ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของกลองเส็ง
กลองเส็ง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลองกิ่ง ในสมัยโบราณกลองเส็งใช้เป็นสัญญาณส่งข่าวบอกเหตุนอกจากนี้กลองเส็งยังเป็นเครื่องดนตรีสำคัญที่ใช้ตีในพิธีกรรม ตีในกิจกรรมบันเทิงประกอบการฟ้อน ในปัจจุบันมีข้อมูลพบว่ากลองเส็งมีอยู่ 4 อำเภอคือเมืองชัยภูมิ อำเภอจัตุรัส อำเภอบ้านเขว้าและอำเภอหนองบัวระเหว ความเชื่อเกี่ยวกับกลอง
ความเชื่อ
ชาวบ้านมีความเชื่อว่ากลองเส็งเป็นสัญญาณแห่งความสามัคคีผู้ทำจึงมีวิธีการที่ละเอียดอ่อน ประณีตบรรจงผู้ทำใส่ ความรู้สึกใส่จิตวิญญาณเข้าไปในตัวกลองในทุกขั้นตอนเริ่มตั้งแต่เข้าป่าเพื่อเลือกไม้ต้องเลือกวัน เดือนที่เจ้าป่าเจ้าเขาเพื่อขออนุญาตตัดไม้ซึ่งวันที่เจ้าป่าเจ้าเขาไม่อยู่ก็คือวันพระเมื่อเลือกต้นไม้ที่จะตัดแล้วก็ต้องขอให้นางไม้ช่วยให้เสียงกลอง
ลักษณะของกลองเส็ง
กลองเส็งเป็นกลองสองหน้า ตัวกลองทำด้วยไม้ประดู่หุ้มด้วยหนัง ดึงให้ตึงด้วยเชือกหนังแต่ในปัจจุบันใช้เชือกไนล่อนแทน กลองเส็งมีขนาดต่างกันความยาวประมาณ 85 เซนติเมตร ความกว้างของหน้ากลองประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนความกว้างด้นล่างประมาณ 20 เซนติเมตร
ส่วนประกอบของกลองเส็ง
1.ตัวกลอง
2.หนังกลอง
3.หนังร้อย
ขั้นตอนการทำกลองเส็ง
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.วิธีทำตัวกลอง
2.วิธีขึ้นหนังหน้ากลอง
เมื่อได้หนังที่ผ่านการตำจนนิ่มแล้วนำหนังหน้ากลองวางคว่ำที่ปากกลองใช้ไม้ขาไซสอดเข้าที่รูหูบักโก รูหูบักโก คือรูที่เจาะบนแผ่นหนังซึ่งเป็นรูที่เจาะรอบๆแผ่นหนังกลองใช้ไม้ขาไซสอดที่รูหูบักโกจนครบทุกรู ใช้เชือกซึ่งเมื่อก่อนจะใช้หนังควายตากแดดให้แห้งบิดเป็นเกลียวแต่ปัจจุบันใช้เชือกไนล่อนร้อยสอดไปตามไม้ขาไซเพื่อคล้องที่หูกลองไปยังเหล็กหน้าน้อยขึ้นลงในลักษณะฟันปลาแล้วดึงให้ตึง จากนั้นถอดไม้ขาไซออกเพื่อรอขึงด้วยไม้กา
วิธีการขึงหน้ากลองด้วยไม้กา
ใช้ด้านที่เป็นปากกาสอดไปทางหน้ากลองนำเชือกมาพาดไว้แล้วใช้แรงงานคนจำนวน 2-3 คน ช่วยกันออกแรงหมุนบิดเส้นเชือกให้ตึงตลอดตัวกลอง การขันเชือกหน้ากลองด้วยกาจะขันไปเรื่อยๆจนกว่าหนังหน้ากลองจะตึง หากหน้ากลองยังไม่ตึงจะใช้ไม้มือลิงซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยงัดเส้นเชือกเพื่อใช้ลิ่มสอดระหว่างเส้นเชือกแล้วบิดหมุน คล้ายกับวิธีการขันชะเนาะ เพื่อให้หนังหน้ากลองตึง
การทดสอบกลอง
เมื่อขึงหน้ากลองได้ตึงจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็นำหน้ากลองออกมาจากไม้กาเพื่อขัดหน้ากลองจนเนียนด้วกระดาษทรายและทดสอบตีเพื่อแต่งเสียงกลอง หากเสียงกลองยังไม่ดังกังวานป็นที่น่าพอใจก็จะนำไปขึงหน้ากลองใหม่ด้วยการใช้ไม้กาและนำมาทดสอบด้วยการตีจนกว่าเสียงจะดังกังวานเป็นที่น่าพอใจ แต่จะต้องระวังหนังหน้ากลองฉีกขาดใช้ไม้เสี่ยมและไม้มือลิงเป็นอุปกรณ์ช่วยงัดเส้นหนังร้อยเพื่อหมุนไม้ขี้พร้าบิดหนังร้อยเพื่อทำให้หนังหน้ากลองตึงอีกครั้งหนึ่ง
การเส็งกลอง คือ การตีกลองแข่งขัน วัดด้วยความแรงและความดังของเสียง ภูมิปัญญาชาวบ้านดั้งเดิมใช้ภาชนะประเภทกระถางดินปากบานหรือกะละมังเผาใส่น้ำให้เต็มตั้งไว้ด้านหน้ากลองที่กำลังตีอยู่หากน้ำในภาชนะของฝ่ายใดกระเพื่อมออกมากกว่าถือว่าชนะ
โอกาสที่บรรเลง
การเส็งกลอง ในจังหวัดชัยภูมิใช้ตีในงานประเพณีต่างๆ เช่น งานบุญเดือนหก งานบุญเข้าพรรษา งานออกพรรษา งานประจำปี เช่น งานฉลองอนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล ตลอดจนใช้ในพิธีเปิดงานต่างๆ เช่น งานบุญสงกรานต์ งานลอยกระทง งานกีฬาสถาบัน ในบางครั้งก็จัดให้มีการตีเพื่องานบันเทิง แต่ในปัจจุบันเริ่มจัดให้มีแข่งขันเชื่อมความสามัคคีระหว่างหมู่บ้าน และยังถือว่าเป็นกีฬาพื้นบ้านของจังหวัดชัยภูมิ การแพ้ชนะไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ
กลองเส็งกับการปรับเปลี่ยนทางสังคม
การสืบทอดในปัจจุบันนี้เกี่ยวกับเรื่องกลองเส็ง หากดูทั่วๆไปนั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเนื่องจากปัจจัยต่างๆนั้นไม่ได้อำนวยเหมือนสมัยก่อนอันได้แก่ กระบวนการผลิตกลองก็น้อยลงเรื่อยๆ ส่วนมากจะปรากฏแต่กลองที่เคยทำและใช้มาหลายปีแล้วเกี่ยวกับช่างกลองก็ชรามากและเสียชีวิตไปแล้ว คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจที่จะสืบทอด ทำให้กลองเส็งในจังหวัดชัยภูมิใกล้จะสูญหาย
ด้านประเพณี ให้ลูกหลานหรือคนรุ่นหลังมีโอกาสได้ศึกษาเพราะคนเฒ่าคนแก่เริ่มไม่มีแรงเส็งกลอง จึงต้องให้ลูกหลานที่มีกำลังแรงดีมาเส็งกลองแทนถือเป็นการสืบทอดประเพณีการเส็งกลองบางท้องถิ่นยังมีการใช้กลองเป็นสัญญาณต่างๆ เช่น ตีตอนเรียกชาวบ้านประชุม ตีย่ำค่ำเรียกว่า ”กลองแลง” ตีตอนกลางคืนรียกว่า ”กลองดึก” เป็นต้น