Density and thermal conductivity of

Density and thermal conductivity of food items can be expressed as a function of temperature, based on the combination of the major constituents of individual food items ( Hamdami et al., 2004a and Watzke et al., 2010). The challenge in solving Eq. (1) is the inclusion of sensible heat and latent heat of phase change in the mushy zone. For a food system, a method based on latent heat has to be developed, such that, a single energy balance equation is required for the entire domain consisting of coexisting solid, liquid, and mushy zone. The most commonly used and reliable method is the apparent heat capacity (AHC) method ( Kumar and Subhendu, 2009 and Pham, 2006). In this method, latent heat is included in the sensible heat to produce a heat capacity curve with a large peak around the mushy zone, which lies between the temperatures T1 (thawed side) and T2 (frozen side), as depicted in Fig. 1. The original heat transfer equation (Eq. (1)) is modified as Eq. (2), in which Cp(app) is the apparent heat capacity (AHC) expressed in J/(kg•K).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความหนาแน่นและการนำความร้อนของอาหารสามารถแสดงเป็นฟังก์ชันของอุณหภูมิ ยึดชุด constituents หลักของอาหารแต่ละรายการ (Hamdami et al., 2004a และ Watzke et al., 2010) ความท้าทายในการแก้ Eq. (1) เป็นการรวมความร้อนที่เหมาะสมและความร้อน latent เปลี่ยนระยะในโซน mushy สำหรับระบบอาหาร วิธีการใช้ความร้อน latent ได้พัฒนา ที่ สมการสมดุลพลังงานเดียวที่ถูกต้องสำหรับโดเมนทั้งหมดที่ประกอบด้วย coexisting ของแข็ง ของเหลว และ mushy โซน บ่อยที่สุดเชื่อถือได้ และใช้วิธีคือ วิธีการชัดเจนความร้อนจำเพาะ (AHC) (Kumar และ Subhendu, 2009 และ ฟาม 2006) ในวิธีการนี้ latent ความร้อนอยู่ในความร้อนที่เหมาะสมเพื่อผลิตแบบโค้งความจุความร้อนสูงใหญ่รอบโซน mushy ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอุณหภูมิ T1 (thawed ด้าน) และ T2 (แช่ด้าน), เป็นแสดงใน Fig. 1 เดิมความร้อนโอนย้ายสมการ (Eq. (1)) มีการปรับเปลี่ยนเป็น Eq. (2), ที่ Cp(app) กำลังชัดเจนความร้อน (AHC) แสดงใน J/(kg•K)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความหนาแน่นและการนำความร้อนของรายการอาหารสามารถแสดงเป็นฟังก์ชันของอุณหภูมิบนพื้นฐานของการรวมกันขององค์ประกอบที่สำคัญของรายการอาหารของแต่ละบุคคล (Hamdami et al., 2004a และ Watzke et al., 2010) ความท้าทายในการแก้สมการ (1) เป็นที่รวมของความร้อนที่เหมาะสมและความร้อนแฝงของการเปลี่ยนเฟสในโซนอ่อน ระบบอาหารวิธีการขึ้นอยู่กับความร้อนแฝงจะต้องมีการพัฒนาเช่นว่าสมการสมดุลพลังงานเดียวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งโดเมนพร้อมกันประกอบด้วยของแข็งของเหลวและเขตอ่อน วิธีที่ใช้กันมากที่สุดและเชื่อถือได้เป็นที่ประจักษ์ความจุความร้อน (AHC) วิธีการ (มาร์และ Subhendu, 2009 และ Pham 2006) ในวิธีนี้ความร้อนแฝงจะรวมอยู่ในความร้อนที่เหมาะสมในการผลิตเส้นโค้งคว​​ามจุความร้อนที่มีขนาดใหญ่รอบสูงสุดโซนอ่อนซึ่งอยู่ระหว่างอุณหภูมิ T1 (ด้านละลาย) และ T2 (แช่แข็งด้าน) เช่นที่ปรากฎในรูป 1. การถ่ายเทความร้อนเดิมสมการ (สม. (1)) มีการแก้ไขเป็นสมการ (2) ซึ่ง Cp (app) คือความจุความร้อนที่เห็นได้ชัด (AHC) แสดงใน J / (กก• K)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความหนาแน่น และสินค้าอาหารนำความร้อน สามารถแสดงเป็นฟังก์ชันของอุณหภูมิ บนพื้นฐานของการรวมกันขององค์ประกอบที่สำคัญของอาหารแต่ละรายการ ( hamdami et al . , 2004a และ watzke et al . , 2010 ) ความท้าทายในการแก้ไขอีคิว ( 1 ) รวมของความร้อนที่เหมาะสมและความร้อนแฝงของการเปลี่ยนเฟสในโซนนะ สำหรับระบบอาหารวิธีการขึ้นอยู่กับความร้อนแฝงที่ต้องพัฒนา เช่นว่า มีเพียงสมการดุลพลังงานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโดเมนทั้งหมดประกอบด้วยค่าของแข็ง ของเหลว และอืด โซน ที่ใช้กันมากที่สุดและเชื่อถือได้วิธีการคือความจุความร้อนที่ชัดเจน ( AHC ) วิธีการ ( คูมาร์กับ subhendu 2009 และฟาม , 2006 ) ในวิธีนี้ความร้อนแฝงอยู่ในความร้อนที่เหมาะสมเพื่อผลิตความจุความร้อนโค้งที่มียอดขนาดใหญ่รอบ ๆโซนอืด ซึ่งอยู่ระหว่างอุณหภูมิ T1 ( ละลายด้านข้าง ) และ T2 ( แช่แข็งด้านข้าง ) , ตามที่ปรากฎในรูปที่ 1 เดิมการถ่ายโอนความร้อน สมการ ( อีคิว ( 1 ) ดัดแปลงเป็นอีคิว ( 2 ) ซึ่งใน CP ( app ) คือความจุความร้อนที่ชัดเจน ( AHC ) แสดงออกใน J / ( กิโลกรัม - K )