Suharto was born in a village calle

Suharto was born in a village called Kemusuk, on the island of Java, in what was then the Dutch East Indies. His early childhood was difficult, his mother suffered a mental health breakdown when the baby was newborn, so he was sent to live with an elderly relative. His parents divorced soon after, and Suharto was only returned to his mother's care when he was three years old. For the rest of his childhood, he was passed between his parents' households and other relatives. Unlike Sukarno and other nationalist leaders of Indonesia, Suharto lived in isolated villages where he did not have exposure to Europeans or the Dutch language. As a result, he had no interest in politics or the anti-imperial movement until later in life. After finishing middle school, Suharto struggled to find work. He joined the Netherlands East Indies Army (KNIL) in June of 1940, at the age of 19. World War II was raging, the Nazis had just seized the Netherlands the previous month, and the Japanese were very interested in gaining access to Indonesia's oil fields, so the KNIL was recruiting as many men as it could get.
Suharto underwent a quick round of basic training, then served in the KNIL for almost two years before the Dutch surrendered the East Indies to Japan in March of 1942. Sergeant Suharto took off his KNIL uniform and blended back in to the mass of unemployed youth in the village. When the Japanese began hiring local police for Yogyakarta, Suharto joined. Two days after Japan surrendered at the end of World War II, Sukarno declared Indonesia's independence. Suharto became a battalion commander in the new republican army in October of 1945, and quickly rose to the rank of major. The Indonesian forces soon found themselves fighting Dutch and British troops, who were tasked with returning the archipelago to Dutch colonial control. Major Suharto and his troops faced several years of tough fighting and harsh conditions in their guerrilla war against the Allies; with little financial support from the Republic of Indonesia's infant government, he smuggled opium to buy supplies for his men. In December of 1948, the Dutch forces captured the Indonesian capital at Yogyakarta and took Sukarno captive. Suharto counterattacked, and managed to retake the city on March 1, 1949. Under pressure from the United Nations, the Dutch formally withdrew and transferred sovereignty to the Indonesian government in December of 1949.
Meanwhile, as the revolution raged, in 1947 Suharto married Siti Hartinah from one of Java's noble families. They would have six children over the course of their 49-year marriage, which ended only with her death in 1996. With her, Suharto found the family stability that had been absent during his childhood. Suharto died on January 27, 2008 after being removed from life support. He had been hospitalized for three weeks, suffering heart failure, renal failure, and a septic infection. Despite Suharto's record of misdeeds, President Susilo Bambang Yudhoyono ordered a week of national mourning for the former president, and lowered flags to half-staff.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ซูเกิดในหมู่บ้านเรียก Kemusuk เกาะชวา ในอะไรแล้วถูกดัตช์อีสต์อินดีส์ ปฐมวัยของเขาได้ยาก แม่ของเขารับความเดือดร้อนเสียสุขภาพจิตเมื่อทารกทารก ดังนั้นเขาถูกส่งไปอยู่กับญาติสูงอายุ พ่อแม่ของเขาหย่าแล้วหลังจาก และซูถูกเท่านั้นส่งกลับไปดูแลแม่ของเขาเมื่อสามปีที่แล้ว สำหรับส่วนเหลือของวัยเด็กของเขา เขาถูกส่งผ่านระหว่างครัวเรือนของพ่อและญาติ ไม่เหมือนกับซูการ์โนและผู้นำอื่น ๆ ของอินโดนีเซีย ซูอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่แยกต่างหากที่เขาไม่ได้มีสัมผัสยุโรปหรือภาษาดัตช์ ดังนั้น เขาก็ไม่สนใจทางการเมืองหรือการเคลื่อนไหวต่อต้านอิมพีเรียลจนในภายหลังในชีวิต หลังจากจบโรงเรียนกลาง ซูต่อสู้หางาน เขาเข้าร่วมกองทัพอินเดียตะวันออกเนเธอร์แลนด์ (KNIL) ใน June ของ ๒๔๘๓ อายุ 19 สงครามโลกครั้งที่สองคือโกรธ Nazis ที่มีเพียงยึดเนเธอร์แลนด์เดือนก่อนหน้า และญี่ปุ่นมีความสนใจในการเข้าถึงเขตข้อมูลน้ำมันของอินโดนีเซีย เพื่อ KNIL ถูกสรรหาคนมากที่จะสามารถรับ
ซูแต่ละรอบอย่างรวดเร็วของการฝึกขั้นพื้นฐาน แล้ว เสิร์ฟใน KNIL เกือบสองปีก่อนที่ดัตช์ surrendered อินเดียตะวันออกไปยังประเทศญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมของปี 1942 สิบเอกซูออกของเขาเหมือน KNIL และผสมผสานไปในมวลของคนตกงานเยาวชนในหมู่บ้าน เมื่อญี่ปุ่นเริ่มจ้างตำรวจท้องถิ่นในยอร์กยาการ์ตา ซูร่วม วันที่สองหลังจากญี่ปุ่น surrendered เมื่อสิ้นสุดสงครามโลก ซูการ์โนประกาศเอกราชของอินโดนีเซีย ซูเป็น ผู้บังคับบัญชากองพันในกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ใหม่ในเดือนตุลาคมปีค.ศ. 1945 และกุหลาบให้ลำดับที่ของวิชาได้อย่างรวดเร็ว กองทัพอินโดนีเซียเร็ว ๆ นี้พบว่าตัวเองต่อสู้กับอังกฤษ และดัตช์ทหาร ผู้ได้รับมอบหมาย ด้วยความหมู่ควบคุมอาณานิคมดัตช์ ซูเจอร์และพลต้องเผชิญกับหลายปีของการต่อสู้ที่ยากลำบากและสภาพของสงครามกองโจรต่อต้านพันธมิตร รุนแรง มีน้อยการเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียทารก เขาว่าฝิ่นเพื่อซื้ออุปกรณ์สำหรับคน ในเดือน 1948 ธันวาคม กองทัพดัตช์จับฉลาดในยอร์กยาการ์ตา และใช้ภายในกิจการและซูการ์โน ซู counterattacked และจัดการซ่อมเมืองบน 1 มีนาคม 1949 ภายใต้แรงกดดันจากสหประชาชาติ ดัตช์ที่อย่างเป็นกิจจะลักษณะต้องถอน และโอนอำนาจอธิปไตยไปยังรัฐบาลอินโดนีเซียในเดือน 1949 ธันวาคม
ในขณะเดียวกัน เป็นการปฏิวัติ raged ใน ซูแต่งงาน Hartinah ซิตี้จากครอบครัวโนเบิลของ Java อย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีเด็กหกช่วงเวลาของการแต่งงานปี 49 ซึ่งสิ้นสุดลง ด้วยความตายของเธอในปี 1996 มีเธอ ซูพบความมั่นคงครอบครัวที่เคยขาดในวัยเด็กของเขา ซูตายบน 27 มกราคม 2008 หลังจากถูกเอาออกจากชีวิต เขามีการพัก 3 สัปดาห์ ทุกข์ทรมานหัวใจล้มเหลว ภาวะไตวาย และการกำจัดของเสียติดเชื้อ แม้ มีบันทึกของซูไถ่บาป ประธานออนไลน์เพื่อเข้าถึงสั่งสัปดาห์ไว้อาลัยแห่งชาติสำหรับอดีตประธานาธิบดี และปรับลดสถานะการ half-staff.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ซูฮาร์โตเกิดในหมู่บ้านที่เรียกว่า Kemusuk บนเกาะชวาในสิ่งที่ถูกแล้วดัตช์อีสต์อินดีส วัยเด็กของเขาเป็นเรื่องยากที่แม่ของเขาได้รับความเดือดร้อนเสียสุขภาพจิตเมื่อทารกแรกเกิดเขาจึงถูกส่งไปอยู่กับญาติผู้สูงอายุ พ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันหลังจากนั้นไม่นานและซูฮาร์โตก็จะกลับไปดูแลแม่ของเขาเมื่อเขาอายุได้สามขวบ สำหรับส่วนที่เหลือของวัยเด็กของเขาเขาได้รับการส่งผ่านระหว่างผู้ประกอบการของพ่อแม่และญาติ ๆ ซึ่งแตกต่างจากซูการ์โนและผู้นำชาติอื่น ๆ ของอินโดนีเซีย, ซูฮาร์โตที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลที่เขาไม่ได้มีการสัมผัสกับชาวยุโรปหรือภาษาดัตช์ เป็นผลให้เขามีความสนใจในการเมืองหรือการเคลื่อนไหวต่อต้านจักรวรรดิไม่มีจนกระทั่งต่อมาในชีวิต หลังจากจบโรงเรียนมัธยมซูฮาร์โตพยายามที่จะหางานทำ เขาเข้าร่วมกับเนเธอร์แลนด์อินเดียตะวันออกกองทัพ (KNIL) ในเดือนมิถุนายนของปี 1940 ตอนอายุ 19 สงครามโลกครั้งที่สองได้รับการบ้าคลั่งนาซีเพิ่งคว้าเนเธอร์แลนด์เดือนก่อนหน้าและญี่ปุ่นมีความสนใจอย่างมากในการเข้าถึงน้ำมันของอินโดนีเซีย สาขาดังนั้น KNIL ถูกสรรหาคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่มันจะได้รับการ
ซูฮาร์โตได้รับรอบอย่างรวดเร็วของการฝึกขั้นพื้นฐานแล้วก็ทำหน้าที่ใน KNIL เป็นเวลาเกือบสองปีก่อนที่ชาวดัตช์ยอมจำนนอินเดียตะวันออกไปยังประเทศญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมของปี 1942 จ่าซูฮาร์โตเอา ออกชุด KNIL ของเขาและปั่นกลับมาอยู่ในมวลของเยาวชนว่างงานในหมู่บ้าน เมื่อญี่ปุ่นเริ่มจ้างตำรวจท้องถิ่นสำหรับ Yogyakarta, ซูฮาร์โตเข้าร่วม สองวันหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนนในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองซูการ์โนประกาศเอกราชของอินโดนีเซีย ซูฮาร์โตกลายเป็นผู้บัญชาการทหารในกองทัพสาธารณรัฐใหม่ในเดือนตุลาคมของปี 1945 และรวดเร็วขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญ กองกำลังอินโดนีเซียเร็ว ๆ นี้พบว่าตัวเองต่อสู้ดัตช์และอังกฤษทหารที่ได้รับมอบหมายให้กลับมาที่เกาะเพื่อการควบคุมอาณานิคมดัตช์ ที่สำคัญซูฮาร์โตและกองกำลังของเขาต้องเผชิญกับหลายปีของการต่อสู้ที่ยากลำบากและเงื่อนไขที่รุนแรงในสงครามกองโจรกับพันธมิตร; ด้วยการสนับสนุนทางการเงินเล็กน้อยจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียรัฐบาลทารกเขาลักลอบนำฝิ่นที่จะซื้ออุปกรณ์สำหรับคนของเขา ในเดือนธันวาคมของปี 1948 กองกำลังชาวดัตช์จับเมืองหลวงของอินโดนีเซียที่ Yogyakarta และเอาเชลยซูการ์โน ซูฮาร์โต counterattacked และการจัดการเพื่อเอาเมืองในวันที่ 1 มีนาคม 1949 ภายใต้แรงกดดันจากสหประชาชาติชาวดัตช์อย่างเป็นทางการถอนและโอนอำนาจอธิปไตยให้แก่รัฐบาลอินโดนีเซียในเดือนธันวาคม 1949
ในขณะที่การปฏิวัติโหมกระหน่ำ, ในปี 1947 ซูฮาร์โตแต่งงาน Siti Hartinah จากหนึ่งใน Java ของครอบครัวอันสูงส่ง พวกเขาจะมีลูกหกคนในช่วงเวลาของการแต่งงาน 49 ปีของพวกเขาซึ่งจบลงด้วยการตายของเธอในปี 1996 ด้วยเธอซูฮาร์โตพบความมั่นคงในครอบครัวที่ได้รับการขาดในช่วงวัยเด็กของเขา ซูฮาร์โตเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2008 หลังจากที่ถูกถอดออกจากการช่วยชีวิต เขาได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาสามสัปดาห์ทุกข์หัวใจล้มเหลวไตวายและการติดเชื้อการติดเชื้อ แม้จะมีการบันทึกซูฮาร์โตของตะเข็บประธาน Susilo Bambang Yudhoyono สั่งสัปดาห์ของการไว้ทุกข์แห่งชาติอดีตประธานาธิบดีและลดธงครึ่งพนักงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ซูฮาร์โต้ เกิดที่หมู่บ้านชื่อ kemusuk บนเกาะชวา ในสิ่งที่เป็น แล้วเกาะอินเดียตะวันออกของดัตช์ . ในวัยเด็กของเขาได้ยาก แม่ทรมานสุขภาพจิตเสียเมื่อทารกเป็นทารก ดังนั้น เขาถูกส่งไปอยู่กับญาติผู้สูงอายุ . พ่อแม่ของเขาหย่ากันหลังจากนั้น และมองเป็นเพียงกลับไปดูแลแม่ของเขาเมื่อเขาสามขวบสำหรับส่วนที่เหลือของวัยเด็กของเขา เขาผ่านระหว่างพ่อแม่ครอบครัวและญาติอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากผู้นำคนอื่น ๆและชาตินิยมของซูการ์โน อินโดนีเซีย ซูฮาร์โต้ อยู่ในหมู่บ้านที่แยกที่เขาไม่ได้มีการสัมผัสกับชาวยุโรปหรือภาษาดัตช์ เป็นผลให้เขาไม่มีความสนใจในเรื่องการเมืองหรือต่อต้านจักรพรรดิเคลื่อนไหวจนในภายหลังในชีวิต หลังจากจบมัธยมซูฮาร์โตพยายามหางาน เขาเข้าร่วมกองทัพอินดีสเนเธอร์แลนด์ทางทิศตะวันออก ( knil ) ในมิถุนายน 1940 ที่อายุ 19 สงครามโลกครั้งที่สองภูมิภาค นาซีได้ยึดจากเดือนก่อนหน้านี้ และญี่ปุ่นสนใจมากในการเข้าถึงของอินโดนีเซีย น้ำมัน ดังนั้น knil คือการสรรหาคนเท่าที่จะได้รับ .
ซูฮาร์โตรับรอบอย่างรวดเร็วของการฝึกพื้นฐานแล้วเสิร์ฟใน knil เกือบสองปีก่อนดัตช์ยอมจำนนอินเดียตะวันออกที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม 1942 จ่ามองออกไปของเขา knil เครื่องแบบและผสมกลับกับมวลของเยาวชนผู้ว่างงานในหมู่บ้าน เมื่อญี่ปุ่นเริ่มจ้างตำรวจท้องถิ่นสำหรับจาการ์ตา , ซูฮาร์โตเข้าร่วม สองวันหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมแพ้ที่ส่วนท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองซูการ์โน อินโดนีเซียประกาศเอกราช ซูฮาร์โตเป็นผู้บังคับการกองพันในกองทัพสาธารณรัฐใหม่ในเดือนตุลาคม 1945 และรวดเร็วเพิ่มขึ้นถึงตำแหน่งของหลัก ทหารอินโดนีเซียเร็วๆ นี้พบว่าตัวเองต่อสู้ดัตช์ และทหารอังกฤษที่ถูกมอบหมายกับคืนหมู่เกาะในการควบคุมอาณานิคมดัตช์หลักของซูฮาร์โตและกองทัพของเขาต้องเผชิญกับหลายปีของการต่อสู้ที่ยากและสภาวะรุนแรงในสงครามกองโจรต่อต้านพันธมิตร ด้วยการสนับสนุนด้านการเงินจากรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียทารก เขาลักลอบปลูกฝิ่นเพื่อซื้อวัสดุสำหรับคนของเขา ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1948 กองกำลังชาวดัตช์จับ เมืองหลวงอินโดนีเซียในยอกยาการ์ตา และเอายูอาร์แอลที่เป็นเชลย ตีโต้ซูฮาร์โต ,และการจัดการเพื่อยึดเมืองเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2492 . ภายใต้ความกดดันจากสหประชาชาติ ชาวดัตช์ถอนตัวและโอนอธิปไตยอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลอินโดนีเซียในเดือนธันวาคม 1949 .
ในขณะที่การปฏิวัติโกงใน 1947 ซูฮาร์โตแต่งงาน Siti hartinah จากหนึ่งใน Java ของอริยวงศ์ พวกเขาจะต้องหกเด็กมากกว่าหลักสูตรของการแต่งงานของพวกเขา 49 ปีซึ่งจบลงด้วยการเสียชีวิตของเธอในปี 1996 กับเธอ ซูฮาร์โต พบครอบครัวที่ได้รับการขาดเสถียรภาพในช่วงวัยเด็กของเขา ซูฮาร์โตเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่ถูกลบออกจากระบบช่วยชีวิต เขาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาสามสัปดาห์ ทุกข์ หัวใจวาย ไตวาย และการติดเชื้อการติดเชื้อ . แม้ว่าซูฮาร์โตเป็นบันทึกความผิดประธานาธิบดีซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโนสั่งเป็นอาทิตย์ของการไว้ทุกข์แห่งชาติ อดีตประธานาธิบดี และลดลงครึ่งหนึ่ง
ธงพนักงาน