RFID stands for “Radio Frequency ID

RFID stands for “Radio Frequency IDentification”. It is a near-field communications standard that has been used for many years on Oyster cards used with the London Underground, and many other identification based systems. You hold a tag or card in close proximity to a reader, and the reader reads a unique ID number stored in that tag to open a door or perform some action for you.

There are many different types and standards of RFID, and the one used here is the Mifare standard. This is the standard that was adopted by London Underground for the Oyster card, and is also used on various contactless payment systems.

The development of the RFID standard lead on to the original idea of “The Internet of Things”. If “Things” all have a unique ID, you can track those things as they move, and computers can make their own decisions about the world, rather than relying on humans to tell them what is happening. Read the fascinating article in ref[8] to find out more about the British inventor Kevin Ashton who was instrumental in the development of RFID, and who is attributed with coining the phrase “The Internet of Things”.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

RFID ย่อมาจาก "คลื่นความถี่วิทยุรหัส" มันเป็นความใกล้เขตการสื่อสารมาตรฐานที่มีการใช้บัตรออยสเตอร์ที่ใช้กับรถไฟใต้ดินลอนดอนหลายปี และรหัสอื่นตามระบบ คุณเก็บแท็ก หรือบัตรกับเครื่องอ่าน และการอ่านอ่านขายเก็บไว้ในแท็กนั้นจะเปิดประตู หรือดำเนินการกระทำบางอย่างสำหรับคุณมีหลายชนิดและมาตรฐานของ RFID และการใช้ที่นี่เป็นมาตรฐานนั้นได้ นี่คือมาตรฐานที่รับรอง โดยรถไฟใต้ดินลอนดอนบัตรออยสเตอร์ และใช้ระบบชำระเงินสมาร์ตต่าง ๆการพัฒนา RFID มาตรฐานนำบนความคิดเดิมของ "อินเทอร์เน็ตสิ่ง" ถ้า "สิ่ง" ทั้งหมดมีรหัสเฉพาะ คุณสามารถติดตามสิ่งเหล่านั้นเมื่อพวกเขา ย้าย และคอมพิวเตอร์สามารถทำการตัดสินใจของตนเองเกี่ยวกับโลก มากกว่าพึ่งพามนุษย์บอกว่าอะไรเกิดขึ้น อ่านบทความน่าสนใจในอ้างอิง [8] ในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชาวอเมริกาอังกฤษ Kevin แอชตันผู้เป็นเครื่องมือในการพัฒนา RFID และที่จะเกิดจาก มี coining วลี "อินเทอร์เน็ตสิ่ง"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

RFID ย่อมาจาก "Radio Frequency Identification" มันเป็นสื่อสารที่อยู่ใกล้สนามมาตรฐานที่มีการใช้มานานหลายปีในบัตรหอยนางรมใช้กับรถไฟใต้ดินลอนดอนและบัตรประจำตัวอื่น ๆ อีกมากมายตามระบบ คุณถือแท็กหรือบัตรในบริเวณใกล้เคียงกับผู้อ่านและผู้อ่านอ่านรหัสเฉพาะที่เก็บไว้ในแท็กที่จะเปิดประตูหรือดำเนินการบางอย่างสำหรับคุณ. มีหลายประเภทและมาตรฐานของ RFID และหนึ่งที่ใช้ นี่เป็นมาตรฐาน Mifare นี้เป็นมาตรฐานที่ได้รับการรับรองโดยรถไฟใต้ดินลอนดอนสำหรับหอยนางรมสดและยังถูกนำมาใช้ในระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัสต่างๆ. การพัฒนานำไปสู่มาตรฐาน RFID เพื่อความคิดเดิมของ "อินเทอร์เน็ตของสิ่ง" ถ้า "สิ่งที่" ทุกคนมีรหัสเฉพาะคุณสามารถติดตามสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขาย้ายและคอมพิวเตอร์สามารถทำให้การตัดสินใจของตัวเองเกี่ยวกับโลกมากกว่าอาศัยในมนุษย์จะบอกพวกเขาสิ่งที่เกิดขึ้น อ่านบทความที่น่าสนใจในการอ้างอิงได้ [8] เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษเควินแอชตันซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาของ RFID และผู้ที่จะมาประกอบกับการสร้างวลี "อินเทอร์เน็ตของสิ่ง"

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

RFID ย่อมาจาก " ระบุ " ความถี่วิทยุ มันเป็นระบบ Bluetooth มาตรฐานการสื่อสารที่มีการใช้มานานหลายปีในหอยนางรมบัตรที่ใช้กับรถไฟใต้ดิน และตัวอื่นๆที่ใช้ระบบนี้ คุณถือป้ายหรือบัตรใกล้กับอ่านและอ่านเฉพาะเลขบัตรประชาชนเก็บไว้ในที่แท็กที่จะเปิดประตู หรือแสดงการกระทำบางอย่างสำหรับคุณ

มีหลายประเภทและมาตรฐานของ RFID และหนึ่งที่ใช้ที่นี่เป็นมาตรฐาน Mifare . นี้เป็นมาตรฐานที่ได้รับการอุปการะโดยใต้ดินลอนดอนสำหรับบัตรหอยนางรม และยังใช้ในระบบการชําระเงินสัมผัสต่าง ๆ .

การพัฒนา RFID มาตรฐานตะกั่วในความคิดเดิมของ " Internet ของสิ่งที่ " ถ้า " มัน " ทุกคนมีบัตรกันคุณสามารถติดตามสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขาย้ายและคอมพิวเตอร์สามารถทำให้การตัดสินใจของตนเองเกี่ยวกับโลก แทนที่จะอาศัยมนุษย์เพื่อบอกสิ่งที่เกิดขึ้น อ่านบทความที่น่าสนใจใน ref [ 8 ] เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ เควิน แอชตัน ที่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบ และผู้ที่ประกอบ ด้วยการบัญญัติศัพท์วลี " Internet ของสิ่งที่ "