Medical Complications in Elderly Gravida
รศ.นพ.วิทูรย์ ประเสริฐเจริญสุข
ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002
ในสตรีที่ตั้งครรภ์อายุมากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทางอายุรศาสตร์ได้บ่อยโดยเฉพาะโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากภาวะนี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายทั้งมารดาและทารก แม้ว่าปัจจุบันจะมีการดูแลรักษาเบาหวานที่ดียิ่งขึ้นก็ตาม ความสำคัญส่วนหนึ่งอยู่ที่สตรีตั้งครรภ์ไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง หรือตรวจวินิจฉัย ทำให้ไม่ได้รับการรักษาในระยะเริ่มแรกจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้
เบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ (Diabetes Mellitus During Pregnancy)
โรคเบาหวาน เป็นความผิดปกติทางเมตะบอลิซึมซึ่งมีลักษณะสำคัญ คือระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นผลจากความบกพร่องในการหลั่งอินสุลิน หรือ การออกฤทธิ์ของอินสุลิน หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน การเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังซึ่งเป็นผลให้มีการทำลาย การเสื่อมสมรรถภาพ และการล้มเหลวในการทำงานของอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ จอตา ไต เส้นประสาท หัวใจและหลอดเลือด
ในสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการตายและพิการในทารกปริกำเนิด นอกจากนั้นยังอาจส่งผลเสียไปถึงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของการตั้งครรภ์ ทำให้สามารถตรวจพบโรคเบาหวานที่ไม่แสดงอาการก่อนการตั้งครรภ์ที่แฝงอยู่ได้ หรือทำให้อาการแทรกซ้อนต่างๆ ทางหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes mellitus)
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus, GDM) หมายถึง ความผิดปกติในความทนต่อกลูโคสทุกระดับซึ่งเกิดขึ้นหรือวินิจฉัยได้เป็นครั้งแรกในขณะตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ป่วยจะได้รับการรักษาโดยวิธีใด (การควบคุมอาหารหรือการฉีดอินสุลิน) และโรคเบาหวานจะหายหรือไม่หลังจากการตั้งครรภ์สิ้นสุดลง GDM มีความสำคัญทางคลินิกหลายประการ ได้แก่ เป็นภาวะที่พบบ่อยโดยมีอุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 7 ของสตรีตั้งครรภ์ อุบัติการณ์พบได้ร้อยละ 1-14 แตกต่างในแต่ละแห่ง และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในมารดา เช่น ความดันโลหิตสูง อัตราผ่าตัดคลอดเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในทารก เช่น ภาวะทารกตัวโต เพิ่มการเจ็บป่วย และการตายทารกปริกำเนิด
ผู้ป่วยมีโอกาสเกิด GDM ซ้ำในการตั้งครรภ์ครั้งต่อๆ ไปร้อยละ 60-70 และมีอุบัติการณ์ของการเกิดความผิดปกติ ในการทนต่อกลูโคสหรือโรคเบาหวานโดยเฉพาะชนิดที่ 2 ในอนาคตสูงถึงร้อยละ 50-75 เนื่องจากผู้ป่วย GDM ส่วนใหญ่จะมีความทนต่อกลูโคสกลับเป็นปกติหลังคลอดบุตร และคำจำกัดความของ GDM ทำให้เกิดปัญหาในบางครั้งคือไม่สามารถแยกผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานหรือความผิดปกติในความทนต่อกลูโคสอยู่ก่อนการตั้งครรภ์ โดยมิได้รับการวินิจฉัยซึ่งไม่จัดเป็น GDM ดังนั้นสตรีที่มี GDM ทุกรายควรได้รับการประเมินซ้ำอีกครั้งหนึ่งหลังคลอดบุตรแล้วอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพื่อให้การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยยังมีความผิดปกติในการควบคุมระดับกลูโคสในเลือดอยู่หรือไม่
อุบัติการณ์และความชุกของโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
อุบัติการณ์ของเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) ในสหรัฐอเมริกาพบถึงร้อยละ 7 ของสตรีตั้งครรภ์
ส่วนอุบัติการณ์เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ (ตารางที่ 1 ) พบว่าอุบัติการณ์สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับทั่วโลก
ตารางที่ 1 อุบัติการณ์เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ปี พ.ศ.
จำนวนผู้ป่วยเบาหวาน
ระหว่างตั้งครรภ์
จำนวนผู้ป่วยคลอด
ทั้งหมด
อุบัติการณ์
ต่อจำนวนการคลอด
2544
2545
2546
2547
2548
31
25
34
37
47
3,593
3,516
2,864
2,755
2,648
0.86%
0.71%
1.19%
1.34%
1.77%
หมายเหตุ ตรวจคัดกรองเฉพาะรายที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
การวินิจฉัยโรค (Diagnosis)
วิธีการวินิจฉัยโรคและการประเมินความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ประกอบด้วย การซักประวัติ การตรวจร่างกายและการตรวจครรภ์ รวมทั้งการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การซักประวัติ
การซักประวัติสตรีตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ครั้งแรกเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) ที่สำคัญ ได้แก่ อายุของสตรีตั้งครรภ์ ประวัติโรคเบาหวานในครอบครัว ประวัติเคยคลอดบุตรตัวโต (น้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 4 กิโลกรัม) ประวัติเคยคลอดบุตรที่มีความพิการแต่กำเนิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ประวัติทารกเสียชีวิตในครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ และประวัติเคยเป็นโรคเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ครั้งก่อน ตามเกณฑ์ความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ (ตารางที่ 2 )
ตารางที่ 2 ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM)
เกณฑ์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น*
•Age ³ 35 years
•Obesity
•Family history of DM
•Prior macrosomia
•Prior stillbirth
•Prior congenital malformation
•Prior GDM
•Hypertension
•Glucosuria
*เกณฑ์นี้ใช้ในงานอนามัยแม่และเด็กจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่ปี 2547
แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
สตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) ซึ่งประเมินจากการซักประวัติเมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก จะต้องได้รับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยมีแนวทางดังนี้
การตรวจคัดกรองโดยการใช้น้ำตาลกลูโคส 50 กรัม ( 50 g Glucose challenge test, GCT) การทดสอบนี้ใช้เป็นขั้นตอนแรกในการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (ตารางที่ 3)
ข้อบ่งชี้ ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ได้กำหนดในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงให้ทำการตรวจคัดกรองเพื่อวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ 2 ครั้ง คือ ในครั้งแรกที่มาฝากครรภ์โดยตรวจระดับน้ำตาลในเลือดพร้อมกับการตรวจเลือดฝากครรภ์ และขณะอายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์
วิธีการตรวจ GCT ทำได้โดยให้สตรีตั้งครรภ์ดื่มสารละลายที่มีกลูโคส 50 กรัม (50 g 1-hour blood sugar) แล้ว หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงให้ทำการเจาะเลือดตรวจระดับกลูโคส โดยที่สตรีตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนรับการตรวจ
การแปลผลและแนวทางปฏิบัติ
1) ในกรณีที่ระดับกลูโคสในเลือดมีค่าน้อยกว่า 140 มก./ด