Deforestation, clearance or clearin

Deforestation, clearance or clearing is the removal of a forest or stand of trees where the land is thereafter converted to a non-forest use.[1] Examples of deforestation include conversion of forestland to farms, ranches, or urban use. Tropical rainforests is where the most concentrated deforestation occurs.[2] Almost 30% of the world is covered by forests, excluding water mass.[3]

In temperate mesic climates, natural regeneration of forest stands often will not occur in the absence of disturbance, whether natural or anthropogenic.[4] Furthermore, biodiversity after regeneration harvest often mimics that found after natural disturbance, including biodiversity loss after naturally occurring rainforest destruction.[5][6]

Deforestation occurs for many reasons: trees are cut down to be used or sold as fuel (sometimes in the form of charcoal) or timber, while cleared land is used as pasture for livestock, plantations of commodities and settlements. The removal of trees without sufficient reforestation has resulted in damage to habitat, biodiversity loss and aridity. It has adverse impacts on biosequestration of atmospheric carbon dioxide. Deforestation has also been used in war to deprive the enemy of cover for its forces and also vital resources. Modern examples of this were the use of Agent Orange by the British military in Malaya during the Malayan Emergency and the United States military in Vietnam during the Vietnam War. As of 2005, net deforestation rates have ceased to increased in countries with a per capita GDP of at least US$4,600.[7][8] Deforested regions typically incur significant adverse soil erosion and frequently degrade into wasteland.

Disregard of ascribed value, lax forest management and deficient environmental laws are some of the factors that allow deforestation to occur on a large scale. In many countries, deforestation, both naturally occurring and human induced, is an ongoing issue. Deforestation causes extinction, changes to climatic conditions, desertification, and displacement of populations as observed by current conditions and in the past through the fossil record.[5] More than half of all plant and land animal species in the world live in tropical forests.[9]

Between 2000 and 2012, 2.3 million square kilometres (890,000 square miles) of forests around the world were cut down.[10] As a result of deforestation, only 6.2 million square kilometres (2.4 million square miles) remain of the original 16 million square kilometres (6 million square miles) of forest that formerly covered the earth

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัดไม้ทำลายป่า เคลียร์ หรือเคลียร์ริ่งจะเอาป่าหรือยืนต้นไม้ที่แผ่นดินหลังจากนั้นแปลงเป็นใช้ไม่ใช่ป่า [1] ตัวอย่างของการทำลายป่ารวมแปลง forestland ฟาร์ม ranches หรือใช้การเมือง พันธุ์ได้ซึ่งการเกิดขึ้นของการทำลายป่าที่เข้มข้นมากที่สุด [2] เกือบ 30% ของโลกถูกปกคลุม โดยป่า ไม่รวมน้ำมวล [3]ในสภาพอากาศ mesic แจ่ม ฟื้นฟูธรรมชาติของป่ายืนมักจะไม่เกิดในกรณีรบกวน ว่าที่มาของมนุษย์ หรือธรรมชาติขึ้น [4] นอกจากนี้ หลังจากฟื้นฟูการเก็บเกี่ยวมักเลียนแบบความหลากหลายทางชีวภาพที่พบรบกวนธรรมชาติ รวมถึงสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจากธรรมชาติเกิดขึ้นทำลายป่า [5] [6]การทำลายป่าเกิดขึ้นหลายสาเหตุ: ต้นไม้ถูกตัดลงเพื่อใช้ หรือขายเป็นเชื้อเพลิง (บางครั้งในรูปแบบของถ่าน) หรือไม้ ขณะล้างที่ดินใช้เป็นพาสเจอร์ปศุสัตว์ สวนของสินค้าโภคภัณฑ์และการชำระเงิน เอาของไม่เพียงพอปลูกต้นไม้มีผลในความเสียหายอยู่อาศัย สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และ aridity มีผลกระทบร้ายบน biosequestration ของบรรยากาศคาร์บอนไดออกไซด์ ยังถูกใช้ในสงครามการทำลายป่าทำให้ไม่ได้เป็นศัตรูของกองกำลัง และทรัพยากรสำคัญครอบ อย่างสมัยนี้ถูกใช้แทนส้ม โดยทหารอังกฤษในมาลายาในระหว่างวิกฤตการณ์มาลายาและในเวียดนามกองทัพสหรัฐอเมริกาในระหว่างสงครามเวียดนาม ณ ปี 2005 ราคาสุทธิทำลายป่าได้เพิ่มจะเพิ่มขึ้นในประเทศที่มี GDP ต่อหัวน้อยสหรัฐอเมริกา $ 4, 600 [7] [8] deforested ภูมิภาคโดยทั่วไปจะใช้การกัดเซาะดินร้ายสำคัญ และมักจะลดทอนใน wastelandไม่สนใจค่า ascribed, lax ป่าจัดการ และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ขาดสารเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้การทำลายป่าเกิดขึ้นบนพื้นที่ขนาดใหญ่ ในหลายประเทศ ทำลายป่า ธรรมชาติเกิดขึ้น และมนุษย์เกิด เป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการสูญพันธุ์ เปลี่ยนเงื่อนไข climatic, desertification และเคลื่อนย้ายของประชากรตามสังเกต ตามสภาพปัจจุบัน และ ในอดีตผ่านคอร์ดฟอส [5] มากกว่าครึ่งหนึ่งของโรงงาน และที่ดินสัตว์สปีชีส์ในโลกที่อาศัยอยู่ในป่าเขตร้อน [9]ระหว่าง 2000 และ 2012, 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร (890,000 ตารางไมล์) ของป่าทั่วโลกถูกตัดลง [10] เป็นผลมาจากการทำลายป่า เพียง 6.2 ล้านตารางกิโลเมตร (2.4 ล้านตารางไมล์) อยู่ 16 ล้านต้นฉบับตารางกิโลเมตร (6 ล้านตารางไมล์) ของป่าที่ปกคลุมโลกเดิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัดไม้ทำลายป่าการกวาดล้างหรือล้างคือการกำจัดของป่าหรือขาตั้งของต้นไม้ที่ที่ดินจะถูกแปลงหลังจากนั้นไปใช้ที่ไม่ใช่ป่า. [1] ตัวอย่างของการตัดไม้ทำลายป่ารวมถึงการเปลี่ยนแปลงของป่าฟาร์มทุ่งหรือการใช้งานในเมือง ป่าฝนเขตร้อนเป็นที่ที่ตัดไม้ทำลายป่ามีความเข้มข้นมากที่สุดเกิดขึ้น. [2] เกือบ 30% ของโลกถูกปกคลุมด้วยป่าไม้ไม่รวมมวลน้ำ. [3] ในสภาพอากาศ Mesic สมควรฟื้นฟูธรรมชาติของป่ายืนมักจะไม่เกิดขึ้นในกรณีที่ไม่มีการรบกวน .. ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือมนุษย์ [4] นอกจากนี้ความหลากหลายทางชีวภาพหลังการเก็บเกี่ยวการฟื้นฟูมักจะเลียนแบบที่พบหลังจากการรบกวนธรรมชาติรวมทั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพหลังจากที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติการทำลายป่าฝนเขตร้อน [5] [6] ตัดไม้ทำลายป่าเกิดขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการต้นไม้ถูกตัดลงไปเป็น ใช้หรือขายเป็นเชื้อเพลิง (บางครั้งในรูปแบบของถ่าน) หรือไม้ในขณะที่ที่ดินล้างจะถูกใช้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์สำหรับปศุสัตว์, สวนของสินค้าและการตั้งถิ่นฐาน การกำจัดของต้นไม้ปลูกป่าโดยไม่ต้องเพียงพอมีผลในความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัย, การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความแห้งแล้ง มันมีผลกระทบใน biosequestration ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ตัดไม้ทำลายป่ายังถูกนำมาใช้ในสงครามที่จะกีดกันศัตรูของฝาครอบกองกำลังและยังมีทรัพยากรที่สำคัญของ ตัวอย่างสมัยใหม่นี้มีการใช้งานของตัวแทนส้มโดยทหารอังกฤษในแหลมมลายูในช่วงฉุกเฉินภาษามลายูและทหารสหรัฐในเวียดนามในช่วงสงครามเวียดนาม ในฐานะของปี 2005 อัตราการตัดไม้ทำลายป่าสุทธิได้หยุดที่จะเพิ่มขึ้นในประเทศที่มี GDP ต่อหัวน้อยกว่าสหรัฐ $ 4,600. [7] [8] ภูมิภาคป่าถูกทำลายมักจะก่อให้เกิดการพังทลายของดินที่ไม่พึงประสงค์อย่างมีนัยสำคัญและบ่อยครั้งที่ย่อยสลายเป็นความสูญเปล่า. ไม่สนใจของมูลค่า ascribed, หละหลวม การจัดการป่าไม้และกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ขาดคือบางส่วนของปัจจัยที่ช่วยให้ตัดไม้ทำลายป่าที่จะเกิดขึ้นในขนาดใหญ่ ในหลายประเทศตัดไม้ทำลายป่าทั้งสองเกิดขึ้นตามธรรมชาติและมนุษย์เกิดเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดการสูญเสียการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ทะเลทรายและการกำจัดของประชากรที่เป็นข้อสังเกตจากสภาพปัจจุบันและในอดีตที่ผ่านการบันทึกฟอสซิลที่. [5] มากกว่าครึ่งหนึ่งของทุกโรงงานและที่ดินสัตว์ชนิดในโลกอาศัยอยู่ในป่าเขตร้อน [9] ระหว่างปี 2000 และ 2012, 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร (890,000 ตารางไมล์) ของป่าทั่วโลกถูกตัดลง. [10] ในฐานะที่เป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่าเพียง 6,200,000 ตารางกิโลเมตร (2.4 ล้านตารางไมล์) ยังคงเป็นของเดิม 16 ล้านตารางกิโลเมตร (6,000,000 ตารางไมล์) ของป่าที่ปกคลุมไปก่อนแผ่นดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตัดไม้ทำลายป่า การเป็นพิธีการ หรือการกำจัดของป่าหรือต้นไม้ที่ยืนของที่ดินแปลงหลังจากนั้นไม่ป่าใช้ [ 1 ] ตัวอย่างของการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของ forestland เพื่อฟาร์ม ฟาร์ม หรือใช้ในเมือง ป่าฝนเขตร้อน เป็นไม้ที่เข้มข้นมากที่สุดเกิดขึ้น . [ 2 ] เกือบ 30% ของโลกถูกปกคลุมด้วยป่าไม้ ไม่รวมมวลน้ำ [ 3 ]

ในสภาพอากาศหนาวเมสิกฟื้นฟูธรรมชาติของป่าไม้มักจะไม่เกิดขึ้นในการขาดงานของความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือมนุษย์ . [ 4 ] นอกจากนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพ หลังจากเก็บเกี่ยวใหม่มักจะเลียนแบบที่พบหลังจากการรบกวนธรรมชาติ รวมทั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพหลังจากที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือทำลาย . [ 5 ] [ 6 ]

การตัดไม้ทำลายป่าเกิดขึ้นหลายเหตุผล :ต้นไม้ที่ถูกตัดลงเพื่อใช้หรือขายเป็นเชื้อเพลิง ( บางครั้งในรูปแบบของถ่านหรือไม้ ในขณะที่การล้างที่ดินที่ใช้เป็นทุ่งหญ้าสำหรับปศุสัตว์ สวนของสินค้าโภคภัณฑ์และงบประมาณ เอาต้นไม้ไม่เพียงพอพระส่งผลให้เกิดความเสียหายกับสิ่งแวดล้อม การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและแห้ง . มันมีผลกระทบ biosequestration คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศการตัดไม้ทำลายป่ายังถูกใช้ในสงครามเพื่อกีดกันศัตรูของปกสำหรับกองทัพของมัน และทรัพยากรที่สําคัญ ตัวอย่างใหม่นี้ ได้แก่ การใช้ตัวแทนส้มโดยทหารอังกฤษในมลายาในภาษามลายูฉุกเฉิน และทหารสหรัฐในเวียดนามในช่วงสงครามเวียดนาม ใน 2005