IntroductionCompetitive forces are

Introduction
Competitive forces are putting โรงงาน under pressure to improve quality, delivery
performance, and responsiveness while simultaneously reducing costs. In response,
โรงงาน are increasingly exploring ways to leverage their supply chains, and in
particular, to systematically evaluating the role of suppliers in their activities. One
result has been the increased outsourcing of activities not considered to represent core
competencies (Prahalad and Hamel, 1990). This enables โรงงาน to better utilize their
resources, increasing the value added attributable to them. It also allows them to be
more flexible and responsive to changing needs. Moreover, outsourcing allows โรงงาน to
exploit the capabilities, expertise, technologies, and ประสิทธิ์ผล of their suppliers.
Increased outsourcing, however, implies greater reliance on suppliers and a
commensurate need to manage the supplier base. This has for some companies
meant reducing and streamlining the supplier base, and/or developing closer
relationships with suppliers (Scannell et al., 2000).
At an operational level, the benefit to a buyer of developing close relationships with
key suppliers comes in the form of improved quality or delivery service, reduced cost,
or some combination thereof. At a strategic level, it should lead to sustainable
improvements in product quality and innovation, enhanced competitiveness, and
increased market share. These should in turn be reflected by improvements in financial
performance. A number of authors have examined the role of relationships in business
in general, and more specifically, in the buyer-supplier context. The research stream
can be traced back to early work in industrial marketing (Hakansson, 1982), though
theoretical frameworks such as transaction cost economics (Williamson, 1985) and the
resource based view of the โรงงาน (Wernefelt, 1984) have also been used to explain why
โรงงาน are motivated to outsource, and the impact this has on relationship development.
In recent years there has been considerable interest in empirical studies of
buyer-supplier relationships (SBSR). In particular, identification of when these
relationships are appropriate, the dimensions of effective relationships, and how
relationships can be a source of competitive advantage have received considerable
attention in the literature (Ellram, 1995; Carr and Pearson, 1999; O’Toole and
Donaldson, 2000; Corsten and Felde, 2004). While the literature is extensive, questions
remain. For example, little evidence exists of the impact of supplier selection (SS), a key
attribute of the sourcing process, on relationship performance. There is also only
limited evidence of the benefits attributable directly to these relationships, and how
these affect broader measures of the buying โรงงาน’s performance. This study posits that
positive outcomes from a SBSR are the direct result of both the criteria used to select
key suppliers and efforts to engage suppliers in a manner conducive to relationship
success. Moreover, it posits that a successful relationship directly and positively
influences measures of the buying โรงงาน’s financial and market performance. A
structural equation model is proposed and tested using data from a survey of senior
purchasing and materials management professionals. The following section reviews
the literature on SBSR and SS and lays the foundation for the hypotheses and model to
be tested. Subsequent sections describe the research methodology, results, and
implications of the study.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนำ
กองกำลังแข่งขันจะวางโรงงานภายใต้ความกดดันในการปรับปรุงคุณภาพการส่งมอบ
ประสิทธิภาพการทำงานและการตอบสนองในขณะเดียวกันการลดค่าใช้จ่าย ในการตอบสนอง
โรงงานมีมากขึ้นการสำรวจวิธีการที่จะยกระดับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาและใน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะเป็นระบบการประเมินบทบาทของซัพพลายเออร์ในการทำกิจกรรมของพวกเขา หนึ่งใน
ผลที่ได้รับการจ้างที่เพิ่มขึ้นของกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นตัวแทนหลัก
สมรรถนะ (Prahalad และ Hamel, 1990) ซึ่งจะช่วยให้โรงงานที่ดีกว่าการใช้ประโยชน์ของพวกเขา
ทรัพยากรการเพิ่มมูลค่าเพิ่มส่วนที่เป็นของพวกเขา นอกจากนี้ยังช่วยให้พวกเขาเป็น
ชั้นมากขึ้นยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังช่วยให้การจ้างโรงงานที่จะ
ใช้ประโยชน์จากความสามารถและความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีและประสิทธิ์ผลของซัพพลายเออร์ของพวกเขา.
เพิ่มการจ้าง แต่หมายถึงความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับซัพพลายเออร์และ
ความจำเป็นสมน้ำสมเนื้อในการจัดการฐานซัพพลายเออร์ นี้มีบาง บริษัท
หมายถึงการลดและการปรับปรุงฐานผู้ผลิตและ / หรือการพัฒนาใกล้ชิด
ความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ (Scannell et al., 2000).
ในระดับการปฏิบัติงานและ Bene Fi T ให้กับผู้ซื้อในการพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ
ซัพพลายเออร์ที่สำคัญมาใน รูปแบบของการปรับปรุงคุณภาพหรือบริการจัดส่งลดค่าใช้จ่าย
หรือการรวมกันดังกล่าวบางส่วน ในระดับยุทธศาสตร์ก็ควรนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและ
ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น เหล่านี้ควรในการเปิดอีกครั้ง ected ฟลอริด้าโดยการปรับปรุงในการเงิน
ประสิทธิภาพ จำนวนผู้เขียนได้ตรวจสอบบทบาทของความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจ
โดยทั่วไปและอื่น ๆ ถอนรากถอนโคนระบุไว้ในบริบทของผู้ซื้อผู้ขาย กระแสการวิจัย
สามารถตรวจสอบกลับไปทำงานในช่วงต้นตลาดอุตสาหกรรม (Hakansson 1982) แม้ว่า
กรอบทฤษฎีเช่นเศรษฐศาสตร์ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม (วิลเลียมสัน, 1985) และ
มุมมองตามทรัพยากรของโรงงานนี้ (Wernefelt, 1984) นอกจากนี้ยังมีการใช้ อธิบายได้ว่าทำไม
โรงงานมีแรงจูงใจที่จะ outsource และผลกระทบนี้ที่มีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์.
ในปีที่ผ่านมามีความสนใจเป็นอย่างมากในการศึกษาเชิงประจักษ์ของ
ความสัมพันธ์ของผู้ซื้อผู้จัดจำหน่าย (SBSR) โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบุไอออนบวก Fi เมื่อเหล่านี้
ความสัมพันธ์ที่มีความเหมาะสมกับขนาดของความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพและวิธีการที่
ความสัมพันธ์สามารถเป็นแหล่งของความได้เปรียบในการแข่งขันได้รับจำนวนมาก
ให้ความสนใจในวรรณคดี (Ellram, 1995; คาร์และเพียร์สัน 1999; โอทูลและ
โดนัลด์ 2000; Corsten และ Felde, 2004) ในขณะที่วรรณกรรมเป็นที่กว้างขวางคำถาม
ยังคงอยู่ ยกตัวอย่างเช่นหลักฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีอยู่ของผลกระทบของการเลือกซัพพลายเออร์ (เอสเอส) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการ
แอตทริบิวต์ของกระบวนการจัดหาที่เกี่ยวกับผลการดำเนินงานความสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังมีเพียง
หลักฐานที่ จำกัด ของ TS Bene Fi ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความสัมพันธ์เหล่านี้และวิธีการ
เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อมาตรการที่กว้างขึ้นของการซื้อโรงงานของประสิทธิภาพการทำงาน การศึกษาครั้งนี้ posits ว่า
ผลบวกจาก SBSR เป็นผลโดยตรงของทั้งสองเกณฑ์ที่ใช้ในการเลือก
ซัพพลายเออร์ที่สำคัญและความพยายามที่จะมีส่วนร่วมในลักษณะซัพพลายเออร์ที่เอื้อต่อความสัมพันธ์
ที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยัง posits ว่ามีความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จทั้งทางตรงและทางบวก
ใน uences มาตรการฟลอริด้าของการซื้อโรงงานของการเงินและการตลาด
โมเดลสมการโครงสร้างมีการเสนอและผ่านการทดสอบโดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจอาวุโส
ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการการจัดซื้อและวัสดุ ส่วนต่อไปนี้คำวิจารณ์
วรรณกรรมเกี่ยวกับ SBSR และเอสเอสและวางรากฐานสำหรับสมมติฐานและรูปแบบที่จะ
ได้รับการทดสอบ ส่วนที่ตามมาอธิบายวิธีการวิจัยผลลัพธ์และ
ผลกระทบของการศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนะนำพลังการแข่งขัน จะวางโรงงานภายใต้ความดันเพื่อปรับปรุงคุณภาพ จัดส่งประสิทธิภาพและการตอบสนองในขณะที่ในเวลาเดียวกันการลดต้นทุน ในการตอบสนองต่อโรงงานต่างหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา และในโดยเฉพาะระบบประเมินบทบาทของซัพพลายเออร์ในกิจกรรมของพวกเขา หนึ่งผลที่ได้รับการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมไม่ถือว่าเป็นตัวแทนของแกนสมรรถนะ ( เค พา ลัด และแฮเมิล , 2533 ) นี้จะช่วยให้โรงงานที่ดีในการใช้ประโยชน์จากพวกเขาทรัพยากร , การเพิ่มมูลค่าเพิ่มจากพวกเขา มันยังช่วยให้พวกเขาเป็นfl exible มากขึ้น และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไป . นอกจากนี้ โรงงาน Outsourcing ให้กับใช้ประโยชน์จากความสามารถ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และประสิทธิ์ผลของซัพพลายเออร์ของพวกเขาเพิ่มขึ้น outsourcing , อย่างไรก็ตาม , บางมากขึ้น การพึ่งพาซัพพลายเออร์และแต่ต้องจัดการซัพพลายเออร์เบส มีบาง บริษัทหมายถึงการลด และข่าวกรองฐานผู้จําหน่าย และ / หรือพัฒนา ใกล้ความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ ( สแคนเนิล et al . , 2000 )ในระดับปฏิบัติการ , ดีจึงต้องการผู้ซื้อพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์หลักที่มาในรูปแบบของการปรับปรุงคุณภาพหรือบริการ , การลดต้นทุน ,หรือรวมกัน ในระดับยุทธศาสตร์ ควรนําไปอย่างยั่งยืนในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมและการแข่งขันเพิ่มขึ้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด เหล่านี้ควรจะถูก re flประมวลโดยการปรับปรุงจึง nancialผลการปฏิบัติงาน จำนวนของผู้เขียนได้ศึกษาบทบาทของความสัมพันธ์ในทางธุรกิจโดยทั่วไป และประเภทจึงคอลลี่ในผู้ซื้อ ผู้ผลิต บริบท กระแสงานวิจัยสามารถสืบย้อนไปถึงงานแรกในตลาดอุตสาหกรรม ( hakansson , 1982 ) แม้ว่ากรอบแนวคิดเชิงทฤษฎี เช่น เศรษฐศาสตร์ต้นทุนธุรกรรม ( วิลเลียมสัน , 2528 ) และมุมมองฐานทรัพยากรของโรงงาน ( wernefelt , 1984 ) ยังถูกใช้ในการอธิบายว่าทำไมโรงงานมีแรงจูงใจที่จะ outsource และผลกระทบที่มีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ใน ปี ล่าสุดได้มีความสนใจเป็นอย่างมากในการศึกษาเชิงประจักษ์ของความสัมพันธ์ผู้ซื้อ ซัพพลายเออร์ ( sbsr ) โดยเฉพาะ identi จึงบวกเมื่อเหล่านี้ความสัมพันธ์ที่เหมาะสม ขนาดของความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพและวิธีการความสัมพันธ์สามารถเป็นแหล่งของความได้เปรียบในการแข่งขันที่ได้รับมากความสนใจในวรรณคดี ( ellram , 1995 ; คาร์และ Pearson , 1999 ; AMD และโดนัลด์ , 2000 ; Corsten และ felde , 2004 ) ในขณะที่วรรณกรรมมากมาย คำถามคงอยู่ ตัวอย่าง หลักฐานน้อยมีอยู่ของผลกระทบของการเลือกซัพพลายเออร์ ( SS ) , คีย์คุณลักษณะของกระบวนการจัดหางาน , ความสัมพันธ์ มีเพียงหลักฐานที่ จำกัด ของ TS โดยตรงดีจึงจากความสัมพันธ์เหล่านี้ อย่างไรเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อมาตรการที่กว้างขึ้นของการซื้อโรงงานประสิทธิภาพของ การศึกษานี้ posits ว่าบวกผลจาก sbsr เป็นผลโดยตรงของทั้งเกณฑ์ที่ใช้เลือกซัพพลายเออร์หลักและความพยายามที่จะต่อสู้กับซัพพลายเออร์ในลักษณะที่เอื้อต่อความสัมพันธ์ความสำเร็จ นอกจากนี้ posits ที่ความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จโดยตรงทางบวกในfl uences มาตรการของการซื้อ nancial จึงโรงงานและประสิทธิภาพของตลาด เป็นแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง คือ การนำเสนอ และทดสอบการใช้ข้อมูลจากการสำรวจของรุ่นพี่การจัดซื้อและการจัดการวัสดุ มืออาชีพ ส่วนรีวิวต่อไปนี้วรรณกรรมและ sbsr เอสเอสและวางรากฐานสำหรับสมมติฐานและรุ่นจะทดสอบ ต่อมาส่วนที่อธิบายถึงวิธีการและผลจากการวิจัยความหมายของการศึกษา