This paper examines the influence o

This paper examines the influence of 2 common South African aggregate types on the compressive strength, split and flexural tensile strength and elastic modulus properties of high strength concrete. Two different aggregate types (Andesite and Granite) were used to produce concrete with target strengths ranging from 30 MPa to 120 MPa. Granite concrete was found to have a higher compressive strength, while the stiffer Andesite aggregate produced concrete with a significantly higher elastic modulus. An attempt is made to explain this phenomenon with fracture mechanic theories. No trend was identified for the influence of aggregate type on splitting and flexural tensile strength. The effectiveness of the SANS and EN elastic modulus prediction models was analysed against the test results and it was found that both prediction models accurately predicted elastic modulus values for the Andesite concrete, but produced far less accurate predictions for the Granite concrete.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทความนี้จะตรวจสอบอิทธิพลของมวลรวมของแอฟริกาใต้ 2 ประเภทที่มีต่อกำลังรับแรงอัด ความต้านทานแรงดึงแบบแยกและแรงดัดงอ และคุณสมบัติโมดูลัสยืดหยุ่นของคอนกรีตกำลังสูง มวลรวมสองประเภทที่แตกต่างกัน (แอนดีไซต์และหินแกรนิต) ถูกนำมาใช้ในการผลิตคอนกรีตที่มีกำลังรับแรงเป้าหมายตั้งแต่ 30 MPa ถึง 120 MPa พบว่าคอนกรีตหินแกรนิตมีกำลังอัดสูงกว่า ในขณะที่มวลรวมแอนดีไซต์ที่แข็งกว่าจะผลิตคอนกรีตที่มีโมดูลัสยืดหยุ่นสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ มีการพยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ด้วยทฤษฎีกลศาสตร์การแตกหัก ไม่มีการระบุแนวโน้มสำหรับอิทธิพลของประเภทรวมที่มีต่อการแตกแยกและความต้านทานแรงดึงดัด ประสิทธิผลของแบบจำลองการทำนายโมดูลัสยืดหยุ่นของ SANS และ EN ได้รับการวิเคราะห์เทียบกับผลการทดสอบ และพบว่าแบบจำลองการทำนายทั้งสองแบบทำนายค่าโมดูลัสยืดหยุ่นของคอนกรีตแอนดีไซต์ได้อย่างแม่นยำ แต่ให้การคาดการณ์ที่แม่นยำน้อยกว่ามากสำหรับคอนกรีตหินแกรนิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทความนี้ศึกษาผลกระทบของการรวมสองประเภทที่พบบ่อยในแอฟริกาใต้ต่อแรงอัดของคอนกรีตความแข็งแรงสูงการแยกและความต้านทานแรงดึงดัดและคุณสมบัติโมดูลัสความยืดหยุ่น ใช้สองประเภทรวมกันที่แตกต่างกัน (Andesite และ Granite) ในการผลิตคอนกรีตที่มีความแข็งแรงเป้าหมาย 30MPa ถึง 120MPa พบว่าคอนกรีตหินแกรนิตมีความต้านทานการบีบอัดสูงกว่าในขณะที่คอนกรีตที่ผลิตจากมวลแอนสโตนที่แข็งกว่ามีโมดูลัสความยืดหยุ่นสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ พยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ด้วยทฤษฎีกลศาสตร์การแตกหัก ไม่พบแนวโน้มอิทธิพลของประเภทรวมต่อความแข็งแรงในการแยกและความต้านทานแรงดึงดัดงอ จากการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบจำลองการคาดการณ์โมดูลัสความยืดหยุ่นของ SANS และ EN จากผลการทดสอบพบว่าแบบจำลองการคาดการณ์ทั้งสองทำนายค่าโมดูลัสความยืดหยุ่นของคอนกรีต Yassanya ได้อย่างแม่นยำ แต่ความแม่นยำในการคาดการณ์ของคอนกรีตหินแกรนิตนั้นต่ำกว่ามาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในบทความนี้ได้ทําการศึกษาผลกระทบของมวลรวมสองชนิดของแอฟริกาใต้ที่มีต่อกําลังรับแรงอัดความต้านทานแรงดึงแรงดึงและโมดูลัสยืดหยุ่นของคอนกรีตที่มีความแข็งแรงสูง สองชนิดที่แตกต่างกันของมวลรวม( ashaniteและแกรนิต)ใช้ในการผลิตคอนกรีตที่มีช่วงความแข็งแรงเป้าหมายตั้งแต่30 MPaถึง120 MPa พบว่าคอนกรีตหินแกรนิตมีกําลังรับแรงอัดที่สูงขึ้นในขณะที่มวลรวมหินอานซานที่แข็งขึ้นทําให้เกิดคอนกรีตที่มีโมดูลัสยืดหยุ่นสูงขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ พยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ด้วยทฤษฎีกลศาสตร์การแตกหัก อิทธิพลของชนิดของมวลรวมต่อการแตกตัวและความต้านทานแรงดึงไม่เป็นที่รู้จัก จากผลการทดลองพบว่าแบบจําลองการทํานายแบบยืดหยุ่นแบบSANSและENสามารถทํานายค่าโมดูลัสยืดหยุ่นของคอนกรีตอานซานได้อย่างถูกต้องแต่ความแม่นยําในการทํานายของคอนกรีตหินแกรนิตต่ํากว่ามาก