ดาวศุกร์ (Venus) เป็นดาวที่สุกสว่าง

ดาวศุกร์ (Venus)
เป็นดาวที่สุกสว่างที่สุดบนท้องฟ้า โดยมีความสว่างเป็นรองเพียงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เท่านั้น ผู้คนในสมัยโบราณจึงเชื่อว่าดาวศุกร์เป็นเทพธิดาแห่งความรัก ชาวไทยสังเกตดาวศุกร์มาช้านานเช่นกัน สังเกตได้จากการเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาเช้าว่า ดาวประกายพรึก และเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาพลบค่ำว่า ดาวประจำเมือง ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้เรียกมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคือดาวดวงเดียวกัน

ดาวศุกร์ส่องสว่างมากเพราะมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยเมฆหนาทึบ ทำให้สะท้อนแสงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี แต่เมฆหน้าทึบนี้ก็เป็นอุปสรรค์ในการสังเกตพื้นผิวดาวจากโลก ในช่วงก่อนทศวรรษ 1960 นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าใต้ชั้นเมฆหนาทึบนั้นอาจจะเป็นผิวดาวที่มีน้ำและ ชีวิตในลักษณะเดียวกับโลกก็เป็นได้ ในเวลานั้นการสำรวจพื้นผิวดาวศุกร์ทำได้โดยใช้เรดาร์เท่านั้น เพราะมีเพียงเรดาร์ที่สามารถส่องทะลุชั้นเมฆหนาแน่นได้ แต่เรดาร์ก็มีความละเอียดต่ำมาก จึงใช้สำรวจภูมิประเทศได้แต่เพียงหยาบ ๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1962 ประเทศสหรัฐอเมริกาส่งนายอวกาศลำแรกไปสำรวจดาวศุกร์ คือ ยานมารีเนอร์ 2 (Mariner 2) และในปี ค.ศ.1975 ประเทศรัสเซียก็ส่งยานเวเนอรา 7 (Venera 2) ลงไปจอดบนผิวดาวได้เป็นครั้งแรก ข้อมูลจากยานเวเนอราทำให้นักดาราศาสตร์ทราบความจริงว่า พื้นผิวดาวศุกร์ที่เคยคาดว่าเหมาะสมกับการดำรงชีพเช่นเดียวกับโลกกับกลาย เป็นพื้นผิวที่ไม่ต่างจากลักษณะของขุมนรกในจินตนาการ
ดาวศุกร์มีลีกษณะการหมุนรอบตัวเองที่แปลกกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ คือ หมุนรอบตัวเองช้ามาก วันหนึ่งของดาวศุกร์มีความยาว 243 วันของโลก ดาวศุกร์จึงเป็นดาวที่เวลา 1 วัน นานกว่า 1 ปี นอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนรอบตัวเองตามเข็มนาฬิกา ซึ่งกลับข้างกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่หมุนทวนเข็มนาฬิกา
ดาวศุกร์แทบไม่มีสนามแม่เหล็กอยู่เลย คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้ามาก ผลอีกประการหนึ่งของการที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้า คือพื้นผิวดาวศุกร์มีลมพัดเพียงเอื่อย ๆ เท่านั้น ทำให้พื้นผิวดาวยิ่งร้อนระอุขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดาวศุกร์ (วีนัส) เป็นดาวที่สุกสว่างที่สุดบนท้องฟ้าโดยมีความสว่างเป็นรองเพียงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เท่านั้นผู้คนในสมัยโบราณจึงเชื่อว่าดาวศุกร์เป็นเทพธิดาแห่งความรักชาวไทยสังเกตดาวศุกร์มาช้านานเช่นกันสังเกตได้จากการเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาเช้าว่าดาวประกายพรึกและเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาพลบค่ำว่าดาวประจำเมืองซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้เรียกมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคือดาวดวงเดียวกัน ดาวศุกร์ส่องสว่างมากเพราะมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยเมฆหนาทึบทำให้สะท้อนแสงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดีแต่เมฆหน้าทึบนี้ก็เป็นอุปสรรค์ในการสังเกตพื้นผิวดาวจากโลกในช่วงก่อนทศวรรษ 1960 นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าใต้ชั้นเมฆหนาทึบนั้นอาจจะเป็นผิวดาวที่มีน้ำและชีวิตในลักษณะเดียวกับโลกก็เป็นได้ในเวลานั้นการสำรวจพื้นผิวดาวศุกร์ทำได้โดยใช้เรดาร์เท่านั้นเพราะมีเพียงเรดาร์ที่สามารถส่องทะลุชั้นเมฆหนาแน่นได้แต่เรดาร์ก็มีความละเอียดต่ำมากจึงใช้สำรวจภูมิประเทศได้แต่เพียงหยาบๆ ต่อมาในปีค.ศ. 1962 ประเทศสหรัฐอเมริกาส่งนายอวกาศลำแรกไปสำรวจดาวศุกร์คือยานมารีเนอร์ 2 (มาริเนอร์ 2) และในปี ค.ศ.1975 ประเทศรัสเซียก็ส่งยานเวเนอรา 7 (Venera 2) ลงไปจอดบนผิวดาวได้เป็นครั้งแรกข้อมูลจากยานเวเนอราทำให้นักดาราศาสตร์ทราบความจริงว่าพื้นผิวดาวศุกร์ที่เคยคาดว่าเหมาะสมกับการดำรงชีพเช่นเดียวกับโลกกับกลายเป็นพื้นผิวที่ไม่ต่างจากลักษณะของขุมนรกในจินตนาการ ดาวศุกร์มีลีกษณะการหมุนรอบตัวเองที่แปลกกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ คือหมุนรอบตัวเองช้ามากวันหนึ่งของดาวศุกร์มีความยาว 243 วันของโลกดาวศุกร์จึงเป็นดาวที่เวลา 1 วันนานกว่า 1 ปีนอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนรอบตัวเองตามเข็มนาฬิกาซึ่งกลับข้างกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่หมุนทวนเข็มนาฬิกา ดาวศุกร์แทบไม่มีสนามแม่เหล็กอยู่เลยคาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้ามากผลอีกประการหนึ่งของการที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้าคือพื้นผิวดาวศุกร์มีลมพัดเพียงเอื่อยๆ เท่านั้นทำให้พื้นผิวดาวยิ่งร้อนระอุขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดาวศุกร์
ดาวประกายพรึก ดาวประจำเมือง

ในช่วงก่อนทศวรรษ 1960 ชีวิตในลักษณะเดียวกับโลกก็เป็น ได้ แต่เรดาร์ก็มีความละเอียดต่ำมาก ๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1962 คือยานมารีเนอร์ 2 (นาวิน 2) และในปี ค.ศ. 1975 ประเทศรัสเซียก็ส่งยานเวเนอรา 7 (เวเน 2) ลงไปจอดบนผิวดาวได้เป็น ครั้งแรก
ๆ คือหมุนรอบตัวเองช้ามาก วันหนึ่งของดาวศุกร์มีความยาว 243 วันของโลกดาวศุกร์จึงเป็นดาว ที่เวลา 1 วันนานกว่า 1 ปี ซึ่งกลับข้างกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ
ๆ เท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดาวศุกร์ ( ดาวศุกร์ )เป็นดาวที่สุกสว่างที่สุดบนท้องฟ้าโดยมีความสว่างเป็นรองเพียงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เท่านั้นผู้คนในสมัยโบราณจึงเชื่อว่าดาวศุกร์เป็นเทพธิดาแห่งความรักชาวไทยสังเกตดาวศุกร์มาช้านานเช่นกันสังเกตได้จากการเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาเช้าว่าดาวประกายพรึกและเ รียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาพลบค่ำว่าดาวประจำเมืองซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้เรียกมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคือดาวดวงเดียวกันดาวศุกร์ส่องสว่างมากเพราะมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยเมฆหนาทึบทำให้สะท้อนแสงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดีแต่เมฆหน้าทึบนี้ก็เป็นอุปสรรค์ในการสังเกตพื้นผิวดาวจากโลกในช่วงก่อนทศวรรษ 1960 นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าใต้ชั้นเมฆหนาทึบนั้นอาจจะเป็นผิวดาวที่มีน้ำและชีวิตใน ลักษณะเดียวกับโลกก็เป็นได้ในเวลานั้นการสำรวจพื้นผิวดาวศุกร์ทำได้โดยใช้เรดาร์เท่านั้นเพราะมีเพียงเรดาร์ที่สามารถส่องทะลุชั้นเมฆหนาแน่นได้แต่เรดาร์ก็มีความละเอียดต่ำมากจึงใช้สำรวจภูมิประเทศได้แต่เพียงหยาบจะต่อมาในปีค . ศ . 1962 ประเทศสหรัฐอเมริกาส่งนายอวกาศลำแรกไปสำรวจดาวศุกร์ความยานมารีเนอร์ 2 ( ด 2 ) และในปีค . ศ 1975 ประเทศรัสเซียก็ส่งยานเวเนอรา 7 ( เวเนลงไปจอดบนผิวดาวได้เป็นครั้งแรกข้อมูลจากยานเวเนอราทำให้นักดาราศาสตร์ทราบความจริงว่าพื้นผิวดาวศุกร์ที่เคยคาดว่าเหมาะสมกับการดำรงชีพเช่น 2 ) เดียวกับโลกกับกลายเป็นพื้นผิวที่ไม่ต่างจากลักษณะของขุมนรกในจินตนาการดาวศุกร์มีลีกษณะการหมุนรอบตัวเองที่แปลกกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นไม่มีความหมุนรอบตัวเองช้ามากวันหนึ่งของดาวศุกร์มีความยาว 243 วันของโลกดาวศุกร์จึงเป็นดาวที่เวลา 1 ได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่านานกว่า 1 นอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนรอบตัวเองตามเข็มนาฬิกาซึ่งกลับข้างกับดาวเคราะห์ดวงอื่นจะที่หมุ . นทวนเข็มนาฬิกาดาวศุกร์แทบไม่มีสนามแม่เหล็กอยู่เลยคาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้ามากผลอีกประการหนึ่งของการที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้าคือพื้นผิวดาวศุกร์มีลมพัดเพียงเอื่อยจะเท่านั้นทำให้พื้นผิวดาวยิ่งร้อนระอุขึ้นไปอีก