หลักคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เช่น คริสต์ศาสนา และศาสนาอิสลาม จัดอยู่ในแนวคิดเจตจำนงนิยม เพราะถือเอาเจตนาเป็นตัวตัดสิน ค่าทางจริยธรรมแห่งการกระทำของบุคคล
คริสต์ศาสนา ก็ถือเอาเจตนาเป็นหลักในการตัดสินการกระทำของบุคคล มิได้มองเพียงภายนอก แต่มองไปที่จิตใจของผู้กระทำว่า กระทำด้วยใจจริงหรือไม่ หรือกระทำด้วยหวังเอาหน้าหรือไม่ การกระทำจะจัดว่าเป็นบาปภายนอก ย่อมเกิดจากบาปภายในหรือจิตใจที่เป็นบาป และการกระทำจะจัดว่าดี ก็มาจากใจที่ดี ดังพระเยซูตรัสว่า “ ต้นไม้ดีจะเกิดผลชั่วไม่ได้ หรือต้นไม้ชั่วจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ ”
ศาสนาอิสลาม ก็ถือเอาเจตนาเป็นหลักในพิจารณาตัดสิน การกระทำของบุคคลเช่นกัน คือ ศาสนาอิสลามถือว่า เจตนาจะเป็นหลักมูลฐาน ในการกระทำของบุคคลที่จะเชื่อมโยงไปถึงการตอบแทนผล ของการกระทำในวันพิพากษาโลกของพระเจ้า โดยมีทัศนะว่าการตอบแทนการกระทำของมนุษย์ ย่อมขึ้นอยู่กับเจตนาของเขา การกระทำที่ดีคือการกระทำที่ผู้กระทำได้ กระทำตามพระบัญญัติในคัมภีร์ซึ่งถือเป็นโองการของพระเจ้าด้วยความใจหรือบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่กระทำเพื่อหวังผลอย่างอื่นเคลือบแฝงอยู่ เช่น การกระทำเพื่อโอ้อวดหรือเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง เป็นต้น เช่นนี้ไม่จัดเป็นการกระทำที่ดี เพราะผู้กระทำทำไปโดยไม่บริสุทธิ์ใจ “แท้จริง การกระทำทั้งหลายย่อมขึ้นอยู่กับเจตนาและบุคคลย่อมได้รับผลตามที่เขาเจตนา”