพทย์(Ophthalmologist)จิตแพทย์ (Psychiatrist)วิสัญญีแพทย์ (Anesthetist)
สภาพการจ้างงาน และการทำงาน
ผู้ประกอบอาชีพนี้ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาสำเร็จการศึกษาวิชาการแพทย์ซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมีอัตราเงินเดือน ดังนี้
วุฒิการศึกษา
ปริญญาตรี
ปริญญาโท
ปริญญาเอก
ราชการ
8,190
9,500-10,500
15,000-16,000
รัฐวิสาหกิจ
9,040
10,500-12,000
23,000-24,500
เอกชน
10,600
21,000-22,000
28,000-30,000
โดยทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจต้องมาทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด จะต้องมีการจัดเวรอยู่ประจำโรงพยาบาล นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลตอบแทนในรูปอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์สามารถประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยรายได้ที่ได้รับขึ้นอยู่กับความสามารถ และความอุตสาหะ
ผู้ประกอบอาชีพแพทย์จะปฏิบัติงานในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล โดยตรวจคนไข้ในที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกวันและต้องตรวจคนไข้นอกที่เข้ามารับการรักษา อาจถูกเรียกตัวได้ทุกเวลาเพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงที ต้องพร้อมเสมอที่จะสละเวลาเพื่อรักษาคนไข้ ในที่ทำงานก็จะพบเห็น คนเจ็บ คนป่วยและคนตาย แพทย์จึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะหากมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อสิ่งที่ได้พบเห็นจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานได้
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาทางสาขาวิชาแพทย์ศาสตร์
2. ขยันสนใจในการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี
3. มีสุขภาพสมบูรณ์ ทั้งร่างกาย และจิตใจไม่พิการหรือทุพพลภาพ ปราศจากโรค
4. สามารถอุทิศตนยอมเสียสละเวลา และความสุขส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนจากการ เจ็บป่วย มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วย มีความเมตตา และมีความรักในเพื่อนมนุษย์มีความเสียสละที่จะเดินทางไปรักษาพยาบาลผู้คนในชุมชนทั่วประเทศ
5. มีมารยาทดี สามารถเข้ากับบุคคลอื่นได้ทุกระดับมีความอดทน อดกลั้น และมีความกล้าหาญ
6. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตน มีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ ไม่ใช้ความรู้ทางวิชาการของตนไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่น
แนวทางในการศึกษา
ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรสำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าและสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาคือวิสามัญ 1 คณิตศาสตร์ กข. เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ กข. และความถนัดทางการแพทย์ หรือเคยช่วยปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของรัฐครบตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ ประมาณ อย่างน้อย 10 วัน ตลอดจนการสอบสัมภาษณ์และการตรวจร่างกาย เมื่อผ่านการทดสอบจึงมีสิทธิเข้าศึกษาแพทย์โดยมีสถาบันที่เปิดสอนวิชาการแพทย์ระดับปริญญาหลายแห่งในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ผู้ที่จะเรียนแพทย์จะต้องมีฐานะทางการเงินพอสมควร เพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนวิชาแพทย์ค่อนข้างสูงและใช้เวลานานกว่าการเรียนวิชาชีพอื่นๆ รวมทั้งต้องเสียค่าบำรุงการศึกษา ค่าตำราวิชาการแพทย์และ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ (ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทเศษต่อคน)
หลักสูตรวิชาการแพทย์ระดับปริญญาตรีตามปกติใช้เวลาเรียน 6 ปี ในสองปีหลักสูตร การเรียนจะเน้นหนักด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่เป็นพื้นฐานสำคัญ ต่อจากนั้นจึงเรียนต่อวิชาการแพทย์โดยเฉพาะอีก 4 ปี เมื่อสำเร็จได้รับใบอนุญาตประกอบเวชกรรมของแพทยสภา มีสิทธิประกอบอาชีพแพทย์ได้ตามกฎหมาย โดยมีโอกาสเลือกสายงานได้ดังนี้1. เป็นแพทย์ฝ่ายรักษา2. เป็นแพทย์ฝ่ายวิจัย
ข้อดี ข้อเสียของอาชีพแพทย์
ข้อดี
-โลกทัศน์กว้างเพราะได้พบปะพูดคุยกับคนหลายอาชีพ (คล้ายคนขับ Taxi ยังไงไม่รู้แฮะ)
-งานที่ทำมี 'คุณค่า' ในตัวของมันเอง คือได้ช่วยเหลือผู้ป่วย
-'ท้าทาย' มีปริศนาใหม่มาให้ขบคิดทุกวัน ว่าผู้ป่วยไม่สบายเพราะอะไร จะ 'สืบ' ยังไงถึงจะรู้ (คนแต่งเรื่องนักสืบเชอร์ลอค โฮล์ม เป็นหมอด้วยนะ จะบอกให้)
-เป็นที่พึ่งแก่ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงรวมไปถึงญาติของเพื่อนฝูงยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย
-เห็นสัจธรรม 'กับตา' ตัวเองว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดาจริงๆ มันเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวัน ไม่มีวันหยุด และไม่เลือกเวลา
-ทดแทนคุณพ่อแม่ โดยทำให้ท่านมีความสุข เพราะท่านจะภูมิใจที่มีลูกเป็นแพทย์ แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าภูมิใจอะไรนักหนา (อันนี้ยกเว้นพ่อแม่ที่เป็นหมอ หรือที่เป็นใหญ่เป็นโตในสาขาต่างๆ)
-ไปทำอาชีพอื่นเล่นๆแก้เซ็งได้ เกือบทุกอาชีพ: เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักธุรกิจ เป็นนักลงทุน(เล่นหุ้น) เป็นนักเขียน เป็นนักร้อง เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ เป็นกัปตันขับเครื่องบิน เป็นนักเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นส.ส. เป็นส.ว. เป็นรัฐมนตรี หรือแม้แต่ผู้นำประเทศ ฯลฯ (มีตัวตนจริงๆทั้งนั้น) แต่คนอาชีพอื่นมาเป็นแพทย์ไม่ได้
-ถ้าเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ไม่ต้องใช้ 'นาง' นำหน้า ใช้ 'แพทย์หญิง' แทน
ข้อเสีย
-เรียนนาน
-งานหนัก (เป็นส่วนใหญ่)
-รักคุด (ไม่ค่อยมีเวลา, ถูกแฟนทิ้งกันบ่อยๆ)
-สุดเลอะ (เสี่ยงต่อการสัมผัสเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ เสมหะ และ 'อ้วก' ของผู้ป่วย)
นิยามและลักษณะของอาชีพอาชีพ "แพทย์" หรือ "หมอ" เป็นอาชีพที่ทุกคนรู้จักกันดีและหลาย ๆ คนก็มีความฝันที่อยากจะเป็น "หมอ" กว่าที่จะเป็นหมอได้นั้นก็ไม่ใช่ของง่ายหรือว่ายากเกินความสามารถของเราแต่ที่ยากก็คือ "ทำอย่างไรจึงจะเป็นหมอที่ดีได้" มากกว่า ลักษณะอาชีพแพทย์คือผู้ให้บริการทางการแพทย์และอนามัยแก่ชุมชนเพื่อบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพและป้องกันโรคทั่วๆไปได้โดยถูกต้องเหมาะสมด้วยการวินิจฉัยโรคสั่งยาและให้การรักษาทางอายุรกรรมและศัลยกรรมในความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจของมนุษย์ซึ่งอาชีพแพทย์สามารถแบ่งสาขาเป็นแพทย์เฉพาะทางอาทิเช่นแพทย์ทั่วไป (แพทย์) - ศัลยแพทย์ (ศัลยแพทย์) - จักษุแพทย์ (จักษุแพทย์) จิตแพทย์ (จิตแพทย์) วิสัญญีแพทย์ (Anesthetist)สภาพการจ้างงานและการทำงาน ผู้ประกอบอาชีพนี้ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาสำเร็จการศึกษาวิชาการแพทย์ซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมีอัตราเงินเดือนดังนี้วุฒิการศึกษาปริญญาตรีปริญญาโทปริญญาเอกราชการ8,1909,500-10,50015,000-16,000รัฐวิสาหกิจ9,04010,500-12,00023,000-24,500เอกชน10,60021,000-22,00028,000-30,000 โดยทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมงอาจต้องมาทำงานวันเสาร์วันอาทิตย์และวันหยุดจะต้องมีการจัดเวรอยู่ประจำโรงพยาบาลนอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลตอบแทนในรูปอื่นเช่นค่ารักษาพยาบาลเงินสะสมเงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่าง ๆ เงินโบนัสเป็นต้นสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์สามารถประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยรายได้ที่ได้รับขึ้นอยู่กับความสามารถและความอุตสาหะ ผู้ประกอบอาชีพแพทย์จะปฏิบัติงานในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลโดยตรวจคนไข้ในที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกวันและต้องตรวจคนไข้นอกที่เข้ามารับการรักษาอาจถูกเรียกตัวได้ทุกเวลาเพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงทีต้องพร้อมเสมอที่จะสละเวลาเพื่อรักษาคนไข้ในที่ทำงานก็จะพบเห็นคนเจ็บคนป่วยและคนตายแพทย์จึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเพราะหากมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อสิ่งที่ได้พบเห็นจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานได้ คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ1. สำเร็จการศึกษาทางสาขาวิชาแพทย์ศาสตร์ 2. ขยันสนใจในการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาการแพทย์วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี 3. มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจไม่พิการหรือทุพพลภาพปราศจากโรค 4. สามารถอุทิศตนยอมเสียสละเวลาและความสุขส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนจากการเจ็บป่วยมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วยมีความเมตตาและมีความรักในเพื่อนมนุษย์มีความเสียสละที่จะเดินทางไปรักษาพยาบาลผู้คนในชุมชนทั่วประเทศ5. มีมารยาทดีสามารถเข้ากับบุคคลอื่นได้ทุกระดับมีความอดทนอดกลั้นและมีความกล้าหาญ6. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตนมีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ไม่ใช้ความรู้ทางวิชาการของตนไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่น แนวทางในการศึกษา ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรสำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าและสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาคือวิสามัญ 1 คณิตศาสตร์ กข. เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ กข. และความถนัดทางการแพทย์ หรือเคยช่วยปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของรัฐครบตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ ประมาณ อย่างน้อย 10 วัน ตลอดจนการสอบสัมภาษณ์และการตรวจร่างกาย เมื่อผ่านการทดสอบจึงมีสิทธิเข้าศึกษาแพทย์โดยมีสถาบันที่เปิดสอนวิชาการแพทย์ระดับปริญญาหลายแห่งในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ผู้ที่จะเรียนแพทย์จะต้องมีฐานะทางการเงินพอสมควร เพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนวิชาแพทย์ค่อนข้างสูงและใช้เวลานานกว่าการเรียนวิชาชีพอื่นๆ รวมทั้งต้องเสียค่าบำรุงการศึกษา ค่าตำราวิชาการแพทย์และ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ (ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทเศษต่อคน) หลักสูตรวิชาการแพทย์ระดับปริญญาตรีตามปกติใช้เวลาเรียน 6 ปีในสองปีหลักสูตรการเรียนจะเน้นหนักด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่เป็นพื้นฐานสำคัญต่อจากนั้นจึงเรียนต่อวิชาการแพทย์โดยเฉพาะอีก 4 ปีเมื่อสำเร็จได้รับใบอนุญาตประกอบเวชกรรมของแพทยสภามีสิทธิประกอบอาชีพแพทย์ได้ตามกฎหมาย โดยมีโอกาสเลือกสายงานได้ดังนี้1 เป็นแพทย์ฝ่ายรักษา2 เป็นแพทย์ฝ่ายวิจัย ข้อดีข้อเสียของอาชีพแพทย์ ข้อดี-โลกทัศน์กว้างเพราะได้พบปะพูดคุยกับคนหลายอาชีพ (คล้ายคนขับแท็กซี่ยังไงไม่รู้แฮะ)-งานที่ทำมี 'คุณค่า' ในตัวของมันเองคือได้ช่วยเหลือผู้ป่วย- 'ท้าทาย' มีปริศนาใหม่มาให้ขบคิดทุกวันว่าผู้ป่วยไม่สบายเพราะอะไรจะ 'สืบ' ยังไงถึงจะรู้ (คนแต่งเรื่องนักสืบเชอร์ลอคโฮล์มเป็นหมอด้วยนะจะบอกให้)และเพื่อนฝูงรวมไปถึงญาติของเพื่อนฝูงยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย - เป็นที่พึ่งแก่ญาติพี่น้อง -เห็นสัจธรรม 'กับตา' ตัวเองว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดาจริง ๆ มันเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวันไม่มีวันหยุดและไม่เลือกเวลา-ทดแทนคุณพ่อแม่โดยทำให้ท่านมีความสุขเพราะท่านจะภูมิใจที่มีลูกเป็นแพทย์แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าภูมิใจอะไรนักหนา (อันนี้ยกเว้นพ่อแม่ที่เป็นหมอหรือที่เป็นใหญ่เป็นโตในสาขาต่าง ๆ) เกือบทุกอาชีพ - ไปทำอาชีพอื่นเล่นๆแก้เซ็งได้: เป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นนักธุรกิจเป็นนักลงทุน(เล่นหุ้น)เป็นนักเขียนเป็นนักร้องเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์เป็นกัปตันขับเครื่องบินเป็นนักเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นส.ส เป็นส.ว. เป็นรัฐมนตรีหรือแม้แต่ผู้นำประเทศฯลฯ (มีตัวตนจริงๆทั้งนั้น) แต่คนอาชีพอื่นมาเป็นแพทย์ไม่ได้-ถ้าเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ไม่ต้องใช้ 'นาง' นำหน้าใช้ 'แพทย์หญิง' แทน ข้อเสีย-เรียนนาน-งานหนัก (เป็นส่วนใหญ่)-รักคุด (ไม่ค่อยมีเวลา ถูกแฟนทิ้งกันบ่อย ๆ)-สุดเลอะ (เสี่ยงต่อการสัมผัสเลือดปัสสาวะอุจจาระเสมหะและ 'อ้วก' ของผู้ป่วย)
การแปล กรุณารอสักครู่..
นิยามและลักษณะของอาชีพ
อาชีพ "แพทย์" หรือ "หมอ" เป็นอาชีพที่ทุกคนรู้จักกันดี และหลาย ๆ คนก็มีความฝันที่อยากจะเป็น "หมอ" กว่าที่จะเป็นหมอได้นั้นก็ ไม่ใช่ของง่ายหรือว่ายากเกิน ความสามารถของเรา แต่ที่ยากก็ คือ "ทำอย่างไรจึงจะเป็นหมอที่ดี ได้ " มากกว่าลักษณะอาชีพแพทย์คือคุณผู้ให้บริการทางการแพทย์และอนามัยแก่ชุมชนเพื่อบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพและป้องกันโรคทั่วๆไปได้โดยถูกคุณต้องเหมาะสมด้วย การวินิจฉัยโรคสั่งยาและให้การ รักษาทางอายุรกรรมและศัลยกรรมในความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจของมนุษย์ซึ่งอาชีพแพทย์สามารถแบ่งสาขาเป็นแพทย์เฉพาะทางอาทิเช่นแพทย์ทั่วไป (แพทย์) - ศัลยแพทย์ (ศัลยแพทย์) - จักษุแพทย์ (จักษุแพทย์) จิตแพทย์ (จิตแพทย์) วิสัญญีแพทย์ (วิสัญญีแพทย์) สภาพหัวเรื่อง: การจ้างเป็นงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายและหัวเรื่อง: การทำงานคุณผู้ประกอบอาชีพนี้ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นสำเร็จหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นวิชาการแพทย์ซึ่งไม่มีประสบการณ์ในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การทำงานมีอัตราสมัครเงินเดือนดังนี้วุฒิ ศึกษาเป็นหัวเรื่อง: การสูงสุดปริญญาตรีวุฒิการสูงสุดปริญญาโทสูงสุดปริญญาคุณเอกราชการเป็น8,190 9,500-10,500 15,000-16,000 รัฐวิสาหกิจ9040 10,500-12,000 23,000-24,500 เอกชน10,600 21,000-22,000 28,000-30,000 โดยทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมงอาจต้องมาทำงานวันเสาร์วัน อาทิตย์และวันหยุดจะ ต้องมีการจัดเวรอยู่ประจำโรง พยาบาลนอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลตอบแทนในรูปอื่นเช่นค่ารักษาพยาบาลเงินสะสมเงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆเงินโบนัสเป็นต้นสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษา วิชาแพทย์ด้านประกอบธุรกิจส่วนตัวเป็นโดยรายได้ที่ได้รับขึ้นขณะนี้กับความสามารถด้านและความสามารถอุตสาหะคุณผู้ประกอบอาชีพแพทย์จะปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายในห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงพยาบาลความหรือสถานพยาบาลความโดยตรวจคนไข้ในที่ขณะนี้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดความสามารถรับผิดชอบทุกการธนาคารวันและคุณต้องตรวจคนไข้นอกที่เข้ามา รับการรักษาอาจถูกเรียกตัวได้ ทุกเวลาเพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงทีต้องพร้อมเสมอที่จะสละเวลาเพื่อรักษาคนไข้ในที่ทำงานก็จะพบเห็นคนเจ็บคนป่วยและคนตายแพทย์จึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเพราะหากมีจิตใจ อ่อนไหวต่อที่สิ่งที่ได้พบเห็นจะมีผลกระทบต่อหัวเรื่อง: การปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายได้คุณสมบัติของคุณผู้ประกอบอาชีพ1 สำเร็จการศึกษาทางสาขาวิชาแพทย์ศาสตร์2 ขยันสนใจในการศึกษาหาความรู้ทาง วิทยาการแพทย์วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี 3 มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจไม่ พิการหรือทุพพลภาพปราศจากโรค 4 สามารถอุทิศตนยอมเสียสละเวลาและความ สุขส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนจากการเจ็บป่วยมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วยมีความเมตตาและมีความรักในเพื่อนมนุษย์มีความเสียสละที่จะเดินทางไปรักษาพยาบาลผู้คนในชุมชน ทั่วประเทศ5 มีมารยาทดีสามารถเข้ากับบุคคลอื่น ได้ทุกระดับมีความอดทนอดกลั้นและมีความกล้าหาญ ที่ 6 มีความสามารถซื่อสัตย์ในห้างหุ้นส่วนจำกัดวิชาชีพของตนมีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ไม่ใช้ความสามารถรู้ทางวิชาการของตนไปหลอกลวงหรือทำลายคุณผู้อื่นแนวทางในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นคุณผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ควรสำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายวุฒิการหรือประกาศนียบัตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่า และสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆในการ คัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาคือวิสามัญ 1 คณิตศาสตร์กข เคมีฟิสิกส์ชีววิทยาภาษาอังกฤษกข และความถนัดทางการแพทย์หรือเคยช่วย ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของรัฐครบตามเกณฑ์ที่กำหนดคือประมาณอย่างน้อย 10 วันตลอดจนการสอบสัมภาษณ์และการ ตรวจร่างกายเมื่อผ่านการทดสอบจึงมีสิทธิเข้าศึกษาแพทย์โดยมีสถาบันที่เปิด สอนวิชาการแพทย์ระดับปริญญาหลายแห่งใน สังกัดทบวงมหาวิทยาลัยเช่นมหาวิทยาลัยมหิดลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นต้นผู้ที่จะเรียนแพทย์จะต้องมีฐานะทางการเงินพอสมควรเพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนวิชาแพทย์ค่อนข้างสูงและใช้เวลานานกว่าการเรียนวิชาชีพอื่น ๆ รวมทั้งต้องเสียค่าบำรุงการ ศึกษาค่าตำราวิชาการแพทย์และค่าอุปกรณ์ต่างๆ (ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทเศษต่อคน) หลักสูตรวิชาการแพทย์ระดับปริญญาตรีตามปกติ ใช้เวลาเรียน 6 ปีในสองปีหลักสูตรการเรียนจะ เน้นหนัก ด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่เป็นพื้นฐานสำคัญต่อ จากนั้นจึงเรียนต่อวิชาการแพทย์โดยเฉพาะอีก 4 ปีเมื่อสำเร็จได้รับใบอนุญาตประกอบ เวชกรรมของแพทยสภามีสิทธิประกอบอาชีพแพทย์ได้ตามกฎหมายโดยมีโอกาสเลือกสายงานได้ดังนี้ 1 เป็นแพทย์ฝ่ายรักษา 2 เป็นแพทย์ฝ่ายวิจัยข้อดีข้อเสียของอาชีพแพทย์ข้อดี- โลกทัศน์กว้างเพราะได้พบปะพูดคุย กับคนหลายอาชีพ (คล้ายคนขับรถแท็กซี่ยังไงไม่รู้แฮะ) - งานที่ทำมี 'คุณค่า' ในตัวของมันเองคือได้ช่วยเหลือ ผู้ป่วย- 'ท้าทาย' มีปริศนาใหม่มาให้ขบคิดทุกวัน ว่าผู้ป่วยไม่สบายเพราะอะไรจะ 'สืบ' ยังไงถึงจะรู้ (คนแต่งเรื่องนักสืบเชอร์ลอ คโฮล์มเป็นหมอด้วยนะจะบอกให้ ) - เป็นที่พึ่งแก่ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงรวม ไปถึงญาติของเพื่อนฝูงยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย - เห็นสัจธรรม 'กับตา' ตัวเองว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็น ของธรรมดาจริงๆมันเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวันไม่มีวันหยุดและไม่เลือก เวลา- ทดแทนคุณพ่อแม่โดยทำให้ท่านมี ความสุขเพราะท่านจะภูมิใจที่มีลูกเป็นแพทย์แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าภูมิใจอะไรนักหนา (อันนี้ยกเว้นพ่อแม่ที่เป็นหมอ หรือที่เป็นใหญ่เป็นโตในสาขาต่างๆ ) - ไป ทำอาชีพอื่นเล่น ๆ แก้เซ็งได้ เกือบทุกอาชีพ : เป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นนักธุรกิจเป็นนัก ลงทุน (เล่นหุ้น) เป็นนักเขียนเป็นนักร้องเป็นพิธีกร รายการโทรทัศน์เป็นกัปตันขับเครื่องบินเป็นนักเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นสส . เป็นส. ว เป็นรัฐมนตรีหรือแม้แต่ผู้นำประเทศ ฯลฯ (มีตัวตนจริงๆทั้งนั้น) แต่คนอาชีพอื่นมาเป็นแพทย์ไม่ ได้ - ถ้าเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ไม่ต้อง ใช้ 'นาง' นำหน้าใช้ 'แพทย์หญิง' แทนข้อเสีย- เรียนนาน- งานหนัก (เป็นส่วนใหญ่) - รักคุด (ไม่ค่อยมีเวลา, ถูกแฟนทิ้งกันบ่อยๆ) - สุดเลอะ (เสี่ยงต่อการสัมผัสเลือดปัสสาวะอุจจาระเสมหะ และ 'อ้วก' ของผู้ป่วย)
การแปล กรุณารอสักครู่..