To implement the relation in expres

To implement the relation in expression (6) in an empirical setting, it is still necessary to specify how observable data are used to form expec­
tations about future abnormal earnings. This becomes the key step in the research design and, ultimately, the step that distinguishes one study from another. However, this step can be accomplished with assumptions much more plausible than those invoked in studies based on the dividend dis­ count formula. For example, define financial assets as those that represent zero net present value projects, so that, only operating assets are expect­ ed to generate abnormal returns. Then, assume abnormal earnings exhib­ it reversion over time to a (possibly nonzero) mean. That is a sensible assumption in the face of competitive pressures and one that is consistent with evidence in Penman (1991) and Bernard (1994). More specifically,
assume abnormal earnings follow a simple autoregressive process. This is
restrictive, but good enough to capture the first-order effects of the behav­
ior of abnormal earnings. These assumptions, when combined with the
relation in expression (6), produce the following valuation model, which also appears in Feltham and Ohlson (1995):

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การใช้ความสัมพันธ์ในนิพจน์ (6) การตั้งค่ารวม เป็นยังคงจำเป็นต้องระบุข้อมูลวิธี observable ใช้แบบฟอร์ม expectations เกี่ยวกับรายได้ในอนาคตผิดปกติ นี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการออกแบบวิจัยและ สุด ขั้นตอนที่หนึ่งการศึกษาแตกต่างจาก อย่างไรก็ตาม สามารถทำขั้นตอนนี้ มีสมมติฐานที่เป็นไปได้มากขึ้นกว่าผู้เรียกในการศึกษาตามเงินปันผล dis สูตรนับ ตัวอย่าง กำหนดสินทรัพย์ทางการเงินเป็นผู้ที่แสดงถึงศูนย์สุทธิมีมูลค่าโครงการ นั้น เฉพาะการดำเนินงานสินทรัพย์คาดว่า ed สร้างกลับผิดปกติ แล้ว คิดว่ากำไรปกติ exhib มัน reversion เวลาผ่านไปค่าเฉลี่ย (อาจ nonzero) นั่นคืออัสสัมชัญเหมาะสมหน้าดันแข่งขันและที่สอดคล้องกับหลักฐานใน Penman (1991) และ Bernard (1994) อื่น ๆ โดยเฉพาะสมมติว่า กำไรปกติทำตามกระบวนการอย่าง autoregressive นี่คือจำกัด แต่ดีพอที่จะจับผลแรกสั่งของ behavior ของรายได้ปกติ สมมติฐานเหล่านี้ เมื่อรวมกับการความสัมพันธ์ในนิพจน์ (6), ผลิตรุ่นค่าต่อไปนี้ ซึ่งยัง ปรากฏอยู่ใน Feltham และ Ohlson (1995):

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่จะใช้ความสัมพันธ์ในการแสดงออก (6) ในการตั้งค่าเชิงประจักษ์ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะระบุว่าข้อมูลที่สังเกตได้ถูกนำมาใช้ในรูปแบบ EXPEC
tations เกี่ยวกับรายได้ในอนาคตที่ผิดปกติ นี้จะกลายเป็นขั้นตอนสำคัญในการออกแบบการวิจัยและในที่สุดขั้นตอนที่แตกต่างการศึกษาจากที่อื่น แต่ขั้นตอนนี้สามารถทำได้ด้วยสมมติฐานที่เป็นไปได้มากขึ้นกว่าที่เรียกในการศึกษาบนพื้นฐานของการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้นับสูตร ยกตัวอย่างเช่นการกำหนดสินทรัพย์ทางการเงินกับผู้ที่เป็นตัวแทนของศูนย์โครงการมูลค่าปัจจุบันสุทธิเพื่อให้สินทรัพย์ดำเนินงานเพียง แต่คาดหวังว่าเอ็ดที่จะสร้างผลตอบแทนที่ผิดปกติ แล้วถือว่าผลประกอบการพลิกกลับผิดปกติ exhib มันมากกว่าเวลาที่จะ (อาจไม่ใช่ศูนย์) หมายถึง นั่นคือสมมติฐานที่เหมาะสมในการเผชิญกับแรงกดดันการแข่งขันและคนที่มีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานในนักเขียน (1991) และเบอร์นาร์ด (1994) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถือว่าผลประกอบการที่ผิดปกติเป็นไปตามกระบวนการอัตง่าย
นี่คือข้อ จำกัด แต่ดีพอที่จะจับภาพผลกระทบที่สั่งซื้อครั้งแรกของ behav IOR ของรายได้ที่ผิดปกติ สมมติฐานเหล่านี้เมื่อรวมกับความสัมพันธ์ในการแสดงออก (6), การผลิตรูปแบบการประเมินต่อไปนี้ซึ่งยังปรากฏอยู่ใน Feltham และ Ohlson (1995):

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การใช้ความสัมพันธ์ในการแสดงออก ( 6 ) ในบรรยากาศเชิงประจักษ์ ก็ยังจำเป็นต้องระบุว่า ข้อมูลที่สังเกตได้มีการใช้ในรูปแบบ expec อง
tations เกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ผิดปกติ นี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการออกแบบการวิจัยและ , ในที่สุด , ขั้นตอนที่แตกต่างการศึกษาหนึ่งจากอีก อย่างไรก็ตามขั้นตอนนี้สามารถทำได้กับสมมติฐานที่น่าเชื่อถือมากขึ้นกว่าที่เรียกใช้ในการศึกษาตามองนับเงินปันผลจากสูตร ตัวอย่างเช่น กำหนดสินทรัพย์ทางการเงินเป็นผู้ที่เป็นตัวแทนของศูนย์สุทธิมูลค่า ปัจจุบันโครงการ ดังนั้น เฉพาะสินทรัพย์ที่คาดหวังองเอ็ดเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ผิดปกติ จากนั้นถือว่าผิดปกติจาก exhib องมันกลับเกินเวลา ( อาจจะ 0 ) หมายถึง ที่เป็นสมมติฐานที่เหมาะสมในการเผชิญกับแรงกดดันการแข่งขันที่สอดคล้องกับหลักฐานใน Penman ( 1991 ) และเบอร์นาร์ด ( 1994 ) มากขึ้นโดยเฉพาะ
ถือว่ากำไรปกติตามกระบวนการ วิธีง่าย ๆ นี่คือ
เข้มงวดแต่พอจับเพื่อผลของ behav อง
Wenzhou อาวุโสของรายได้ที่ผิดปกติ สมมติฐานเหล่านี้ เมื่อรวมกับ
สัมพันธ์ในการแสดงออก ( 6 ) ผลิตแบบจำลองมูลค่าตาม ซึ่งยังปรากฏใน feltham และโอลสัน ( 1995 ) :