On 31 May 2011, the World Health Or

On 31 May 2011, the World Health Organization stated that mobile phone use may possibly represent a long-term health risk,[59][60] classifying mobile phone radiation as "possibly carcinogenic to humans" after a team of scientists reviewed studies on mobile phone safety.[61] The mobile phone is in category 2B, which ranks it alongside coffee and other possibly carcinogenic substances.[62][63]
Some recent studies have found an association between mobile phone use and certain kinds of brain and salivary gland tumors. Lennart Hardell and other authors of a 2009 meta-analysis of 11 studies from peer-reviewed journals concluded that cell phone usage for at least ten years "approximately doubles the risk of being diagnosed with a brain tumor on the same ('ipsilateral') side of the head as that preferred for cell phone use".[64]
Some recent studies have found an association between mobile phone use and certain kinds of brain and salivary gland tumors. Lennart Hardell and other authors of a 2009 meta-analysis of 11 studies from peer-reviewed journals concluded that cell phone usage for at least ten years "approximately doubles the risk of being diagnosed with a brain tumor on the same ('ipsilateral') side of the head as that preferred for cell phone use".[64]
Some recent studies have found an association between mobile phone use and certain kinds of brain and salivary gland tumors. Lennart Hardell and other authors of a 2009 meta-analysis of 11 studies from peer-reviewed journals concluded that cell phone usage for at least ten years "approximately doubles the risk of being diagnosed with a brain tumor on the same ('ipsilateral') side of the head as that preferred for cell phone use".[64]
One study of past mobile phone use cited in the report showed a "40% increased risk for gliomas (brain cancer) in the highest category of heavy users (reported average: 30 minutes per day over a 10‐year period)".[65] This is a reversal of the study's prior position that cancer was unlikely to be caused by cellular phones or their base stations and that reviews had found no convincing evidence for other health effects.[60][66] However, a study published 24 March 2012 in the British Medical Journal questioned these estimates, because the increase in brain cancers has not paralleled the increase in mobile phone use.[67] Certain countries, including France, have warned against the use of mobile phones by minors in particular, due to health risk uncertainties.[68] Mobile pollution by transmitting electromagnetic waves can be decreased up to 90% by adopting the circuit as designed in mobile phone (MS) and mobile exchange (BTS, MSC etc.).[69]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วันที่ 31 2554 พฤษภาคม องค์การอนามัยโลกระบุว่า ใช้โทรศัพท์มือถืออาจอาจแสดงถึงการสุขภาพระยะยาว, [59] [60] ประเภทรังสีโทรศัพท์มือถือเป็น "อาจก่อมะเร็งต่อมนุษย์" หลังทีมศึกษานักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบความปลอดภัยของโทรศัพท์มือถือ [61] โทรศัพท์มือถืออยู่ในประเภท 2B ซึ่งอันดับควบคู่ไปกับกาแฟและสารอื่น ๆ ที่อาจก่อมะเร็ง [62] [63]บางการศึกษาล่าสุดพบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือและบางชนิดของเนื้องอกสมองและต่อมน้ำลาย Hardell เลนนาร์ตเมและอื่น ๆ ผู้เขียนของ 2009 meta-analysis ของการศึกษา 11 จากสมุดรายวันการตรวจทานเพื่อนสรุปว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อยสิบปี "ประมาณคู่ความเสี่ยงของการถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองด้าน ('ipsilateral') เดียวกับศีรษะเป็นที่ต้องการสำหรับการใช้โทรศัพท์มือถือ" [64]บางการศึกษาล่าสุดพบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือและบางชนิดของเนื้องอกสมองและต่อมน้ำลาย Hardell เลนนาร์ตเมและอื่น ๆ ผู้เขียนของ 2009 meta-analysis ของการศึกษา 11 จากสมุดรายวันการตรวจทานเพื่อนสรุปว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อยสิบปี "ประมาณคู่ความเสี่ยงของการถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองด้าน ('ipsilateral') เดียวกับศีรษะเป็นที่ต้องการสำหรับการใช้โทรศัพท์มือถือ" [64]บางการศึกษาล่าสุดพบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือและบางชนิดของเนื้องอกสมองและต่อมน้ำลาย Hardell เลนนาร์ตเมและอื่น ๆ ผู้เขียนของ 2009 meta-analysis ของการศึกษา 11 จากสมุดรายวันการตรวจทานเพื่อนสรุปว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อยสิบปี "ประมาณคู่ความเสี่ยงของการถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองด้าน ('ipsilateral') เดียวกับศีรษะเป็นที่ต้องการสำหรับการใช้โทรศัพท์มือถือ" [64]หนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือผ่านมาอ้างในรายงานการศึกษาพบเป็น "ความเสี่ยงสำหรับ gliomas (มะเร็งสมอง) เพิ่มขึ้น 40% ในประเภทสูงสุดการใช้งาน (รายงานค่าเฉลี่ย: 30 นาทีต่อวันในช่วง 10‐year) " [65] นี้เป็นการกลับรายการการศึกษาฐานะก่อนว่า มะเร็งก็น่าจะเกิดจากโทรศัพท์มือถือ หรือสถานีฐานของพวกเขาและความคิดเห็นที่ได้พบหลักฐานไม่น่าเชื่อถือสำหรับผลต่อสุขภาพอื่น ๆ [60] [66] อย่างไรก็ตาม การศึกษา 24 2555 มีนาคมที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษสอบสวนประมาณ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของโรคมะเร็งสมองมีขนานเพิ่มขึ้นในการใช้โทรศัพท์มือถือ [67] บางประเทศ รวมทั้งฝรั่งเศส ได้เตือนกับการใช้โทรศัพท์มือถือผู้เยาว์โดยเฉพาะ เนื่องจากความไม่แน่นอนความเสี่ยงสุขภาพ [68] ถือเป็นมลพิษ โดยส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลดลงถึง 90% โดยการนำวงจรออกแบบในโทรศัพท์มือถือ (MS) และแลกเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ (บีทีเอส MSC ฯลฯ) [69]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2011 องค์การอนามัยโลกระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถืออาจเป็นตัวแทนของความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว [59] [60] การศึกษาแบ่งประเภทของรังสีโทรศัพท์มือถือเป็น "อาจจะเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์" หลังจากที่ทีมนักวิทยาศาสตร์การตรวจสอบบนมือถือ ความปลอดภัยของโทรศัพท์. [61] โทรศัพท์มือถือในประเภท 2B ซึ่งจัดอันดับมันควบคู่ไปกับกาแฟและสารที่อาจเป็นสารก่อมะเร็งอื่น ๆ . [62] [63]
บางการศึกษาที่ผ่านมาได้พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้งานโทรศัพท์มือถือและบางชนิดของสมองและต่อมน้ำลาย เนื้องอก Lennart Hardell และผู้เขียนอื่น ๆ ของปี 2009 meta-analysis จาก 11 การศึกษาจากวารสาร peer-reviewed สรุปได้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี "ประมาณสองเท่าเสี่ยงต่อการถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองเดียวกันด้านข้าง ( 'ipsilateral') เดอะ ของหัวเป็นที่แนะนำสำหรับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ". [64]
บางการศึกษาที่ผ่านมาได้พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้งานโทรศัพท์มือถือและบางชนิดของสมองและเนื้องอกต่อมน้ำลาย Lennart Hardell และผู้เขียนอื่น ๆ ของปี 2009 meta-analysis จาก 11 การศึกษาจากวารสาร peer-reviewed สรุปได้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี "ประมาณสองเท่าเสี่ยงต่อการถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองเดียวกันด้านข้าง ( 'ipsilateral') เดอะ ของหัวเป็นที่แนะนำสำหรับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ". [64]
บางการศึกษาที่ผ่านมาได้พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้งานโทรศัพท์มือถือและบางชนิดของสมองและเนื้องอกต่อมน้ำลาย Lennart Hardell และผู้เขียนอื่น ๆ ของปี 2009 meta-analysis จาก 11 การศึกษาจากวารสาร peer-reviewed สรุปได้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี "ประมาณสองเท่าเสี่ยงต่อการถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองเดียวกันด้านข้าง ( 'ipsilateral') เดอะ ของหัวเป็นที่แนะนำสำหรับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ". [64]
การศึกษาชิ้นหนึ่งในการใช้โทรศัพท์มือถือที่ผ่านมาอ้างในรายงานแสดงให้เห็นว่า" ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น 40% สำหรับ gliomas (มะเร็งสมอง) ในหมวดหมู่สูงสุดของผู้ใช้หนัก (เฉลี่ยที่รายงาน: 30 นาทีต่อวันเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี) ". [65] นี่คือการพลิกกลับจากตำแหน่งก่อนการศึกษาที่มะเร็งไม่น่าจะมีสาเหตุมาจากโทรศัพท์มือถือหรือสถานีฐานของพวกเขาและความคิดเห็นได้พบไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อสำหรับสุขภาพอื่น ๆ ผลกระทบ. [60] [66] อย่างไรก็ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ 24 มีนาคม 2012 ในวารสารการแพทย์อังกฤษถามประมาณการเหล่านี้เพราะการเพิ่มขึ้นของการเกิดโรคมะเร็งสมองยังไม่ได้ขนานเพิ่มขึ้นในการใช้งานโทรศัพท์มือถือ. [67] บางประเทศรวมถึงฝรั่งเศส ได้เตือนต่อต้านการใช้โทรศัพท์มือถือโดยผู้เยาว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากความไม่แน่นอนความเสี่ยงต่อสุขภาพ. [68] มลพิษทางโทรศัพท์มือถือโดยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถลดลงได้ถึง 90% โดยการนำวงจรตามที่ออกแบบไว้ในโทรศัพท์มือถือ (MS) และการแลกเปลี่ยนมือถือ (บีทีเอส, MSC ฯลฯ .). [69]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 องค์การอนามัยโลก ระบุว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออาจเป็นตัวแทนของความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว [ 59 ] [ 60 ] หมวดหมู่โทรศัพท์มือถือรังสี " อาจเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ " หลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยโทรศัพท์มือถือ [ 61 ] โทรศัพท์มือถือในประเภท 2B ซึ่งอันดับ ร่วมกับกาแฟและสารอาจ carcinogenic อื่น [ 62 ] [ 63 ]บางการศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือและบางชนิดของสมองและเนื้องอกต่อมน้ำลาย . คณะ hardell และผู้เขียนอื่น ๆของปี 2009 การสังเคราะห์ 11 จากการศึกษา peer-reviewed วารสารสรุปได้ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี " ประมาณสองเท่าความเสี่ยงมีการวินิจฉัยด้วยมะเร็งสมองในแบบเดียวกัน ( "ipsilateral " ) ด้านข้างของศีรษะที่นิยมใช้โทรศัพท์มือถือ " [ 64 ]บางการศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือและบางชนิดของสมองและเนื้องอกต่อมน้ำลาย . คณะ hardell และผู้เขียนอื่น ๆของปี 2009 การสังเคราะห์ 11 จากการศึกษา peer-reviewed วารสารสรุปได้ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี " ประมาณสองเท่าความเสี่ยงมีการวินิจฉัยด้วยมะเร็งสมองในแบบเดียวกัน ( "ipsilateral " ) ด้านข้างของศีรษะที่นิยมใช้โทรศัพท์มือถือ " [ 64 ]บางการศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือและบางชนิดของสมองและเนื้องอกต่อมน้ำลาย . คณะ hardell และผู้เขียนอื่น ๆของปี 2009 การสังเคราะห์ 11 จากการศึกษา peer-reviewed วารสารสรุปได้ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี " ประมาณสองเท่าความเสี่ยงมีการวินิจฉัยด้วยมะเร็งสมองในแบบเดียวกัน ( "ipsilateral " ) ด้านข้างของศีรษะที่นิยมใช้โทรศัพท์มือถือ " [ 64 ]การศึกษาหนึ่งผ่านการใช้โทรศัพท์มือถือที่อ้างถึงในรายงานว่า " 40 % ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับหลักการค้นหาความจริง ( มะเร็งสมอง ) ในประเภทสูงสุดของผู้ใช้ ( รายงานโดยเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน มากกว่า 10 ปี ‐ ) " [ 65 ] นี่คือการย้อนกลับของตำแหน่งก่อนการศึกษามะเร็งคือ ไม่น่าจะเกิดจากโทรศัพท์มือถือ หรือของสถานีฐาน และวิจารณ์ได้ ไม่พบหลักฐานที่น่าเชื่อสำหรับผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ . [ 60 ] [ 66 ] อย่างไรก็ตาม การศึกษาตีพิมพ์ 24 มีนาคม 2012 ในวารสารการแพทย์อังกฤษถามประมาณนี้ เพราะทำให้สมองโรคมะเร็งไม่ได้เพิ่มขึ้นในการใช้โทรศัพท์มือถือ . 67 ] บางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ได้เตือนต่อต้านการใช้โทรศัพท์มือถือโดยผู้เยาว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากสุขภาพ R isk ความไม่แน่นอน [ 68 ] มือถือมลพิษ โดยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถลดลงได้ถึง 90% โดยการใช้วงจรที่ออกแบบในโทรศัพท์มือถือ ( MS ) แลกมือถือ ( BTS MSC ฯลฯ ) [ 69 ]