In northern Burma opium, bans have

In northern Burma opium, bans have ended a century old tradition of growing poppy. Between 20,000 and 30,000 ex-poppyfarmers left the Kokang region as a result of the ban in 2002.People from the Wa region, where the ban was implemented in 2005, fled to areas where growing opium is still possible. Other ex-poppyfarmers are being relocated to areas near rubber plantations. These are often mono-plantations from Chinese investors

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในภาคเหนือพม่าฝิ่น ห้ามมีสิ้นสุดศตวรรษที่เก่าประเพณีการปลูกฝิ่น ระหว่าง 30000 และ 20000 poppyfarmers อดีตซ้าย ภูมิภาค Kokang จากบ้านใน 2002.People จากภาค Wa ที่บ้านได้ดำเนินการในปี 2005 หนีไปยังพื้นที่ที่ปลูกฝิ่นได้ยัง Poppyfarmers อดีตอื่น ๆ จะถูกย้ายไปใกล้กับสวนยาง เหล่านี้มักปลูกขาวดำจากนักลงทุนจีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฝิ่นในพม่าทางตอนเหนือของเรย์แบนได้สิ้นสุดศตวรรษประเพณีเก่าของงาดำที่กำลังเติบโต ระหว่าง 20,000 และ 30,000 อดีต poppyfarmers ซ้ายภูมิภาค Kokang เป็นผลมาจากการห้ามใน 2002.People จากภูมิภาควาที่บ้านที่ถูกนำมาใช้ในปี 2005 หลบหนีไปยังพื้นที่ที่มีการปลูกฝิ่นยังคงเป็นไป poppyfarmers อดีตอื่น ๆ จะถูกย้ายไปยังพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับสวนยางพารา เหล่านี้มักจะสวนขาวดำจากนักลงทุนจีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฝิ่นภาคเหนือของพม่า ห้ามมีสิ้นสุดศตวรรษประเพณีเก่าของการปลูกดอกฝิ่น ระหว่าง 20 , 000 อดีต poppyfarmers ออกจากเขตโกก้าง ซึ่งเป็นผลจากบ้านในปี 2002 ประชาชนจากเขตว้า ซึ่งบ้านถูกนำมาใช้ในปี 2005 หลบหนีไปยังพื้นที่ที่ปลูกฝิ่นยังคงเป็นไปได้ poppyfarmers อดีตอื่น ๆที่ถูกย้ายไปอยู่บริเวณใกล้สวนยางพาราเหล่านี้มักจะเป็นโมโน สวนยางพารา จากนักลงทุนจีน