ละครเวทีต่างจากภาพยนตร์ตรงที่ละครเวทีเป็นการแสดงสดทุกรอบเน้นการเล่นบนเวทีแบบยิ่งใหญ่ให้ทั่วถึงคนดูเมื่อเราเป็นผู้ชมละครเวที เราจะรู้สึกได้ถึงพลังของนักแสดงที่ส่งมากระทบเรา ความต้องการ ความทุกข์ทรมาน หรือความสุขของตัวละครที่แสดงออกมาบนเวที สามารถส่งผ่านมาถึงเราได้โดยตรง สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีจึงเป็นเสมือนประสบการณ์ของอารมณ์ที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนั้นและกระทบใจของเราได้โดยไม่ผ่านกระบวนการตัดต่ออย่างศิลปะบันเทิงอื่นๆ การสื่อสารระหว่างผู้ชมกับนักแสดงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในละครเวทีเวลาที่เราดูหนังไม่ว่าจากจอทีวีหรือบนจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ พร้อมด้วยระบบเสียงแบบ SDDS หรือ DOLBY STEREO EX ที่ฮิตๆ กันอยู่ตอนนี้ ถึงแม้ว่าเราจะมีอารมณ์ร่วมไปกับภาพที่ปรากฏบนจอเพียงไร แต่สิ่งที่เห็นก็เป็นเพียงภาพลักษณ์ (IMAGE) เท่านั้น ไม่ใช่ตัวตนที่โลดแล่นจริงๆอยู่ตรงหน้า ไม่เฉพาะแต่ผู้ชมที่จะรู้สึกถึงความมีตัวตนของนักแสดง แต่นักแสดงเองก็รู้สึกถึงตัวตนของผู้ชมเช่นกัน ในการแสดงละครแต่ละรอบ การสื่อสารระหว่างคนพูกับนักแสดงจะต่างกันไปหมด นักแสดงจะรู้สึกถึงความตื่นเต้น การคาดหวังการตอบสนองเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้จากคนดู และสิ่งเหล่านี้ทำให้นักแสดงมีการตอบรับต่างกันไปในแต่ละรอบในการแสดงบางรอบ ถ้าผู้ชมไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเหมือนกับผู้ชมในรอบอื่นๆ นักแสดงจะกลุ้มใจกันมากกว่าเกิดอะไรขึ้น โทรทัศน์ก็เช่นกัน แม้บางครั้งจะมีการถ่ายทอดสด แต่คำว่า “สด” ทางโทรทัศน์ก็ยังต่างกับการที่คุณนั่งดูละครเวทีอยู่ในโรงละครโดยสิ้นเชิง โทรทัศน์เป็นการสื่อสารด้านเดียว ในขณะที่ละครเวทีการสื่อสารระหว่างผู้ชมและนักแสดงเกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน และมีผลกระทบซึ่งกันและกันตลอดเวลาตั้งแต่เปิดม่านจนจบการแสดง