The overall objective of this study

The overall objective of this study was (1) to determine whether hip muscle stretching intervention in conjunction with CSE would result in greater improvements in outcomes than sham treatment, and (2) to compare commonly used hip muscle strengthening exercises. We hypothesized that the addition of hip muscle stretching exercises would show improved outcomes for both physical function and activity after 6 weeks of intervention. We observed greater differences in the pain intensity, lower back instability, hip muscle flexibility, disability level, balance ability, and QOL scores after 6 weeks for the Stretch group than the Sham group. While for the Strengthen group, we observed greater differences in lower back instability and hip muscle flexibility than in the Sham group. To the best of our knowledge, this is the first randomized controlled trial to assess the effects of hip muscle stretching exercises on patients with NSLBP

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์โดยรวมของการศึกษานี้คือ (1) เพื่อพิจารณาว่าการแทรกแซงการยืดกล้ามเนื้อสะโพกร่วมกับ CSE จะส่งผลให้ผลลัพธ์มีการปรับปรุงมากกว่าการรักษาหลอกหรือไม่ และ (2) เพื่อเปรียบเทียบการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อสะโพกที่ใช้กันทั่วไป เราตั้งสมมติฐานว่าการเพิ่มการออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อสะโพกจะแสดงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับทั้งการทำงานทางกายภาพและกิจกรรมหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ของการแทรกแซง เราสังเกตเห็นความแตกต่างมากขึ้นในด้านความรุนแรงของความเจ็บปวดความไม่มั่นคงของหลังส่วนล่าง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อสะโพก ระดับความพิการ ความสามารถในการทรงตัว และคะแนน QOL หลังจาก 6 สัปดาห์สำหรับกลุ่มยืดกล้ามเนื้อมากกว่ากลุ่ม Sham ในขณะที่กลุ่ม Strengthen เราสังเกตเห็นความแตกต่างมากขึ้นในด้านความสามารถในการเคลื่อนไหวของหลังส่วนล่างและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อสะโพกมากกว่าในกลุ่ม Sham เท่าที่เราทราบ นี่คือการทดลองควบคุมแบบสุ่มครั้งแรกเพื่อประเมินผลของการออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อสะโพกต่อผู้ป่วย NSLBP

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป้าหมายโดยรวมของการศึกษานี้คือ (1) เพื่อตรวจสอบว่าการแทรกแซงการยืดกล้ามเนื้อสะโพกในกรณีของการผูก CSE จะทำให้
(2) การออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อสะโพกที่ใช้กันทั่วไป เรา
สมมติว่าการยืดกล้ามเนื้อสะโพกเพิ่มขึ้น
การออกกำลังกายจะแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงสมรรถภาพทางกายทั้งสอง
แทรกแซงการทำงานและกิจกรรมหลังจาก 6 สัปดาห์ เรา
สังเกตได้ว่าความรุนแรงของอาการปวดแตกต่างกันมากขึ้น
หลังไม่มั่นคง กล้ามเนื้อสะโพกยืดหยุ่น ระดับความพิการ ความสามารถในการทรงตัว และคะแนนคุณภาพชีวิตหลัง 6 สัปดาห์
กลุ่มชาม ขณะที่การสร้างความเข้มแข็ง
เมื่อเทียบกับกลุ่ม Sham เราสังเกตเห็นความแตกต่างของความไม่มั่นคงของหลังส่วนล่างและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อสะโพก ถึง
เท่าที่เราทราบนี่เป็นการทดลองแบบสุ่มควบคุมครั้งแรกเพื่อประเมินผลของการยืดกล้ามเนื้อสะโพก
การเคลื่อนไหวของผู้ป่วย NSLBP

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์โดยรวมของการศึกษาครั้งนี้คือ(1)กําหนดว่าการแทรกแซงการยืดกล้ามเนื้อสะโพกในผู้ป่วยที่มีการรวมตัวกันจะนําไปสู่การปรับปรุงที่มากขึ้นหรือไม่
ผลลัพธ์ดีกว่าการรักษาเท็จและ(2)โดยทั่วไปใช้การออกกําลังกายเสริมกล้ามเนื้อสะโพก พวกเรา
สมมติว่าการยืดกล้ามเนื้อสะโพกเพิ่มขึ้น
การออกกําลังกายจะแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงทางร่างกายและจิตใจ
การแทรกแซง6สัปดาห์หลังการทํางานและกิจกรรม พวกเรา
สังเกตความแตกต่างของความรุนแรงของอาการปวดมีขนาดใหญ่และต่ํากว่า
ความไม่มั่นคงด้านหลังความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อสะโพกความพิการความสมดุลและคะแนนQOLหลังการยืด6สัปดาห์
สูงกว่ากลุ่มผ่าตัดปลอม และสําหรับความเข้มแข็ง
ในกลุ่มเราสังเกตเห็นความไม่มั่นคงด้านล่างและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อสะโพกมากกว่ากลุ่มผ่าตัดปลอม ถึง
เท่าที่เรารู้ นี่เป็นการทดลองแบบสุ่มครั้งแรก ที่ประเมินผลการยืดกล้ามเนื้อสะโพก
การออกกําลังกายของผู้ป่วยโรค nslbp