Non-medical prescribing has evolved

Non-medical prescribing has evolved as part of
some advanced practice nursing roles and was
developed to:
Improve patient care by promoting access
to medications.
Empower patients by enabling choice
in healthcare.
Enhance flexible ways of working in healthcare
teams and use the skills and knowledge of nurses
working at an advanced practice level.
Non-medical prescribing has helped to address
some issues relating to adherence to pain
management strategies, improve patients’ access
to analgesics, and provide a holistic approach to
the assessment and management of cancer pain.
Lewis-Evans and Jester (2004) identified some of
the benefits of non-medical prescribing to patients,
including improved communication, better
continuity of care and increased patient confidence
in healthcare professionals.
Patients receiving palliative care are responsive
to and supportive of non-medical prescribing
because the nurse is deemed to have in-depth
knowledge of the patient, a sound knowledge of
analgesics and more time for the consultation
process (Creedon and O’Regan 2010). In palliative
care, patients may need to be prescribed opioids.
The nurse’s role as an independent non-medical
prescriber enables timely management of patients’
pain and access to appropriate drugs. Nurses can
also initiate alterations to medications and referral
to other healthcare professionals as appropriate,

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กำหนดไม่ใช่แพทย์มีการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของ
การปฏิบัติบทบาทพยาบาลขั้นสูงบางอย่างและได้รับการ
พัฒนาขึ้นเพื่อ:
การปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยโดยการส่งเสริมการเข้าถึง
. ยา
ช่วยให้ผู้ป่วยโดยการช่วยให้ทางเลือก
ในการดูแลสุขภาพ.
เพิ่มรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานในการดูแลสุขภาพ
ทีมและใช้ทักษะและความรู้ ของพยาบาล
ที่ทำงานในระดับปฏิบัติขั้นสูง.
กำหนดไม่ได้ช่วยทางการแพทย์ไปยังที่อยู่
บางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการยึดมั่นกับความเจ็บปวด
กลยุทธ์การจัดการ, ปรับปรุงการเข้าถึงของผู้ป่วย
ที่จะยาแก้ปวดและให้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อ
การประเมินและการจัดการความเจ็บปวดโรคมะเร็ง.
Lewis- อีแวนส์และเจสเตอร์ (2004) ระบุบางส่วนของ
ประโยชน์ของการกำหนดไม่ใช่แพทย์ผู้ป่วย
รวมทั้งการสื่อสารที่ดีขึ้นดีขึ้น
ต่อเนื่องของการดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้ป่วย
ในผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ.
ผู้ป่วยได้รับการดูแลแบบประคับประคองจะตอบสนอง
และให้ความสนับสนุนของการสั่งจ่ายยาไม่ใช่แพทย์
เพราะ พยาบาลจะถือว่ามีในเชิงลึก
ความรู้ของผู้ป่วยที่มีความรู้เสียงของ
ยาแก้ปวดและเวลามากขึ้นสำหรับการให้คำปรึกษา
กระบวนการ (Creedon และรีแกน 2010) ในทุเลา
การดูแลผู้ป่วยอาจจะต้องมีการกำหนด opioids.
บทบาทของพยาบาลในฐานะที่ไม่ใช่แพทย์อิสระ
ยาช่วยให้การจัดการเวลาที่เหมาะสมของผู้ป่วยที่
มีอาการปวดและการเข้าถึงยาที่เหมาะสม พยาบาลสามารถ
เริ่มต้นนอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนการใช้ยาและการอ้างอิง
ไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไม่ใช่แพทย์สั่งจ่ายยาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง
บางบทบาทและการพัฒนา :

ปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย โดยการส่งเสริมการเข้าถึง

ต่อโรค ช่วยให้ผู้ป่วย โดยให้แพทย์ทางเลือก
.
เพิ่มวิธีที่ยืดหยุ่นของการทำงานเป็นทีมสุขภาพ
และใช้ความรู้และทักษะของพยาบาล
ทำงานในระดับ การฝึกขั้นสูง ไม่ใช่แพทย์จ่ายยาช่วย

ที่อยู่มีปัญหาเกี่ยวกับการปวด
กลยุทธ์การจัดการปรับปรุงผู้ป่วยเข้าถึง
ให้ยาแก้ปวด และให้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อ
การประเมินและการจัดการความเจ็บปวดมะเร็ง .
ลูอิสอีแวนส์และตัวตลก ( 2004 ) ที่ระบุบางส่วนของประโยชน์ของการ
ไม่ใช่แพทย์กับผู้ป่วย รวมถึงการปรับปรุงความต่อเนื่องดีกว่า

ดูแลการสื่อสาร และเพิ่มความมั่นใจผู้ป่วย
ในผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยได้รับการดูแลแบบประคับประคองมี

เพื่อตอบสนองและสนับสนุนของแพทย์ - ยา
เพราะพยาบาลถือว่ามีความรู้เชิงลึก
ของผู้ป่วย ความรู้เสียงของ
ยาระงับปวดและเวลามากขึ้นเพื่อให้กระบวนการปรึกษาหารือ
( creedon และ o'regan 2010 ) ในการดูแลแบบประคับประคอง
, ผู้ป่วยอาจจะต้องได้รับยาแพทย์สั่ง
บทบาทของพยาบาลในการเป็น prescriber แพทย์ -
อิสระช่วยบริหารเวลาของผู้ป่วย
ความเจ็บปวดและเข้าถึงยาได้อย่างเหมาะสม พยาบาลสามารถ
ยังเริ่มต้นแก้โรคและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพอื่น ๆอ้างอิง
ตามความเหมาะสม