Conserving Resources. A study by Mi

Conserving Resources. A study by Michigan Technological University’s Joshua Pearce found that 3-D printing of products at home results in less energy and less carbon dioxide released into the air when compared with factory production. The 3-D option also reduces waste is because only materials that are needed are used in actual production. Plus, 3-D printing can also be used to recycle plastic:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อนุรักษ์ทรัพยากร การศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเทคโนโลยีโยชูวา Pearce พบว่า พิมพ์ 3 มิติของผลิตภัณฑ์ที่ผลน้อยกว่า และน้อย กว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปในอากาศเมื่อเทียบกับโรงงานผลิต ตัว 3 มิติยังช่วยลดขยะเนื่องจากใช้วัสดุที่มีความจำเป็นในการผลิตจริง พลัส 3 มิติพิมพ์ยังสามารถใช้กับพลาสติกรีไซเคิล:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การอนุรักษ์ทรัพยากร การศึกษาโดยเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยมิชิแกนของโจชัวเพียร์ซพบว่าการพิมพ์ 3 มิติของผลิตภัณฑ์ที่ผลที่บ้านในการใช้พลังงานน้อยลงและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยปล่อยออกสู่อากาศเมื่อเทียบกับการผลิตจากโรงงาน ตัวเลือก 3 มิตินอกจากนี้ยังช่วยลดของเสียเป็นเพราะวัสดุเดียวที่มีความจำเป็นที่ใช้ในการผลิตที่เกิดขึ้นจริง นอกจากนี้การพิมพ์ 3 มิตินอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ในการรีไซเคิลพลาสติก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การอนุรักษ์ทรัพยากร การศึกษาโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมิชิแกนของโจชัว เพียร์ซ พบว่าผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์ 3 มิติผลในบ้านพลังงานน้อยลงและน้อยกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศ เมื่อเทียบกับโรงงานผลิต 3 - D ตัวเลือกยังช่วยลดขยะ เพราะเป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตจริง บวกกับการพิมพ์ 3 มิติยังสามารถใช้ในการรีไซเคิลพลาสติก