Purpose of the research: The purpos

Purpose of the research: The purpose of the study was to compare the effectiveness of massage based on
the tensegrity principle and classical abdominal massage performed on patients with constipation.
Materials and methods: The study group consisted of 29 subjects with a pre-existing diagnosis of
constipation based on the Rome III criteria. The patients were divided into two groups: the first groupwas
made up of 15 patients who underwent tensegrity massage (average age: 59.8 years), and the secondwas
made up of 14 patients who were given classical abdominal massage (average age: 55.7 years). The study
consisted of six massage sessions in both groups, with two sessions perweek performed over 21 days. The
assessment was based on a patient questionnaire, the Rome III questionnaire and a diary of bowel
movements. The results were analyzed before therapy, after one week of therapy and after the third
(final) week of therapy.
Results: Changes in the number of defecations were compared between the two groups; the biggest
changes occurred in the first and third week of therapy (P

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการวิจัย: วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการ เปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดตามtensegrity หลักการนวดท้องคลาสสิกทำในผู้ป่วยที่มีปัญหาท้องผูกวัสดุและวิธีการ: กลุ่มศึกษาประกอบด้วยวิชาที่ 29 ด้วยคำวินิจฉัยที่มีอยู่ก่อนท้องผูกตามเกณฑ์โรม III ผู้ป่วยถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม: groupwas แรกประกอบด้วยผู้รับการนวด tensegrity ป่วย 15 (เฉลี่ยอายุ: ปี 59.8), และ secondwasประกอบด้วย 14 ผู้ป่วยที่ได้รับการนวดท้องคลาสสิก (เฉลี่ยอายุ: 55.7 ปี) การศึกษาประกอบด้วยหกครั้งนวดในทั้งสองกลุ่ม กับ perweek สองครั้งทำมากกว่า 21 วัน ที่การประเมินเป็นไปตามแบบสอบถามผู้ป่วย แบบสอบถามที่โรม III และไดอารี่ของลำไส้เคลื่อนไหว มีวิเคราะห์ผลลัพธ์ก่อนบำบัด หลัง จากหนึ่งสัปดาห์ของการรักษา และ หลังที่สามสัปดาห์ (สุดท้าย) ของการรักษาด้วยผลลัพธ์: การเปลี่ยนแปลงในจำนวน defecations ได้เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มสอง ใหญ่ที่สุดเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสัปดาห์แรก และที่สามของการรักษา (P < 0.01 คำนวณ โดยทดสอบมานน์ – Whitey) เป็นผลของการรักษา ความตึงเครียดระหว่าง defecation ลดลงจาก 60% เป็น 20% ในกลุ่ม จาก 42.8%35.7% ในกลุ่มที่สอง อิทธิพลของการรักษาที่ใช้ถูกประเมินบวก โดย 80% ของ tensegrityนวดกลุ่มและ 29% ของกลุ่มคลาสสิกนวดท้องบทสรุป: นวดตามหลักการ tensegrity อาจมีอิทธิพลต่อบวกกับการคุณภาพและปริมาณของการเคลื่อนไหวของลำไส้มากกว่าคลาสสิกนวดท้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการวิจัย:
จุดประสงค์ของการศึกษาคือเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการนวดบนพื้นฐานของหลักการTensegrity และนวดท้องคลาสสิกดำเนินการในผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก.
วัสดุและวิธีการ: กลุ่มการศึกษาประกอบด้วย 29 วิชาที่มีการวินิจฉัยที่มีอยู่ก่อนของ
อาการท้องผูกขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่กรุงโรมที่สาม ผู้ป่วยที่ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ groupwas
แรกที่สร้างขึ้นจาก15 ผู้ป่วยที่เข้ารับการนวด Tensegrity (อายุเฉลี่ย: 59.8 ปี) และ secondwas
สร้างขึ้นจาก 14 ผู้ป่วยที่ได้รับการนวดท้องคลาสสิก (อายุเฉลี่ย: 55.7 ปี) การศึกษาประกอบด้วยหกประชุมบริการนวดในทั้งสองกลุ่มมีสองช่วง perweek ดำเนินการมากกว่า 21 วัน ประเมินอยู่บนพื้นฐานของแบบสอบถามผู้ป่วยแบบสอบถามโรม III และไดอารี่ของลำไส้เคลื่อนไหว ผลการวิเคราะห์ก่อนการรักษาด้วยหลังจากหนึ่งสัปดาห์ของการรักษาและหลังที่สาม(สุดท้าย) สัปดาห์ของการรักษา. ผล: การเปลี่ยนแปลงของจำนวน defecations ถูกเมื่อเทียบระหว่างสองกลุ่ม ที่ใหญ่ที่สุดที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกและที่สามของการรักษา (p <0.01 ซึ่งคำนวณโดยการทดสอบ Mann-เผือก) ในฐานะที่เป็นผลมาจากการรักษาด้วยความตึงเครียดระหว่างการถ่ายอุจจาระลดลงจาก 60% เป็น 20% ในกลุ่มและจาก 42.8% เป็น 35.7% ในกลุ่มที่สอง อิทธิพลของการรักษาด้วยการใช้ที่ได้รับการประเมินในทิศทางบวกโดย 80% ของ Tensegrity กลุ่มนวดและ 29% ของกลุ่มนวดท้องคลาสสิก. สรุปผลการวิจัย: นวดบนพื้นฐานของหลักการ Tensegrity อาจมีอิทธิพลในทางบวกมากขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพและปริมาณของการเคลื่อนไหวของลำไส้กว่านวดท้องคลาสสิก