RESEARCH METHODTo meet the objectiv

RESEARCH METHOD
To meet the objective of this qualitative research, the components of this study are groups of informants, data collection, access to the target groups, data validation, and data analysis.
1. Informants
The informants were individuals involved in the problem of unplanned pregnancy among youths in school which could be divided into five groups as follows. A group of six female youths who had unplanned pregnancy, a group of three parents of the female youths who had unplanned pregnancy, a group of two teachers and a school director, a group of six former school friends of the female youths who had unplanned pregnancy, and the last one was an official of a Sub-district Health Promotion Hospital. Youths who had unplanned pregnancy were selected using purposive sampling; they were female youths who had unplanned pregnancy when they were still students aged 18-24 in a school in the study area. Most of them were pregnant when they were in Mathayom 5 or Mathayom 6 (Grade 11 or 12). One female student who had unplanned pregnancy was in Mathayom 2 (Grade 8). These informants of the target group were selected by the researcher, a teacher and the official of the Sub-district Health Promotion Hospital.
2. Data collection
Data were collected through in-depth interviews from November to December 2015, and the interview with each informant lasted from about 30 to 60 minutes. The interview was semi-structured to reduce stress and to make it friendly so as to obtain data that were complete and meet the objective of the research.
3. Access to the target group
The researcher asked the teacher in the school and the official of the Sub-district Health Promotion Hospital to contact and coordinate with the youths who had unplanned pregnancy to ask whether they would be willing to give information to the researcher, and to make appointments with them in advance.
4. Data validation
Data were validated using internal audit. Validation was performed with the informants, interview questions and answers to ensure that they covered the objective of the study. Congruence of answers, interviewee’s gestures during the interview and the context were also assessed (Chai Phodhisita, 2011).
5. Data analysis
The data were categorized according to the study issues, analyzed and interpreted according to the objective of the study and concepts, and then presented using analytical description.
Rights of informants
Before the interviews, the researcher informed the target group about their rights to either participate or not participate in the study. They could refuse not to give information and they had the right to change their mind during the interview and stop the interview at any time without being affected, and their personal information would not be revealed because all information and data would be presented as overall data or overall information, and pseudonyms, not their real names, would be used.
PROTECTION OF INFORMANTS’ RIGHTS
For this research, the informants’ rights were protected according to research ethics proposed by Thada Sueblinwong (2008) as follows.
1. Respect for the person or respect for human dignity—For this research, the informants were asked for permission, and whether the informants would give information on certain issues depended on their willingness. They were informed that all information and data given to the researcher would be kept confidential so as not to damage their reputation. Moreover, the information and data would be presented as overall data and their real names would not be used.
2. Beneficence and non-maleficence—Highest benefits of the informants and society as a whole were taken into consideration. Therefore, the research was conducted in congruence with the study area, and in such a way that minimally affected the informants’ work or study.
3. Justice—The research was carried out transparently and informants were given justice. For example, they were informed about the goal and objective of the research, and they could always ask about the design and details of the study. All information recorded and all photos taken were performed according to willingness of the informants.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีวิจัยเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงคุณภาพนี้ ส่วนประกอบของการศึกษานี้เป็นกลุ่มของผู้แจ้งเบาะแส เก็บข้อมูล การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การตรวจสอบข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล1. ผู้ ผู้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนในหมู่เยาวชนในโรงเรียนซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มดังนี้ กลุ่มเยาวชนหญิงหกที่ไม่ได้วางแผนตั้งครรภ์ กลุ่มของสามผู้ปกครองของเยาวชนหญิงที่ไม่ได้วางแผนตั้งครรภ์ กลุ่มของสองครูและกรรมการโรงเรียน กลุ่มเพื่อนหกโรงเรียนอดีตเยาวชนหญิงที่ ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผน และสุดท้ายถูกอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เยาวชนที่ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนเลือกใช้สุ่มตัวอย่าง purposive พวกเขาเป็นเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์โดยเมื่อพวกเขายังเป็นนักศึกษาอายุ 18-24 โรงเรียนในพื้นที่ศึกษา ส่วนใหญ่ตั้งครรภ์เมื่อพวกเขาอยู่ในกรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ 5 หรือ 6 กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (เกรด 11 หรือ 12) นักเรียนหญิงหนึ่งที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนถูกใน 2 กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (ระดับ 8) เหล่านี้ผู้แจ้งเบาะแสของกลุ่มที่ถูกเลือก โดยนักวิจัย อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเก็บรวบรวมข้อมูลมีการรวบรวมข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกพฤศจิกายนธันวาคม 2558 และสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลแต่ละที่กินเวลาประมาณ 30 ถึง 60 นาที การสัมภาษณ์ที่เป็นกึ่งโครงสร้าง เพื่อลดความเครียด และการทำให้ง่ายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ และตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย3. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักวิจัยถามครูในโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในการติดต่อ และประสานงานกับเยาวชนที่ตั้งครรภ์โดยจะถามว่า พวกเขาจะเต็มใจให้ข้อมูลนักวิจัย และ เพื่อให้การนัดหมายได้ล่วงหน้า 4. ตรวจสอบข้อมูลข้อมูลถูกตรวจสอบโดยใช้การตรวจสอบภายใน ถูกดำเนินการตรวจสอบกับผู้แจ้งเบาะแส สัมภาษณ์คำถาม และคำตอบเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการศึกษา ลงตัวคำตอบ ท่าทางของผู้ให้สัมภาษณ์ระหว่างการสัมภาษณ์และบริบทก็ราคาประเมิน (Chai Phodhisita, 2011)5. ข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลถูกแบ่งตามปัญหาการศึกษา วิเคราะห์ และตีความตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาและแนวคิด และนำเสนอโดยใช้คำอธิบายวิเคราะห์สิทธิของผู้แจ้งเบาะแสก่อนสัมภาษณ์ นักวิจัยทราบกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วมในการศึกษา พวกเขาอาจปฏิเสธไม่ให้ให้ข้อมูล และพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจในระหว่างการสัมภาษณ์ และหยุดการสัมภาษณ์ตลอดเวลาโดยไม่ได้รับผลกระทบ และข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกเปิดเผยเนื่องจากข้อมูลและข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำเสนอเป็นข้อมูลโดยรวมหรือข้อมูล และ pseudonyms ไม่ชื่อจริง จะใช้ ป้องกันสิทธิของผู้สำหรับงานวิจัยนี้ สิทธิของผู้ถูกป้องกันตามจริยธรรมการวิจัยที่เสนอ โดย Thada Sueblinwong (2008) เป็นดังนี้1. การเคารพบุคคลหรือการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ — สำหรับการวิจัยนี้ ผู้ที่ขออนุญาต และว่าผู้จะให้ข้อมูลใน บางปัญหาที่ขึ้นอยู่กับใจของพวกเขา พวกเขาได้ทราบว่า ข้อมูลและข้อมูลให้กับนักวิจัยทั้งหมดจะถูกเก็บไว้เป็นความลับเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง นอกจากนี้ ข้อมูลจะนำเสนอเป็นข้อมูลโดยรวม และจะไม่ใช้ชื่อจริง2. ทำความดีและไม่ใช่ maleficence — ผลประโยชน์สูงสุดของสมาคมทั้งหมดและผู้ถูกนำมาพิจารณา ดังนั้น การวิจัยดำเนินลงตัวกับพื้นที่ศึกษา และ ในลักษณะที่ minimally ผลกระทบของผู้ทำงานหรือเรียน 3. ความยุติธรรม-การวิจัยดำเนินการอย่างโปร่งใส และผู้ที่ได้รับความยุติธรรม เช่น พวกเขาได้ทราบเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการวิจัย และพวกเขาอาจถามเสมอเกี่ยวกับการออกแบบและรายละเอียดของการศึกษา บันทึกข้อมูลทั้งหมด และรูปภาพทั้งหมดที่นำมาดำเนินการตามความตั้งใจของผู้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการวิจัย
เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงคุณภาพนี้, องค์ประกอบของการศึกษาครั้งนี้คือกลุ่มของข้อมูล, การเก็บรวบรวมข้อมูลการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล.
1 ข่าว
ข้อมูลเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในปัญหาของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนในหมู่เยาวชนในโรงเรียนซึ่งอาจจะแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มดังนี้ กลุ่มของหกเยาวชนหญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนกลุ่มของสามพ่อแม่ของวัยรุ่นหญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนกลุ่มของสองครูและผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นกลุ่มของหกเพื่อนโรงเรียนเก่าของวัยรุ่นหญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน และคนสุดท้ายอย่างเป็นทางการของตำบลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เยาวชนที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนที่ถูกเลือกใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง; พวกเขาเป็นเยาวชนหญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนเมื่อพวกเขายังคงนักเรียนอายุระหว่าง 18-24 ปีในโรงเรียนในพื้นที่ศึกษา ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นที่ตั้งครรภ์เมื่อพวกเขาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (เกรด 11 หรือ 12) นักศึกษาคนหนึ่งที่มีหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ชั้น 8) ข้อมูลเหล่านี้ของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการคัดเลือกโดยผู้วิจัยครูและอย่างเป็นทางการของตำบลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ.
2 การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในเชิงลึกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2015 และให้สัมภาษณ์กับแต่ละแจ้งกินเวลาตั้งแต่ประมาณ 30 ถึง 60 นาที ให้สัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างเพื่อลดความเครียดและทำให้มันเป็นมิตรเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์และตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย.
3 การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ผู้วิจัยได้ถามครูในโรงเรียนและอย่างเป็นทางการของตำบลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในการติดต่อและประสานงานกับเยาวชนที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนที่จะถามว่าพวกเขาจะยินดีที่จะให้ข้อมูลที่นักวิจัยและ เพื่อให้การนัดหมายกับพวกเขาล่วงหน้า.
4 การตรวจสอบข้อมูล
ข้อมูลถูกตรวจสอบโดยใช้การตรวจสอบภายใน การตรวจสอบได้ดำเนินการกับข้อมูลที่คำถามสัมภาษณ์และคำตอบเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการศึกษา ความสอดคล้องกันของคำตอบท่าทางสัมภาษณ์ในระหว่างการสัมภาษณ์และบริบทยังมีการประเมิน (ชัย Phodhisita 2011).
5 การวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อมูลแบ่งตามประเด็นการศึกษาวิเคราะห์และตีความตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาและแนวความคิดและนำเสนอแล้วโดยใช้รายละเอียดการวิเคราะห์.
สิทธิของผู้ให้ข้อมูล
ก่อนการสัมภาษณ์นักวิจัยทราบกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับสิทธิของพวกเขาไปอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมในการศึกษา พวกเขาอาจจะปฏิเสธไม่ได้ที่จะให้ข้อมูลและพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาในระหว่างการสัมภาษณ์และหยุดการให้สัมภาษณ์ในเวลาใด ๆ โดยไม่ได้รับผลกระทบและข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาจะไม่ถูกเปิดเผยเพราะข้อมูลและข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำเสนอเป็นข้อมูลโดยรวมหรือ ข้อมูลโดยรวมและนามไม่ใช่ชื่อจริงของพวกเขาจะถูกนำมาใช้.
คุ้มครองผู้ให้ข้อมูลสิทธิ
ในการวิจัยครั้งนี้ให้ข้อมูลสิทธิได้รับการคุ้มครองตามจริยธรรมการวิจัยที่เสนอโดยนายธาดา Sueblinwong (2008) ดังนี้.
1 เคารพต่อบุคคลหรือการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์-การวิจัยครั้งนี้ให้ข้อมูลที่ถูกขออนุญาตและไม่ว่าข้อมูลจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาบางอย่างขึ้นอยู่กับความตั้งใจของพวกเขา พวกเขาได้รับแจ้งว่าข้อมูลและข้อมูลทั้งหมดมอบให้กับนักวิจัยจะถูกเก็บเป็นความลับเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของพวกเขา นอกจากนี้ข้อมูลและข้อมูลที่จะนำเสนอเป็นข้อมูลโดยรวมและชื่อจริงของพวกเขาจะไม่ถูกนำมาใช้.
2 เกื้อกูลและไม่ maleficence สูงสุดประโยชน์ของข้อมูลและสังคมโดยรวมถูกนำเข้าสู่การพิจารณา ดังนั้นการวิจัยได้ดำเนินการในสอดคล้องกับพื้นที่ศึกษาและในลักษณะที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดการทำงานหรือศึกษาข้อมูล 'a.
3 ความยุติธรรมการวิจัยได้ดำเนินการอย่างโปร่งใสและให้ข้อมูลที่ได้รับความยุติธรรม ตัวอย่างเช่นพวกเขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการวิจัยและพวกเขาก็สามารถถามเกี่ยวกับการออกแบบและรายละเอียดของการศึกษา ข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกไว้และรูปภาพทั้งหมดที่ถ่ายได้ดำเนินการไปตามความตั้งใจของผู้ให้ข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการวิจัยเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงคุณภาพนี้ องค์ประกอบของการศึกษานี้คือ กลุ่มของคน การเก็บรวบรวมข้อมูล การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย , การตรวจสอบข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล1 . ข้อมูลผู้ให้ข้อมูลเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนในหมู่เยาวชนในโรงเรียน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มของหกหญิงวัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม กลุ่มสาม พ่อแม่ของหญิงวัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม กลุ่มสอง ครู และ ผอ. โรงเรียน กลุ่มโรงเรียนหกอดีตเพื่อนของหญิงวัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม และสุดท้าย คือ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลย่อย โรงพยาบาล เยาวชนที่มีปัญหาการตั้งครรภ์ครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่าง มีหญิงวัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม เมื่อพวกเขายังเป็นนักเรียนอายุ 18-24 ในโรงเรียนในพื้นที่ศึกษา ส่วนใหญ่ของพวกเขากำลังตั้งครรภ์เมื่อพวกเขาอยู่ในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หรือ นักเรียนชั้นม. 6 ( เกรด 11 หรือ 12 ) หนึ่งหญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ( ระดับ 8 ) เหล่านี้จำนวนของกลุ่มเป้าหมายที่ถูกเลือกโดยนักวิจัย อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลย่อย .2 . การเก็บรวบรวมข้อมูลเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2015 และการสัมภาษณ์กับแต่ละสายใช้เวลาประมาณ 30 ถึง 60 นาที การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างเพื่อลดความเครียดและให้มันเป็นกันเองเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์และตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย3 . เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้วิจัยได้ถามครูในโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อติดต่อประสานงานกับเยาวชนที่มีปัญหาการตั้งครรภ์ที่จะถามว่าพวกเขาจะยินดีที่จะให้ข้อมูลแก่นักวิจัย และการนัดหมายกับพวกเขาล่วงหน้า4 . การตรวจสอบข้อมูลข้อมูล การตรวจสอบการตรวจสอบภายใน มีการตรวจสอบกับผู้รู้ สัมภาษณ์ คำถามและคำตอบเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการศึกษา ความสอดคล้องของคำตอบ ท่าทางข้อมูลในระหว่างการสัมภาษณ์และบริบทยังประเมิน ( ชัย phodhisita , 2011 )5 . การวิเคราะห์ข้อมูลข้อมูลจำแนกตามประเด็นที่ศึกษา วิเคราะห์ และตีความตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาและแนวคิด แล้วนำเสนอแบบบรรยายเชิงพรรณนาสิทธิของข้อมูลก่อนการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยแจ้งกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับสิทธิของพวกเขาที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมในการศึกษา พวกเขาอาจจะปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลและพวกเขามีสิทธิที่จะเปลี่ยนจิตใจของพวกเขาในระหว่างการสัมภาษณ์ และหยุดการให้สัมภาษณ์ในเวลาใด ๆโดยไม่ได้รับผลกระทบ และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกเปิดเผยเพราะข้อมูลทั้งหมดและข้อมูลจะถูกนำเสนอเป็นข้อมูลทั้งหมดหรือข้อมูล โดยรวม และนามแฝง ไม่จริง จะใช้ชื่อ .การคุ้มครองสิทธิของคน "สำหรับงานวิจัยนี้ สิทธิ และ " ได้รับการคุ้มครองตามจริยธรรมการวิจัยที่เสนอโดยธาดา sueblinwong ( 2551 ) ดังนี้1 . ความเคารพในบุคคลหรือการเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สำหรับการวิจัยนี้ และได้ขออนุญาตและไม่ว่าข้อมูลจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นบางอย่างขึ้นอยู่กับความเต็มใจของพวกเขา พวกเขาทราบว่าข้อมูลทั้งหมดและข้อมูลให้กับนักวิจัยจะถูกเก็บไว้เป็นความลับเพื่อที่จะไม่ทำลายชื่อเสียงของพวกเขา นอกจากนี้ ข้อมูลจะถูกนำเสนอเป็นข้อมูลโดยรวมและชื่อที่แท้จริงของพวกเขาจะไม่ใช้2 . บุญคุณไม่มีความชั่วร้ายและประโยชน์สูงสุดของคนและสังคมส่วนรวม นำมาพิจารณา ดังนั้น งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาในความสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และในลักษณะที่น้อยที่สุดที่ได้รับผลกระทบจากการทำงาน หรือเรียน3 . ความยุติธรรมเพื่อดำเนินการอย่างโปร่งใส และผู้รู้ ได้รับความยุติธรรม ตัวอย่างเช่น พวกเขาทราบเกี่ยวกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการวิจัย และพวกเขาก็สามารถถามเกี่ยวกับการออกแบบและรายละเอียดของการศึกษา ข้อมูลที่บันทึกและภาพถ่ายทั้งหมดถ่ายได้ตามความตั้งใจของข้อมูล